องค์ดำรุกที่สปก. ทร.ห้ามร่วมพิธี


เพิ่มเพื่อน    

  “หลวงปู่องค์ดำ” ล่องหนหลังหลายหน่วยงานตรวจสอบหนัก ผงะ! เจอจีวร ตาลปัตร อุปกรณ์ทำเครื่องรางของขลังและสักยันต์เกลื่อนกระท่อมป่าหลังที่พักสงฆ์ ด้าน ผญบ.ยันไม่ได้ทำให้เสื่อมศรัทธาเพราะสอนให้ลูกศิษย์เป็นคนดี จนท.ชี้สำนักปฏิบัติธรรมอยู่ในที่เขต สปก. แต่ยังไม่ได้จัดสรรให้ใคร และยังไม่เข้าข่ายความผิดทางสงฆ์ ทร.เต้น! ห้ามกำลังพลใส่เครื่องแบบร่วมพิธีกรรมนอกศาสนาหวั่นทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

    ความคืบหน้ากรณีที่ชายอ้างตัวเป็นหลวงปู่พุทธะเทพสุริยะจักรวาล หรือ "หลวงปู่องค์ดำ" ที่นุ่งห่มผ้าคล้ายจีวรเหมือนพระ แต่เป็นสีดำ อยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมหรือที่พักสงฆ์หินเพิง ตั้งอยู่บริเวณป่าท้ายหมู่บ้านเขาย้อยพัฒนา ม.16 ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ หลังจากมีหญิงสาวชาวจังหวัดชัยภูมิ เข้าแจ้งความในพื้นที่ชัยภูมิว่า มารดาซึ่งมีอาชีพเป็นครูหนีมาอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าว เกรงว่าแม่จะถูกหลอก เพราะเงินเดือนแม่เกือบ 1 แสนบาทไม่เหลือ ถึงขั้นสร้างสำนักไว้หลังบ้านที่ จ.ชัยภูมิ ด้วย
          เมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังที่พักสงฆ์หรือสำนักปฏิบัติธรรมหินเพิง อ.ปะคำ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับหลวงปู่องค์ดำอีกครั้ง แต่ไม่พบปู่องค์ดำ มีเพียงลูกศิษย์คนที่ดูแลสำนักปฏิบัติธรรมและป้าที่อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินที่เสียภาษี ภ.บ.ท.5 บริเวณดังกล่าวประมาณ 12 ไร่ และได้มอบถวายที่ดินให้สร้างที่พักสงฆ์ดังกล่าวเท่านั้น ลูกศิษย์คนสนิทบอกเพียงว่าหลวงปู่บอกว่าจะไปธุดงค์ในป่า จากนั้นก็ไม่มีใครเห็นหลวงปู่อีก ไม่มีใครรู้ว่าหลวงปู่จะกลับมาตอนไหน
         จากนั้น นายบุญมี กลมมารี ผู้ใหญ่บ้าน ได้เดินทางมายังสำนักปฏิบัติธรรมหินเพิง บอกว่า ตนไม่รู้ว่าหลวงปู่องค์ดำหายไปไหน แต่จากการสอบถามลูกศิษย์บอกว่าท่านไปธุดงค์ในป่า แต่ไม่รู้ว่ากลับมาตอนไหน จากนั้นได้พาผู้สื่อข่าวไปเดินดูที่บริเวณที่พักหรือกุฏิของหลวงปู่องค์ดำ ไม่เห็นหลวงปู่ จากนั้นจึงพาเดินไปดูที่บริเวณกระท่อมในป่าด้านหลังที่พักสงฆ์ ไม่เห็นมีใคร แต่ในกระท่อมดังกล่าวมีเต็นท์อยู่ 1 หลัง ในเต็นท์จะมีขวดน้ำเปล่า น้ำหวาน และผ้าสำหรับห่ม แต่พอตรวจสอบโดยรอบต้องผงะ เมื่อเจอจีวรพระ ตาลปัตร อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับทำเครื่องรางของขลังและสักยันต์ ซ่อนตามจุดต่างๆ ในกระท่อม ไม่ทราบว่าเป็นของใคร เพราะหลวงปู่องค์ดำปฏิเสธตลอดว่าไม่ใช่พระ แต่เป็นตัวแทนขององค์เทพสุริยะจักรวาล
           ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า หลวงปู่องค์ดำได้มาอยู่ที่สำนักปฏิบัติดังกล่าวได้ประมาณ 3 ปีกว่าแล้ว แต่ตนเพิ่งรู้จักได้ประมาณปีเศษ เพราะมีลูกศิษย์ชักชวนมา จนเกิดความศรัทธา ส่วนกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้ตนเองเสื่อมความศรัทธาจากหลวงปู่องค์ดำ เพราะเท่าที่ตนได้เห็นหลวงปู่ก็สอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดี ทำในสิ่งที่ดี ไม่เคยเห็นรับเงินหรือขอบริจาคจากใคร ส่วนที่ดินที่สร้างที่พักสงฆ์หินเพิงดังกล่าวเป็นที่ของชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้าน ที่ได้รับจัดสรรและมีการเสียภาษี ภ.บ.ท.5 หรือภาษีดอกหญ้าให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ มอบถวายให้ก่อสร้างที่พักสงฆ์ ไม่ได้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน หากมีหลักฐานว่าหลวงปู่องค์ดำกระทำผิด ทั้งเรื่องการหลวงลวงหรือที่ดินที่กำลังถูกตรวจว่ากันไปตามหลักฐาน ซึ่งท่านก็เคยบอกว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
    ทางด้าน นายเดชสกล อาดัม นายอำเภอปะคำ จ.บุรีรัมย์ ได้มอบหมายให้ จ.อ.มนตรี สุระวิโรจน์ ปลัดอำเภอปะคำ นำคณะเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด รองเจ้าคณะอำเภอปะคำ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ บร.1 (ปะคำ), หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ บร.7 (โนนดินแดง) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะคำ ลงพื้นที่ตรวจสอบที่สำนักปฏิบัติธรรมหินเพิง ตามที่ได้รับร้องเรียนแล้ว   
           เบื้องต้นพบว่า เดิมเป็นป่าสงวนดงใหญ่ ต่อมาสภาพป่าเสื่อมโทรม จึงได้มีการออกพระราชกฤษฎีกาให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของสำนักงานปฏิรูปที่ดิน หรือ (สปก.) จ.บุรีรัมย์ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นทาง สปก.ยังไม่ได้มีการจัดสรร หรือออกเอกสารสิทธิให้ราษฎรรายใดถือครองทำกิน เนื่องจากสภาพพื้นที่ไม่เอื้อต่อการทำการเกษตร หลังจากตรวจสอบแล้วก็จะได้รวบรวมข้อมูลรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับขั้น ส่วนทาง สปก.จะพิจารณาดำเนินการออกให้ราษฎรทำกิน หรือจะส่งมอบพื้นที่คืนให้กับกรมป่าไม้หรือไม่อย่างไรนั้น ก็อยู่ระหว่างการประสานข้อมูลและแนวทางปฏิบัติของทั้ง 2 หน่วยงาน
           ส่วนที่อ้างว่าตัวเองเป็นหลวงปู่พุทธะเทพสุริยะจักรวาล ในส่วนของพื้นที่ยังไม่มีผู้เสียหายเข้าไปร้องเรียน หรือแจ้งความร้องทุกข์ว่าถูกหลอกลวง หรือได้รับความเสียหาย ที่ประชาชนมากราบไหว้ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อความศรัทธาของแต่ละบุคคล แต่ในทางสงฆ์ยังไม่สามารถเอาผิดได้ ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบก็ไม่พบหลวงปู่องค์ดำ สำหรับกรณีที่พบจีวรพระ ตาลปัตร อุปกรณ์สำหรับสักยันต์หรือทำเครื่องรางของขลังในกระท่อมในป่าหลังสำนักดังกล่าวนั้น ก็ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นของใคร และเข้าข่ายการกระทำผิดหรือไม่  
    วันเดียวกัน พลเรือเอกเชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ตามที่ได้ปรากฏข่าวว่ามีข้าราชการกองทัพเรือหลายนายแต่งเครื่องแบบสีขาว เข้าร่วมพิธีทางความเชื่อของหลวงปู่พุทธะเทพสุริยะจักรวาล ขอชี้แจงว่า รูปภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 21 ม.ค.2564 ที่ผ่านมา โดยเป็นการจัดพิธีบวงสรวงรูปหล่อองค์จักรพรรดิพุทธะเทพสุริยะจักรวาล และพิธีอัญเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาสูง ณ ดินแดนปฏิบัติธรรมพุทธะธรรมชาติ ดงพญาเย็น จ.นครราชสีมา มีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเพื่อสร้างความสามัคคีของประชาชนในพื้นที่ สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มข้าราชการและหลวงปู่นั้นเป็นกลุ่มเพื่อนที่มีจิตกุศลเกี่ยวกับการทำบุญ (สายบุญ) ซึ่งมักจะเชิญชวนไปทำบุญด้วยกันเสมอๆ การเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ เป็นการชักชวนจากเพื่อนในกลุ่มเพื่อนที่มีจิตศรัทธาแรงกล้าต่อหลวงปู่ จึงได้ชักชวนเพื่อนๆ เข้าร่วมพิธี โดยมีข้าราชการกองทัพเรือนายหนึ่งได้รู้จักกับหลวงปู่เจ้าสำนักคนนี้เมื่อปี 2563
    ทั้งนี้ ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดได้ชี้แจงทำความเข้าใจและสั่งการให้ยุติกิจกรรมทั้งปวง และไม่ไปข้องเกี่ยวกับสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้อีกต่อไป เพราะจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงทั้งแก่ตนเองและกองทัพ นอกจากนี้ กองทัพเรือได้ให้หน่วยต่างๆ ชี้แจงกำลังพลให้เข้าใจ โดยให้ยึดตามหลักคำสอนของศาสนาที่ตนนับถือ แต่หากมีความนับถือเป็นการส่วนตัว ขอให้อย่าได้นำภาพลักษณ์ของกองทัพเข้าไปมีส่วนร่วม? โดยเฉพาะการแต่งกายและการแสดงออกในที่สาธารณะหรือสื่อสังคมออนไลน์.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"