"อัยการ" ต้องมีคำตอบ


เพิ่มเพื่อน    

      ลือกันมาหลายวัน........

                สุดท้ายกลายเป็นข่าวจริง

                อัยการสั่งไม่ฟ้อง "ธนาธร" คดี "รู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง" ที่พ่วงมาจากคดีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า "ธนาธร" ถือครองหุ้นสื่อ บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ขณะสมัคร ส.ส.

                "อิทธิพร แก้วทิพย์" โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจงว่า พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญามีคำสั่งไม่ฟ้อง "ธนาธร" จริง

                ขั้นตอนหลังจากนี้ต้องส่ง ผบ.ตร.ชี้ขาด

                ขณะนี้อยู่ระหว่าง ผบ.ตร.ทำความเห็นว่าจะเห็นด้วยหรือแย้งหรือไม่

                ถ้าเห็นแย้งมาก็ต้องส่งอัยการสูงสุดชี้ขาดตามกฎหมาย

                พร้อมกับยืนยันว่าคดีดังกล่าวไม่ได้ขัดแย้งกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

                ใช่ครับ...ไม่ขัดแย้งกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

                เพราะเป็นคนละคดี คนละคำร้อง        

                คำร้องที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคือ "สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๑ (๖) ประกอบมาตรา ๙๘ (๓) จากกรณีถือหุ้นสื่อ บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ขณะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่"

                ส่วนคดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง เป็นคดีที่พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง สั่งฟ้องตามมติ กกต.

                เป็นเอกสารเผยแพร่เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๓

                "....ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ ๑๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ วินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส. ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๑ (๖) ประกอบมาตรา ๙๘ (๓) เนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ประกอบกิจการสื่อมวลชนอยู่ในวันที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ เมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ต่อ กกต. นั้น

                เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ ที่ผ่านมา คณะกรรมการ กกต.พิจารณาข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน และพฤติการณ์ในสำนวนการไต่สวน ประกอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องดังกล่าวข้างต้นแล้ว

                เห็นว่า นายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อยู่ในวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ โดยเป็นวันที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อต่อ กกต. อันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.

                โดยนายธนาธร รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ

                อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.๒๕๖๑ มาตรา ๑๕๑ จึงมีมติให้สำนักงาน กกต.ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป..."

                แต่จะบอกว่า ๒ กรณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกันเลยคงไม่ได้

                อธิบายเป็นภาษาชาวบ้านให้เข้าใจได้ตามนี้ครับ

                เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า "ธนาธร" ถือหุ้นสื่อขณะสมัคร ส.ส. ก็เท่ากับ "ธนาธร" รู้ตัวเองดีว่า ตัวเองขาดคุณสมบัติสมัคร ส.ส.

                อะไรพิสูจน์ว่า "ธนาธร" รู้ว่าตัวเองยังถือหุ้นสื่อขณะสมัคร ส.ส.

                คำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก ระบุเอาไว้ชัดเจนในประเด็นเหล่านี้

                 จรัญ ภักดีธนากุล

            "......จากเอกสารหลักฐานที่มิได้อยู่ในความครอบครองควบคุมของคู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกร้องยังเป็นผู้ถือหุ้นใน บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด โดยยังไม่ได้โอนหุ้นออกไป เนื่องจากเป็นบริษัทที่ผู้ถูกร้องไม่ได้เป็นผู้บริหารและไม่ได้เข้าเกี่ยวข้อง ตามที่ได้เบิกความไว้ต่อศาล

            แต่เมื่อผู้ถูกร้องทราบว่า นายภูเบศวร์ เห็นหลอด ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ที่ผู้ถูกร้องเป็นหัวหน้าพรรค ถูกศาลฎีกามีคำสั่งให้ถอนชื่อออกจากการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๒ เนื่องจากเป็นเจ้าของกิจการสื่อมวลชน ผู้ถูกร้องกลับจัดทำเอกสารการโอนหุ้นย้อนหลังเพื่อไม่ให้ขาดคุณสมบัติ จึงทำให้เกิดพิรุธหลายประการ...."

                บุญส่ง กุลบุปผา

            "....นอกจากนี้ เมื่อกระบวนการโอนหุ้นระหว่างผู้ถูกร้องกับนางสมพรฯ ไม่น่าเชื่อ และเมื่อนำพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวมาพิเคราะห์เชื่อมโยงกับเช็คชำระค่าหุ้นที่ผู้ถูกร้องได้รับมาดังกล่าวก็มีการเรียกเก็บเงินล่าช้าเป็นพิรุธ ล้วนแต่เป็นเหตุผลให้เกิดความสงสัยว่าผู้ถูกร้องจะได้โอนหุ้นครั้งนี้ในวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๒ จริงดั่งที่ผู้ถูกร้องกล่าวอ้างหรือไม่

            ประกอบกับพยานที่เบิกความในชั้นไต่สวน ซึ่งตัวผู้ถูกร้องในฐานะพยานก็เบิกความเป็นพิรุธหลายขั้นตอน โดยเฉพาะในวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๒ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในวันดังกล่าวผู้ถูกร้องได้ไปปรากฏตัวปราศรัยหาเสียงอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ แต่ผู้ถูกร้องอ้างว่าได้เดินทางกลับจากจังหวัดบุรีรัมย์มาทำการโอนหุ้นได้ทันในวันเดียวกัน โดยถึงบ้านพักที่กรุงเทพมหานครในเวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. นั้น เมื่อศาลได้ถามผู้ถูกร้องถึงรายละเอียดกำหนดการที่ผู้ถูกร้องต้องปราศรัยหาเสียงอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ และต้องเดินทางกลับมาดำเนินการโอนหุ้นที่กรุงเทพมหานครในวันเดียวกันนั้น พยานไม่สามารถตอบรายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดการต่างๆ ได้

            และผู้ถูกร้องในฐานะพยานเพียงแต่ใช้คำตอบทำนองว่าไม่ทราบหลายคำถาม ทั้งที่เรื่องกำหนดการดังกล่าวนั้นก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวผู้ถูกร้องเองทั้งสิ้น...."

                นครินทร์ เมฆไตรรัตน์

                "....การนำส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.๕) ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แม้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๓๙ จะมิได้กำหนดให้ต้องนำส่งในทันทีที่มีการโอนหุ้น โดยกำหนดเพียงให้ต้องนำส่งอย่างน้อยปีละครั้ง และมิให้ช้ากว่าวันที่สิบสี่นับแต่การประชุมสามัญก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติที่ผ่านมา บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด มีการนำส่งภายในระยะเวลาใกล้เคียงกับวันที่มีการโอนหุ้น แม้เป็นเวลาใกล้เคียงกับวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติงบการเงินก็ตาม ก็หาได้นำส่งไปในคราวเดียวกันพร้อมงบการเงินไม่ ดังนั้นการที่ไม่มีการนำส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นภายในเวลาที่ใกล้เคียงกับวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกร้องกล่าวอ้างว่ามีการโอนหุ้นดังกล่าว แต่กลับมีการนำส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.๕) ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยปรากฏว่าหมายเลขหุ้น ของผู้ถูกร้องได้มีการโอนไปยังนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งได้ลงทะเบียนเป็นผู้ถือหุ้นในวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒ จึงเป็นกรณีอันผิดปกติวิสัยแตกต่างจากทางปฏิบัติของบริษัท...."

                ครับ...เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอให้เห็นว่า "ธนาธร" รู้ตัวเองดีว่ายังถือหุ้นสื่ออยู่ขณะสมัคร ส.ส.

                กรรมเป็นเครื่องชี้ "เจตนา"    

                มี "เจตนา" ในการทำหลักฐานเท็จ หลักฐานย้อนหลัง เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย

                ฉะนั้นถามไปที่อัยการดังๆ ก่อนสั่งไม่ฟ้อง ดูรายละเอียดเหล่านี้แล้วหรือยัง

                อัยการสามารถตัดสิน "เป็นคุณ" กับ "ธนาธร" ได้ในทันที โดยไม่ดูถึง "เจตนา" ตามที่ปรากฏอยู่ในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเลยหรือ

                หรือดูแล้ว ไม่เห็นว่า "ธนาธร" มีพิรุธใดๆ ทั้งสิ้น

                เป็นอีกครั้งที่ อัยการต้องอธิบาย

                อย่าให้องค์กรนี้ตกเป็นจำเลยของสังคมซ้ำอีก.     


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"