"เมียพี่กี้ร์" โดนหนัก ป.ป.ช.ไต่สวนกรณีจงใจยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จอีกกระทง หลังถูกชี้มูลทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
แหล่งข่าวระดับสูงจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดนางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ภรรยานายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อดีตแกนนำคนเสื้อแดงว่า นอกเหนือจากคดีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติจำนวน 42.8 ล้านบาท ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการชี้มูลความผิดไปแล้ว ป.ป.ช.ได้ดำเนินการไต่สวนกรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ปกปิดทรัพย์สินและหนี้สินอีกคดีหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ ความคืบหน้าล่าสุดดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างนำเสนอต่อที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อวินิจฉัยในเร็วๆ นี้
“การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนางระพิพรรณ ได้ทำควบคู่กันไป ทั้งเรื่องรวยผิดปกติ และเรื่องปกปิดทรัพย์สินและหนี้สิน โดยทั้งสองเรื่องทำเสร็จหมดแล้ว แต่นำเรียนที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เรื่องรวยผิดปกติก่อน และเรื่องปกปิดทรัพย์สินอยู่ระหว่างการพิจารณานำเรียน” แหล่งข่าวกล่าว
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยถึงกรณีกลุ่มข้าราชการตำรวจสังกัด ภ.จว.เลย จำนวน 191 นาย เข้าร้องเรียนกรณีเกิดการทุจริตโครงการ “กู้รวมหนี้” ของสหกรณ์ออมทรัพย์ ภ.จว.เลย มูลค่ากว่า 229 ล้านบาท ว่าได้รับรายงานจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ว่าเมื่อปีงบประมาณ 2560 ช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2560 ข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.จว.เลย จำนวน 191 นาย ซึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย ได้เข้าร่วมโครงการบริหารหนี้ของ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล ซึ่งเป็นผู้บังคับการจังหวัดเลยในขณะนั้น โดยมีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ให้มีการบริหารจัดการหนี้สินที่มีอยู่กับสหกรณ์จำนวนไม่เกิน 4,000,000 บาท ให้หมดไปโดยเร็ว ถ้าไม่หมดก็ให้ทุเลาเบาบางลง แต่ต่อมาทางผู้บริหารโครงการไม่ได้ทำตามข้อตกลง ทำให้ข้าราชการตำรวจที่มาร้องเรียนยังคงเป็นหนี้อยู่ได้รับความเดือดร้อน
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า กรณีดังกล่าวนั้น ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มข้าราชการตำรวจทั้ง 191 ไว้แล้ว ซึ่งจะทำการตรวจสอบ โดยการตั้งกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ใช้เวลาการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ขณะนี้จะต้องรอความชัดเจนจากผลการตรวจสอบก่อน แม้ว่าผู้ถูกร้องเรียนแม้จะเป็นข้าราชการตำรวจระดับสูง ก็จะดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะถือว่าเป็นความเดือดร้อนของข้าราชการตำรวจจำนวนมาก
ทั้งนี้ ว่ากันตามพยานหลักฐาน ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการกระทำผิด ก็จะดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งทางผิดอาญาและทางวินัย อีกทั้งต้องตรวจสอบด้วยว่าเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ หรือถ้าเกี่ยวพัน เชื่อมโยงกับบุคคลในหลายภาคส่วน ก็จะประสาน ปปง., ป.ป.ช. ตรวจสอบร่วมกัน ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ถือเป็นข้อผูกพันกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่อย่างใด
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า ได้รายงานให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รับทราบแล้ว ผบ.ตร.ได้กำชับให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้รวดเร็ว ถูกต้องตามระเบียบและขั้นตอนของกฎหมาย ขณะนี้ต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 รายงานขึ้นมาก่อน ซึ่งคณะทำงานมีอิสระในการดำเนินการ หากพบเป็นความผิดก็ว่าไปตามกฎหมาย กฎระเบียบ ทั้งทางวินัยและอาญา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความเป็นธรรมให้กับข้าราชการตำรวจทุกฝ่าย ทั้งนี้ จะเร่งรัดการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยละเอียดอีกครั้ง เพื่อความชัดเจนและสามารถตอบคำถามของสังคมได้ต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |