200ตำรวจเลย ฟ้อง‘ผบช.ภ.4’ ถูกพล.ต.ต.ตุ๋น


เพิ่มเพื่อน    

  ตำรวจเลยร่วม 200 นายส่งตัวแทนร้อง  ผบช.ภ.4 ระบุเข้าร่วมโครงการปลดหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ที่มี ผบก.เลยเป็นประธาน ลงเงินกว่า 200 ล้าน ไม่ทันไรถูกเจ้าหนี้ยื่นโนติสจะยึดบ้านยึดรถเพราะหนี้พอก  กระทั่งเงินเดือน เบี้ยเลี้ยงก็ถูกอายัด ตรวจสอบแล้วเงินไม่เข้าสหกรณ์ รอง ผบช.ภ.4 รับปากตั้ง กก.สอบภายใน 30 วัน พร้อมรายงาน ผบ.ตร.

    ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น วันที่ 25 พฤษภาคม ได้มีข้าราชการตำรวจซึ่งปฏิบัติราชการอยู่ในพื้นที่ จ.เลย รวมกว่า 10 นาย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.สุระชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 ว่าได้รับความเดือดร้อนจากการเข้าร่วมโครงการกู้รวมหนี้ ที่มีอดีต ผบก.ภ.จว.เลย เป็นผู้ดำเนินการ โดยมี พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 รับเรื่องร้องเรียนแทน
    พล.ต.ต.ธนาศักดิ์เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้ร้องเรียนกับพวกเป็นสมาชิกของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย โดยเมื่อปีงบประมาณ 2560 ช่วงเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม 2560 พวกตนได้เข้าร่วมโครงการกู้รวมหนี้ของสหกรณ์จำนวน 194 นาย รวมวงเงิน 229,476,804 บาท โดยการกู้เงินจากสหกรณ์นำไปชำระปิดบัญชีเจ้าหนี้ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อที่ข้าราชการตำรวจซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์เป็นหนี้กับสหกรณ์เพียงแห่งเดียว เพื่อป้องกันมิให้สมาชิกสหกรณ์ซึ่งเป็นลูกหนี้ รวมทั้งผู้ค้ำประกัน เสี่ยงต่อการถูกเจ้าหนี้ฟ้องเป็นบุคคลล้มละลาย อันจะส่งผลให้ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามรับราชการตำรวจตามกฎ ก.ตร. โดยสมาชิกแต่ละรายกู้รวมหนี้ได้ไม่เกินคนละ 4 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ที่คิดโครงการนี้ขึ้นมาคือ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช ซึ่งขณะนั้นเป็น ผบก.ภ.จว.เลย และเป็นประธานสหกรณ์ฯ  
    สำหรับโครงการกู้รวมหนี้ของสหกรณ์ ได้เสนอผลประโยชน์ให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ ดังนี้ 1.พล.ต.ต.สุทิพย์จะรับผิดชอบนำเงินไปผ่อนชำระสถาบันการเงินซึ่งเป็นเจ้าหนี้ให้เป็นประจำทุกเดือน จนปิดบัญชียอดหนี้ทั้งหมด เมื่อถึงระยะเวลาสิ้นสุดตามโครงการ 3 ปีนับแต่วันเข้าร่วมโครงการ 2.พล.ต.ต.สุทิพย์ จะจ่ายเงินค่าตอบแทนแก่สมาชิกผู้เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาทต่อยอดเงินที่สมาชิกเข้าร่วมโครงการคือ 1 ล้านบาท เป็นประจำทุกเดือน จนสิ้นสุดโครงการ โดยจะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปชำระหนี้ให้แก่สหกรณ์เป็นการตัดยอดหนี้เงินต้นคงเหลือ หลังจากที่สหกรณ์ได้หักเอาเงินต่างๆ ของสมาชิกเป็นรายเดือนตามปกติแล้ว เพื่อจะได้ทำให้ยอดหนี้ของสมาชิกที่มีอยู่กับสหกรณ์มีจำนวนลดลงเป็นประจำทุกเดือน  
    3.เมื่อครบกำหนดระยะเวลาตามโครงการ 3 ปีนับแต่วันเข้าร่วมโครงการ พล.ต.ต.สุทิพย์จะคืนเงินให้แก่สมาชิกร้อยละ 50 ของยอดเงินที่เข้าร่วมโครงการ เช่น เข้าร่วมโครงการ 1 ล้านบาท จะได้คืน 500,000 บาท  และข้อที่ 4 หากสมาชิกผู้ใดไม่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการอีกต่อไป พล.ต.ต.สุทิพย์จะนำเงินไปปิดบัญชีที่สมาชิกเป็นลูกหนี้แก่สถาบันการเงินซึ่งเป็นเจ้าหนี้ดังกล่าวให้โดยทันที 
    พล.ต.ต.ธนาศักดิ์กล่าวว่า เมื่อโครงการดำเนินมาได้ระยะหนึ่ง อยู่ๆ ผู้เข้าร่วมโครงการกลับถูกทวงหนี้จากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ว่ามีการค้างชำระหนี้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560 เป็นต้นมา ธนาคารออมสินก็แจ้งค้างชำระหนี้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 เป็นต้นมา และธนาคารกรุงไทยแจ้งค้างชำระหนี้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2561 เป็นต้นมา นอกจากนี้ยังมีจากบริษัทไฟแนนซ์รถยนต์ได้ติดตามทวงถามให้ชําระหนี้ และแจ้งจะยึดรถเป็นจำนวนมาก เมื่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่สหกรณ์โดยเฉพาะคณะทำงานของ พล.ต.ต.สุทิพย์ กลับได้รับคำตอบว่าระบบการเบิกจ่ายเงินถูกล็อก กำลังแก้ไขอยู่ สมาชิกจึงแจ้งขอยกเลิกการเข้าร่วมโครงการบริหารหนี้กับ พล.ต.ต.สุทิพย์ โดยขอให้นำเงินที่สมาชิกเข้าร่วมโครงการไปชำระปิดบัญชีให้แก่สมาชิกทันที แต่เมื่อตรวจสอบกับสหกรณ์แล้ว สหกรณ์แจ้งว่าไม่เคยได้รับเงินตั้งแต่สมาชิกเข้าร่วมโครงการเลย
     จากปัญหาดังกล่าว ผู้ร้องเรียนระบุว่า สมาชิกซึ่งเป็นลูกหนี้และผู้ค้ำประกันได้ถูกสถาบันการเงินซึ่งเป็นเจ้าหนี้ทวงหนี้อย่างหนัก ผู้เป็นหนี้ ธอส.ก็จะถูกยึดบ้าน ส่วนรถยนต์ที่ผ่อนชำระอยู่ก็จะถูกยึดรถ ที่สำคัญผู้เป็นหนี้ธนาคารกรุงไทยก็ถูกธนาคารหักเอาเงินที่มีอยู่ในบัญชีไปจนหมด เพราะทั้งเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง และค่าตอบแทนต่างๆ หน่วยงานจะโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย ถึงแม้ยังมีเงินเหลืออยู่ในบัญชีก็ไม่สามารถเบิกถอนออกมาได้ เมื่อธนาคารอายัดเงินในบัญชีไว้ ทำให้สมาชิกและครอบครัว รวมทั้งผู้ที่จะต้องพึ่งพาสมาชิกในการดำรงชีพ ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะไม่มีเงินที่จะมาจุนเจือครอบครัวและค่าใช้จ่ายของบุตรหลานที่กำลังจะเปิดเทอม ตำรวจหลายคนต้องไปขอกู้ยืมเงินนอกระบบเพื่อชำระหนี้ค้างไว้ เพราะธนาคารจะยื่นฟ้องบังคับหนี้
    พล.ต.ต.ธนาศักดิ์กล่าวว่า จะได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แม้ผู้ถูกร้องเรียนเป็นนายตำรวจระดับสูงก็ไม่หนักใจ เพราะความเดือดร้อนของข้าราชการตำรวจมีจำนวนมาก ต้องว่ากันตามหลักฐาน อีกทั้งต้องตรวจสอบด้วยว่าเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ หรือถ้าเกี่ยวพัน เชื่อมโยงกับบุคคลในหลายภาคส่วน ก็จะประสาน ปปง. ป.ป.ช.เข้ามาตรวจสอบร่วมกัน ทั้งนี้ จะได้ทำรายงานถึง ผบ.ตร.เพื่อพิจารณาในความเดือดร้อนของตำรวจด้วย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"