เมื่อ"ขาใหญ่"เขาจะใส่กัน


เพิ่มเพื่อน    

     พักเรื่อง "อั้งม้อ" ซักวัน คุยเรื่องอื่นกันดีกว่า

            โควิดน่ะ "เรื่องเล็ก"

                เรื่อง ๒ ตั้วเฮีย "สหรัฐฯ-จีน" เหม็นหน้ากัน จะใช้อาเซียนเป็นเวทีเบ่งกล้ามแข่งกันนี่แหละ "เรื่องใหญ่"
                ฉะนั้น ต้องรู้เขา-รู้เราไว้บ้าง

                แม้จะรู้แบบงูๆ ปลาๆ ก็ยังดีกว่ารู้แบบพวกศาสดา ที่วันๆ ใช้วิชามาร มุ่ง "ล้มเจ้า" เอาฝรั่งมาเข้าครอง!

                ถ้า "สหรัฐ-จีน" เป็นตั้่วเฮีย

                อาเซียน ๑๐ ประเทศ รวมทั้งไทย ก็ระดับโซ้ยตี๋!

                แต่ "การเมืองโลก" วันนี้ น้ำหนักชี้ขาดดุลอำนาจสู่ความเป็นเจ้าเหนือ ๒ คาบมหาสมุทร "อินเดีย-แปซิฟิก" ที่เรียก "อินโด-แปซิฟิก" นั้น

                โซ้ยตี๋นี่แหละ เป็นตัวชี้ขาดว่า จะให้ "อำนาจเหนือ" นั้นกับฝ่ายไหน ระหว่าง "ฝ่ายจีนกับฝ่ายสหรัฐฯ"!?

                เล็กแต่ใหญ่ไม่ใช่เล่นนะ อาเซียนเราเนี่ย

                "จุดแข็ง" อาเซียนอยู่ตรงไหน ที่ทำให้ทั้งสหรัฐและจีนต้องเกรงใจ?

                ผมก็ไม่รู้ แต่เดาเอาว่า อยู่ที่อาเซียน "ไม่แตกแถว" เหนียวแน่นในข้อตกลงด้านการเมืองที่ว่า "ไม่ก้าวก่ายกิจการภายในของกันและกัน" นั่นแหละ

                การ "รักษาจุดร่วม-ถนอมจุดต่าง" ทำให้แขนงไผ่กลายเป็นกอไผ่ ที่ตั้วเฮียเจาะเข้ามาวางไข่ เพื่อทำลายความเป็นเอกภาพอาเซียนไม่ได้

                เรียกว่า อาเซียน "แท็กทีม" กันดี

                อย่างกรณีพม่า "สหรัฐฯ-ยุโรป-ญี่ปุ่น" พยายามบีบให้อาเซียนเดินตาม เชิดซูจี - ขยี้มิน อ่อง หล่าย

                อาเซียนพยักหน้า แต่ไม่ยอมเป็นหางราชสีห์ เรื่องภายในพม่า ให้เขาว่ากันเอง

                ใครมีอำนาจคุมระบบราชการงานเมืองได้สะเด็ดน้ำ ก็คนนั่นแหละ เวลามาประชุม คนนั้นก็มาแล้วกัน

                แล้วเสาร์ที่ ๒๔ เม.ย.นี้.....

                ผู้ได้รับหนังสือเชิญไปร่วมประชุม ๑๐ ประเทศอาเซียนคือ "นายพลมิน อ่อง หล่าย"

                สำหรับไทย เมื่อวาน (๒๐ เม.ย.) นายกฯ บอกให้ "นายดอน ปรมัตถ์วินัย" รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ไปร่วมประชุม

                ก็ที่อินโดฯ น่าจะไปครบทุกประเทศ นายพลมิน อ่อง หล่าย นั้่น ไม่ไปก็โง่แล้ว

                เข้าตำราเปี๊ยบ ร้อยคำพูดไม่เท่าหนึ่งทำ เลิกถามกันไปเลยว่า "อาเซียนรับรองใคร ระหว่างรัฐบาลมิน อ่อง หล่าย กับรัฐบาลสัมภเวสี อองซาน ซูจี?

                อาเซียน "ไม่ยุ่งกิจการภายใน"

                แต่ความสงบเรียบร้อย ไม่มีการเข่นฆ่ากัน เป็นกิจการมนุษยธรรมที่ "อาเซียน" ในความเป็นสังคมร่วมภูมิภาคกัน

                ต้องพูดคุย "หาทางออก" ร่วมกัน!

                ก็คอยดูละกัน คุยพร้อมหน้าแล้ว รูปธรรมที่ออกมา จะเป็นแบบไหน

                ดูแล้วยาก ปัญหาพม่า ไม่ได้มีแค่ "รัฐบาลทหาร-รัฐบาลสัมภเวสี" ชิงอำนาจ

                หากแต่ยังมีร้อยปัญหาแทรกซ้อน ทั้งเรื่องกลุ่มชาติพันธุ์ ทั้งการช่วงชิงอำนาจ-แยกดินแดน-แยกการปกครอง

                ทั้งตั้วเฮียก็เข้าไป "ถือหาง-ถือฝ่าย" ด้วยผลประโยชน์ทางอำนาจ ทางทรัพยากร และทางธุรกิจการค้า

                โดยเฉพาะ "สหรัฐฯ กับจีน"

                ยิ่งจีนมีปัญหาเรื่องเกาะแก่งย่านทะเลจีนใต้เกือบทุกประเทศย่านนั้น ไม่ว่าไต้หวัน เวียดนาม ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์

                ซ้ำญี่ปุ่นแสดงตัวเป็น "มือขวา" สหรัฐฯ ในย่านอินโด-แปซิฟิก ประกาศ "ต่อต้านอิทธิพลจีน" ทุกรูปแบบ

                ทั้งการทหาร, การเมือง, การเศรษฐกิจ รวมถึงด้านเทคโนโลยีทุกรูปแบบด้วยแล้ว

                ต้องบอกว่า สถานการณ์ภูมิภาค "ทะลุจุดเดือด"!

                นาทีนี้ ทั้งสหรัฐฯ ทั้งจีน อยากได้อาเซียนเป็นแนวร่วม

                แต่อาเซียน รักนวลสงวนเนื้อ ปั่นราคาพุ่งขึ้นทุกวัน!

                มีบางไทยเปรย "ประเทศไทยมีรัฐมนตรีต่างประเทศมั้่ย เพราะเงียบกริบ?"

                "เงียบนอก-เนี้ยบใน" แบบนี้ ผมว่าดีแล้ว

                ปัญหาและเรื่องราวขณะนี้ รัฐมนตรีดอนหรือนายกฯ ไม่ควรเล่นบท "หิวแสง" ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ

                กลยุทธ์คลุมโปงเล่น "ผีผ้าห่ม" อย่างที่กระทรวงการต่างประเทศเล่นอยู่ขณะนี้ ผมว่ากรุบกริบดีแล้ว

                สหรัฐฯ นั่นก็ "มหามิตร" ของเรา

                ยุโรป ก็ "สุดรักระคนแค้น" จำไม่รู้ลืม ของเรา

                จีน นั่น "พี่น้องกัน" กับเรา ระดับ "ญาติผู้ใหญ่"

                ญี่ปุ่น ก็ "เพื่อนซี้แหง" ของเรา

                ส่วน ๑๐ ประเทศอาเซียน คือ "ครอบครัวเดียวกัน"

                ฉะนั้น ทุกเกมในทุกปัญหา ต้องยึดสุภาษิต "อย่าทำตัวเด่นเกิน"

                สถานการณ์ร่วมภูมิภาคนี้ ต้องมีคำตอบให้ตัวเองว่า

                "ได้-เสียกินด้วยกัน"!             

                ในขณะที่ ญี่ปุ่นประกาศตัว "ร่วมสหรัฐฯ อัดจีน"

                ในอีกทางหนึ่ง สหรัฐฯ ก็ไปเป็นโตโต้ คุ้มกันไต้หวัน ขายอาวุธให้ไต้หวัน ทำให้ฮึกเหิม พร้อมปะทะกับพี่จีน

                "ไต้หวัน" ชั่วโมงนี้ "ร้อนฉ่า" ประกาศ "ซ้อมรบ" เสมือนจริง ทั้งทางจำลองรูปแบบระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งทางกำลังพลจริง-กระสุนจริง ๗ คืน ๘ วัน จากปลายสัปดาห์นี้ไป!

                ทำเอา "ประธานาธิบดี"สี จิ้นผิง" หูร้อน

                วิดีโอคอล ส่งสัญญาณถึงประชาคมโลก ผ่านที่ประชุม "โบ๋อ๋าว ฟอรัม ฟอร์ เอเชีย" บนเกาะไหหลำ เมื่อวาน (๒๐ เม.ย.)

                "ประเทศขนาดใหญ่ ในทางการเมือง, สังคม, เศรษฐกิจ ควรประพฤติตัวให้เหมาะสมกับสถานะด้วยการ "แบกรับภาระและความรับผิดชอบ" มากกว่าประเทศที่มีขนาดเล็กกว่าในทุกด้าน

            ขณะที่การบริหารและขับเคลื่อนกิจการระหว่างประเทศ เป็นเรื่องของทุกประเทศ ที่ต้องร่วมมือกัน ผ่านการหารือตามหลักการทูต นโยบาย

            มาตรการจาก "เพียงประเทศเดียวและไม่กี่ประเทศ" ไม่ควรมีการยึดถือเป็น "บรรทัดฐาน" ของทั้งโลก

            "รัฐบาลปักกิ่ง" ไม่เคยมีนโยบาย "เป็นเจ้าโลก" ขยายอิทธิพลและสร้างบรรยากาศทางทหารครอบงำประเทศหนึ่งประเทศใด

            ตลอดจนการแข่งขันด้านอาวุธ เป็นเรื่องที่จีนไม่ต้องการมีส่วนร่วม

            ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศที่ตั้งงบประมาณทางทหารสูงเป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐฯ แม้เงินยังน้อยกว่าหลายเท่าตัว

            แต่ในรอบไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลปักกิ่งพัฒนาเรือดำน้ำ เครื่องบินขับไล่ ขีปนาวุธ และอาวุธอีกหลายประเภท เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดกับตะวันตกให้ได้มากที่สุด"

            "ถ่อมตน-ปนขู่" บนเวทีการเมืองโลกยุคนี้ ไม่มีใครคมกริบเท่าท่านสี

                โตโต้อเมริกัน ยันญี่ปุ่น-ไต้หวัน "สมุนซ้าย-ขวา" ฟังแล้ว คงตูดร้อน การ "ทำเป็นไก๋" นั่นแหละที่ทำได้และควรทำ

                บอกไม่เชื่อว่า "โจ ไบเดน" นี่แหละ "ตัวจริง" ทรัมป์นั่นแค่ "ตลกหน้าม่าน"!        

                แต่ผู้นำที่เล่นบท "ตลกการเมือง" ได้แสบสันที่สุด ผมยกให้ "ประธานาธิบดีดูเตอร์เต" ของฟิลิปปินส์แฮะ

                ไม่เชื่อลองอ่านนี่ นานมาแล้ว แต่อ่านอีกทีไร ก๊ากๆๆๆๆ ทีนั้น เจอที่ Pibhop Dhongchai โพสต์ จะยกมาให้ก๊ากๆๆ กันอีก

                Pibhop Dhongchai

                คำตอบของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ที่ตอบนักข่าวหญิงไต้หวัน เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ลองฟังดู

                นักข่าวหญิง : ท่านจัดการปัญหาเรื่องเขตแดนกับจีนยังไงคะ?

                ดูเตอร์เต : ยังไงเสียก็ไม่เลือกวิธีที่ประธานาธิบดีไต้หวันทำลงไป

                นักข่าวหญิง : ยังไงคะ?

                ดูเตอร์เต : ไต้หวันซื้ออาวุธมากมายจากอเมริกาแล้วจะชนะจีนได้ไหม?

                นักข่าวหญิง : ท่านประธานาธิบดีโปรดพูดให้ชัดเจนหน่อย

                ดูเตอร์เต : คุณนักข่าวแต่งงานมีสามีแล้วหรือยัง?

                นักข่าวหญิง : ดิฉันแต่งแล้ว มีสามีแล้ว

                ดูเตอร์เต : เธอตบตีวิวาทเอาชนะสามีได้ไหม?

                นักข่าวหญิง : สู้เขาไม่ได้ค่ะ (หัวร่อ คนทั้งห้องประชุมหัวเราะกันเกรียว)

                ดูเตอร์เต : แล้วเธอเคยคิดจะซื้อมีด เพื่อเอาไปข่มขู่สามีให้กลัวหงอเธอไหม?

                นักข่าวหญิง : ไม่ค่ะ เพราะถึงไงก็สู้เขาไม่ได้

                ดูเตอร์เต : ก็นั่นน่ะสิ American พยายามยัดเยียดอาวุธนานามาให้เราซื้อเอาไว้ป้องกันฟิลิปปินส์ เจ้าทรัมป์เอ๋ย...แกไม่ต้องมายุให้รำตำให้รั่ว

                ถ้าเรากระเป๋าฉีกซื้ออาวุธอเมริกัน เราจะสู้รบตบมือกับจีนได้หรือ ตอนนี้ จีนกับเรากำลังบุกเบิกพัฒนา (ทรัพยากรใต้ทะเลตามแนวชายแดนด้วยกัน) ปันกัน 4 กับ 6

                ฟิลิปปินส์ประหยัดเงินซื้ออาวุธไปตั้งมากมาย ทั้งยังได้ผลประโยชน์จากการพัฒนาร่วมกัน คนโง่เท่านั้น ไปซื้ออาวุธอเมริกัน

                นักข่าวหญิง : แต่ประธานาธิบดีใฉ่ของเราไม่คิดแบบนี้

                ดูเตอร์เต : ก็เพราะว่าเธอยังไม่ได้แต่งงาน ไม่รู้รสชาติสามีภรรยาตบตีกัน (ทั้งห้องประชุมฮากันเจี๊ยวไปเลย)

                จบ...."การเมืองเรื่องผัวเมีย"!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"