จี้จัดการลัทธิกิโยติน บิ๊กตู่หวั่นเลียนแบบ


เพิ่มเพื่อน    

 

ตำรวจจ่อเอาผิดลูกศิษย์-ญาติโยมรู้เห็นปล่อย “อดีตพระธรรมกร” ตัดหัว เคลื่อนย้ายศพ ทำลายหลักฐาน นายกฯ จี้ "รมต.-คณะสงฆ์" ดูแลป้องกันเลียนแบบ วอนประชาชนอย่าหลงเชื่อลัทธิ "กิโยติน" ที่ไม่มีเหตุผล และยึดหลักคำสอนขอพระพุทธเจ้าที่สามารถพิสูจน์ได้ อาจารย์ มจร.เตือนสติชาวพุทธ มีศรัทธาและปัญญารู้เท่าทัน

    จากกรณีอดีตพระธรรมกร ฐานธัมโม หรือ นายธรรมกร วังปรีชา อายุ 68 ปี อดีตเจ้าสำนักสงฆ์ภูหินกอง บ้านนาแค จ.หนองบัวลำภู สร้างอุปกรณ์คล้ายเครื่องกิโยติน ทำการตัดศีรษะตัวเองขาดภายในสำนักสงฆ์ เนื่องจากมีความเชื่อว่าเป็นการถวายเป็นพุทธบูชา โดยลาสิกขาบทเมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา
    วันที่ 20 เม.ย. พล.ต.ต.นิพนธ์ พานิชเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานแวดล้อม ทั้งพยานในที่เกิดเหตุ ทั้งก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ นอกจากนี้เรายังนำมูลเหตุแรงจูงใจฆ่าตัวตายมาประกอบกับการสืบสวน คือ แนวความคิดความเชื่อของผู้ตาย ตามกฎหมายแล้วเมื่อมีการตายที่ผิดธรรมชาติเกิดขึ้น ผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุไม่ว่าจะเป็นญาติหรือเพื่อนต้องแจ้งเจ้าหน้าที่และรักษาสภาพพื้นที่และสภาพศพไว้ดังเดิม
    "หากใครเคลื่อนย้ายศพหรือทำลายสภาพแวดล้อมก็อาจจะมีความผิดได้ ซึ่งกรณีนี้ทราบว่ามีคนรีบไปทำลายหลักฐาน ทั้งการล้างเลือด เคลื่อนย้ายศพ และเผาศพ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาที่เกิดเหตุ ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการส่อพิรุธหรืออาจจะคิดไปในเรื่องของความเชื่อ " พล.ต.ต.นิพนธ์กล่าว
     วันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลและป้องกันพฤติกรรมเลียนแบบ หลังเกิดลัทธิความเชื่ออย่างผิดๆ เช่น ลัทธิกิโยติน ว่า ขณะนี้เห็นว่ามีหลายลัทธิที่เกิดขึ้น ซึ่งองค์การคณะสงฆ์ต่างๆ ก็ได้เข้าไปดูแล อีกทั้งนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้เข้าไปดูแลตรงนี้
      “ก็ขอให้ประชาชนอย่าไปหลงเชื่อ ในสิ่งที่มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์มากนัก เพราะคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทรงสอนด้วยคำของพระพุทธองค์เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ ดังนั้นในหลายๆ อย่างผมจึงไม่อยากให้ไปหลงเชื่อหรือเชื่อถือกันมากนัก แต่ผมก็ห้ามท่านไม่ได้อยู่ดี แต่สิ่งเหล่านี้ทุกคนต้องมีเหตุมีผลในการที่จะเชื่อหรือเคารพ อีกทั้งพฤติกรรมเลียนแบบเหล่านี้ผมคิดว่าคงไม่มีใครอยากจะทำ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
     ด้าน รศ.ดร.ประพันธ์ ศุภษร ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาเอก สาขาพระพุทธศาสนาภาคเสาร์-อาทิตย์ บัณฑิตวิทยาลัยส่วนกลาง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า พระไตรปิฎกไม่มีระบุไว้อย่างที่นายธรรมกรกล่าวอ้างแน่นอน ตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ว่า จิตสุดท้ายก่อนตาย หากตั้งต้นด้วยจิตที่เป็นมิจฉาทิฐิ จะไปสู่ทุคติ ถ้าตั้งต้นด้วยจิตที่เป็นสัมมาทิฐิย่อมไปสู่สุคติ เมื่อจิตไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นอันหวังได้ กรณีนายธรรมกรต่างจากเรื่องมัฏฐกุณฑลีค้างคาวฟังธรรม รวมถึงพระเทวทัต กรณีพระเทวทัตสำนึกผิดขณะธรณีสูบถึงช่วงกระดูกคาง ท่านจึงถวายกระดูกคางเป็นพุทธบูชา ส่งผลให้ท่านจะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้านามว่า อัฏฐิสระ หลังจากตกอเวจีนรก 1 กัลป์แล้ว
           รศ.ดร.ประพันธ์กล่าวต่อว่า หากจะพิจารณาเกี่ยวกับจิตสุดท้ายก่อนตายหรือพิจารณากรรมที่ทำก่อนใกล้ตายมีหลักว่า หากเป็นจิตของมนุษย์ปุถุชนย่อมมีอวิชชาหุ้มห่อไว้ จิตสุดท้ายก่อนตายเป็นจิตบริสุทธิ์หรือเศร้าหมอง ตามหลักอาสันนกรรมคือกรรมที่ทำก่อนใกล้ตาย ขณะนั้นจิตหน่วงเหนี่ยวยึดอะไรไว้จะได้รับผลตามแรงกรรมนั้น จิตมนุษย์ปุถุชนมีทิฏฐิมานะและตัณหาเป็นกิเลสหลัก เป็นตัวผลักให้วิญญาณไปสู่ภพภูมินั้นๆ ซึ่งทิฐิที่นี้คือความยึดมั่นถือมั่นผิด การเสียสละชีวิตร่างกายหรืออวัยวะในกรณีอดีตชาติของพระโพธิสัตว์เป็นการบำเพ็ญบารมีโดยจิตที่ตั้งไว้เป็นสัมมาทิฐิ จะยอมสละชีวิตของตนนั้น ต้องมีเหตุการณ์บังคับที่ไม่สามารถเลือกทางอื่น ทำไปเพื่อให้คนอื่นอยู่รอดเพื่อสังคมอยู่ได้ แต่ไม่ใช่การวางแผนฆ่าตัวตายเพื่อตัวเอง ชาวพุทธควรมีหลักศรัทธาและปัญญาพิจารณา ใช้เหตุผลตามคำสอนทางพระพุทธศาสนาอย่างละเอียดถึงแก่น จึงจะถือว่าเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานเข้าสู่กระแสนิพพานได้อย่างแท้จริง ถ้าไม่สามารถดับทุกข์ได้สิ้นเชิง ก็อยู่อย่างมีปัญญา เรียกว่า บัณฑิต คือ ผู้มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาอย่างรู้เท่าทัน.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"