23 เม.ย.64 -  ที่ สน.ปทุมวัน นางกุสุมาลย์ ประเสริฐศรี อุปนายกสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย พร้อมผู้ปกครองของเด็กนักกีฬายิมนาสติกลีลากว่า 10 ราย เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.เวียงแก้ว สุภาการณ์ สว.(สอบสวน) สน.ปทุมวัน ให้ดำเนินคดี กับชายซึ่งมียศ "เรือตรี" ได้แฝงตัวเข้าไปถ่ายภาพนักกีฬาส่อไปในการคุกคามทางเพศกว่า 8,000 ภาพ  

นางกุสุมาลย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2563 ณ อาคารนิมิบุตรสนามกีฬาแห่งชาติ โดยเมื่อเวลา 09.00 น. ได้มีการจัดการแข่งขันกีฬายิมนาสติกลีลาระหว่างโรงเรียนส่วนกลางทั่วประเทศซึ่งมีหลายรุ่นอายุด้วยกันทั้งรุ่นยุวชนเยาวชนและประชาชนการแข่งขันดังกล่าวเปิดให้ผู้เข้าชมทั่วไปเข้าชมการแข่งขันได้ฟรีโดยผู้ที่จะถ่ายภาพนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันจะต้องได้รับอนุญาตซึ่งฝ่ายจัดการแข่งขันได้จัดให้มีการลงทะเบียนสื่อและผู้ที่ได้รับอนุญาตโดยทุกคนจะต้องมีบัตรช่างภาพและอยู่ในจุดที่กำหนดไว้เท่านั้น

ต่อมาเวลา 17.00 น. ระหว่างมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันฯ ช่อง T Sports เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้ปกครองจากสโมสรสมาชิกฯ ว่าได้มีบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพเข้ามาในบริเวณอัฒจรรย์ (บริเวณผู้เข้าชมการแข่งขันฯ ) และได้ถ่ายภาพในลักษณะอนาจารในบริเวณสนามฝึกซ้อมจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเพื่อเข้าขอตรวจสอบรูปภาพจากกล้องถ่ายรูปของชายคนดังกล่าว แต่ชายคนดังกล่าวปฏิเสธที่จะให้ตรวจสอบและมีการข่มขู่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่าเป็นทหารหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังยืนยันที่จะตรวจสอบรูปภาพจากกล้องของชายคนดังกล่าวให้ได้จึงทำให้ชายคนดังกล่าวเกิดอาการโวยวายจะพยายามหนีออกจากบริเวณพื้นที่การแข่งขันเจ้าหน้าที่จึงเข้าขัดขวางเพื่อไม่ให้ชายคนดังกล่าวออกจากบริเวณพื้นที่

ชายคนดังกล่าวได้เป็นฝ่ายเริ่มทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ผู้หญิงโดยการถีบ 1 ครั้งหลังจากนั้นทางผู้ปกครองของนักกีฬาและช่างภาพที่ได้รับอนุญาตพร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ช่วยกันจับกุมชายคนดังกล่าวไว้และช่วยกันแย่งกล้อง 2 ตัวเพื่อนำไปตรวจสอบรูปภาพที่เจ้าหน้าที่ควบคุมคอมพิวเตอร์ในบริเวณสนามแข่งขันหลังจากตรวจสอบกล้องของชายคนดังกล่าวปรากฏว่ามีภาพถ่ายในลักษณะคุกคามทางเพศนักกีฬาประมาณ 8,000 กว่าภาพโดยถ่ายซูมเฉพาะหน้าอก ก้น และบริเวณอวัยวะเพศ ถึง 4,000 กว่าภาพคณะผู้ปกครองของนักกีฬา ได้ประสานงานไปยัง สน.ปทุมวัน ให้ส่งสายตรวจมารับตัวเมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขันคณะผู้ปกครองของนักกีฬาผู้เสียหาย ได้เดินทางเข้าร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่สน.ปทุมวัน หลังจากมาถึงสถานีตำรวจร้อยเวรสมาคมยิมนาสติก พร้อมผู้ปกครอง เข้าแจ้งความทหารเรือ แอบถ่ายรูปเด็ก-เยาวชนนักกีฬาไม่เหมาะสม ส่ออนาจาร ได้แจ้งว่าไม่เข้าข่ายอนาจารไม่มีความผิดโดยทางร้อยเวรให้ผู้ปกครองของนักกีฬาผู้เสียหาย ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

นางกุสุมาลย์เผยอีกว่า สมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทยได้ประสานไปยังกองทัพเรือซึ่งเป็นต้นสังกัดของผู้ก่อเหตุเนื่องจากนายทหารเรือผู้นี้ได้กระทำการที่ไม่เหมาะสมจริงจึงยอมจำนนต่อพยานและหลักฐานและได้ตกลงจะมาแสดงความรับผิดชอบและขอโทษต่อผู้ปกครองนักกีฬาที่ได้รับความเสียหายจนเวลาล่วงเลยมากว่า 2 เดือน ตั้งแต่คณะกรรมการสอบสวนได้สรุปผลการสอบและพิจารณาลงทัณฑ์กรณีดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 คณะผู้ปกครองของผู้เสียหายก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับจากผู้ก่อเหตุเพื่อแสดงความรับผิดชอบและยอมรับในการกระทำอย่างชายชาติทหารพึ่งจะมีและไม่เป็นสุภาพบุรุษทหารเรือดังค่านิยมของกองทัพเรือ (SAIL) อีกทั้งผู้ก่อเหตุยังได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายจิรา สามัคคียกุล อายุ 50 ปี ประกอบอาชีพส่วนตัว ผู้ปกครองของนักกีฬาซึ่งได้รับการมอบหมายจากฝ่ายจัดการแข่งขันให้ช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยในข้อหา 1. ทำร้ายร่างกาย 2. ทำให้เสียทรัพย์ 3. ข่มขืนใจไว้ที่สน.ปทุมวัน

"คณะผู้ปกครองของนักกีฬาที่ได้รับความเสียหายอีกกลุ่มหนึ่งมีความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องเรียนผ่านทางสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทยรวมทั้งสื่อมวลชนทุกภาคส่วนถึงการกระทำที่ไม่สมควรในครั้งนี้จึงนำซึ่งการเดินทางมาเพื่อเข้าแจ้งความในวันนี้ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีที่ได้ช่วยประสานงานกับผู้บังคับบัญชา (ผบก.น. 6) และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลปทุมวันให้ในวันนี้"นางกุสุมาลย์กล่าว

ขณะที่หนึ่งในผู้ปกครองของนักกีฬา วัย 13 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหาย  เปิดเผยว่า ตนเองได้เห็นภาพที่นายทหารเรือถ่ายไว้ พบว่ามีลักษณะจงใจถ่ายภาพที่ไม่เหมาะสม ในฐานะพ่อแม่รู้สึกเสียใจ และรู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งหลังเกิดเหตุ ทางผู้ปกครองได้ร่วมมือกับทางสมาคมเพื่อช่วยกันสอดส่องไม่ได้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก ส่วนลูกซึ่งยังเป็นเด็ก คงไม่ทราบว่าความเสียหายนี้จะส่งผลกระทบอะไรในอนาคตบ้าง อย่างไรก็ตาม ทางครอบครัวยังมั่นใจในกีฬายิมนาสติกและจะสนับสนุนลูกต่อไป

ด้าน พ.ต.ต. เวียงแก้ว กล่าวว่า เบื้องต้น ตนจะต้องตรวจสอบรายละเอียดตามที่ผู้ร้องทุกข์มาแจ้งไว้ก่อน จึงจะนำไปพิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง โดยเฉพาะพยานหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายว่าเข้าข่ายความผิดอนาจารหรือ คุกคามทางเพศหรือไม่ นอกจากนี้ จะตรวจสอบมูลฐานความผิดเรื่องของพ.ร.บ.เด็ก ว่าเข้าข่ายหรือไม่ด้วย