23 เมษายน 2564 นายภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา และก่อนหน้าที่การระบาดรอบ 2 ในช่วงปลายปีนั้น บริษัทได้เคยประเมินไว้ว่าจากเหตุการณ์ต่างๆ น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาของไทยน่าจะอยู่ในช่วงฟื้นตัวและขาขึ้นในปีนี้ เป็นผลทำให้มีการประเมินในช่วงต้นปีหลังจากการระบาดระลอกที่ 2 เริ่มทุเลาลง บริษัทได้คาดการณ์ตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาปีนี้เติบโต 5%-10 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563
สำหรับการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เมื่อมาดูจากสถานการณ์แพร่รระบาดโควิด-19 จะแบ่งออกเป็นกรณีที่หากตัวเลขระดับพันกว่าอย่างต่อเนื่อง การตรวจมากเชิงรุกและจะทำให้การควบคุมดีขึ้น ประกอบกับจำนวนวัคซีนที่จะมีการกระจายมากขึ้นตลอดทั้งปี และหากทุเลาลงภายในเดือนพฤษภาคม เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะเห็นเม็ดเงินเป็นบวกได้ 4% เนื่องจากฐานของปีที่แล้วต่ำมาก
ส่วนในกรณีที่ตัวเลขไม่ดีขึ้นและมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง และไม่มีท่าทีจะเอาอยู่ในครึ่งปีแรก บริษัทมองว่าไม่น่าจะเป็นตัวเลขที่บวกจากปีที่แล้ว แต่ไม่ถึงขั้นติดลบ เนื่องจากฐานของปีที่ผ่านมาค่อนข้างต่ำ คิดเป็น 7.5 หมื่นล้านบาท โดยทีวียังเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ตามมาด้วยสื่อออนไลน์และสื่อนอกบ้าน แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นใดก็ตาม โอกาสที่จะเห็นเม็ดเงินโฆษณาในปีนี้เติบโต 2 หลักคงเป็นไปได้ยาก
นายภวัต กล่าวว่า ปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลบวกได้บ้างกับเม็ดเงินสื่อโฆษณาไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อทีวี คือการกลับมาของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา โดยบริษัทประเมินว่าการกลับมาในครั้งนี้ จะส่งผลอย่างมีนัยยะสำคัญในหลายๆเรื่อง เช่น ความสนใจในการติดตามข่าวสาร อิทธิพลทางความคิด ความรู้สึก ของผู้ชมรายการโทรทัศน์ต่อข่าวสาร ความเคลื่อนไหวต่างๆ และการสร้างแรงกระเพื่อมให้กับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งเป็นพิเศษ ซึ่งบุคคลดังกล่าวมีบทบาทสำคัญต่อเรื่องเหล่านี้ น่าจะส่งผลบวกโดยตรงต่อช่อง 3 โดยเฉพาะรายการข่าวและเม็ดเงินโฆษณาสื่อทีวีโดยรวม
ทั้งนี้ ความท้าทายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของสรยุทธคือ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมการบริโภคสื่อ พฤติกรรมของผู้ชมหรือผู้เสพรายการข่าว หรือคอนเทนท์ประเภทข่าวเปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งการรับชมรายการข่าวผ่านทีวีช่องต่างๆ และช่องทางออนไลน์ที่หลากหลายเป็นที่นิยมมากขึ้นในวงกว้าง จนกลายเป็นพฤติกรรมหลักไปแล้วสำหรับคนหลายกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนเมืองและคนรุ่นใหม่ แน่นอนว่าอาจเป็นเรื่องยากและท้าทายมากที่จะดันเรทติ้งกลับไปที่จุดเดิม
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลเรตติ้งเฉลี่ยของ “รายการเรื่องเล่าเช้านี้” ในช่วงที่สรยุทธยังจัดรายการอยู่ เปรียบเทียบกับเรตติ้งเดือนล่าสุดตกลงมากกว่า 60% และ”รายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” ตกลงมากกว่า 30% ต้องมาติดตามกันว่าหลังจากวันที่ 1 พ.ค. ไปแล้ว จะมีเรทติ้งเป็นอย่างไร และแน่นอนว่าช่องที่มีคอนเท้นต์ข่าวหลักๆ อาจจะได้รับผลกระทบและมีการปรับตัวมากขึ้น
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |