“บิ๊กตู่” สั่งตรึงราคาน้ำมัน-ก๊าซ มีผล 28 พ.ค.นี้ พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการควบคุมราคาสินค้าและบริการ ด้าน ปตท.แจ้งปรับลดราคาก๊าซหุงต้มลง 2 บาทต่อกิโลกรัม โต้โซเชียลมีเดียน้ำมันแพงกว่าเจ้าอื่น ยันไม่เคยเอาเปรียบลูกค้า สำรวจแล้วคนยังใช้บริการปกติ ด้าน "แท็กซี่" จ่อคิวขอขยับราคาช่วงรถติด 

    เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดูแลราคาน้ำมันดีเซลและก๊าซแอลพีจีว่า รัฐบาลไม่ได้บริหารงานโดยยึดหลักเศรษฐศาสตร์หรือกลไกตลาดเพียงอย่างเดียว แต่คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนด้วย หากประชาชนได้รับความเดือดร้อน ก็จำเป็นต้องเข้าไปแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยจะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปช่วยอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร และอุดหนุนราคาก๊าซแอลพีจี 10 บาทต่อขนาดถัง 15 กก. ทำให้ราคาแอลพีจีลดลงเหลือไม่เกินถังละ 363 บาท มีผลวันที่ 28 พ.ค.นี้
    พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจว่าต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลและก๊าซแอลพีจีอยู่ในระดับที่ควบคุมได้อย่างเหมาะสม จะไม่กระทบต่อราคาสินค้าและบริการที่ต้องใช้น้ำมันและก๊าซ และให้เชื่อมั่นว่าจะดูแลเรื่องนี้อย่างดีที่สุด ทั้งนี้ นายกฯ ยังได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาสินค้าและบริการให้เป็นปกติ เช่น ค่าโดยสาร ค่าอาหาร ค่าไฟฟ้า ค่าสินค้าอุปโภคบริโภค ฯลฯ เพราะรัฐบาลประกาศชัดเจนแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยย้ำว่าเมื่อประเทศต้องประสบปัญหาใดๆ ก็ตาม คนไทยทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมใจกันฝ่าฟันไปให้ได้ นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกติดตามราคาสินค้าและบริการที่สำคัญ เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาและเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค
    ทางด้านนายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่าสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง (รถเอกชนร่วมบริการ ขสมก.) เตรียมปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร เพื่อให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น ในส่วนของ ขสมก.ยังไม่มีนโยบายที่จะปรับขึ้นราคาค่าโดยสารรถทุกประเภทแต่อย่างใด เนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลกระทบทำให้ประชาชนผู้ใช้บริการ
    ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการศึกษาโครงสร้างต้นทุนอัตราค่าโดยสาร เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งสอดคล้องกับแผนฟื้นฟูกิจการองค์การและแผนปฏิรูปรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการและระบบเศรษฐกิจในภาพรวม นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพบริการรถโดยสารประจำทางให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้บริการมีความพึงพอใจสูงสุด และเห็นว่าอัตราค่าโดยสารใหม่มีความเหมาะสม ก่อนนำเสนอคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางประกาศกำหนดเป็นโครงสร้างราคาใหม่ที่มีความเหมาะสมต่อไป
    นายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ สมาชิกของสมาคมฯ กว่า 100 ราย เตรียมเข้ายื่นหนังสือถึงนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ให้พิจารณาปรับโครงสร้างอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ ภายหลังได้รับผลกระทบจากราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ขับรถแท็กซี่มีค่าครองชีพลดลง โดยข้อเสนอดังกล่าวนั้น จะให้คงอัตราเริ่มต้นกิโลเมตรแรกที่ 35 บาท ขณะที่ช่วงเวลารถติดจากเดิมนาทีละ 2 บาท เพิ่มขึ้นเป็นนาทีละ 3 บาท เพื่อความเป็นธรรมกับทั้งผู้ขับรถแท็กซี่และผู้โดยสาร 
    ทางด้านนายสุชาติ ระมาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีกระแสโซเชียลฯ เผยแพร่ข้อมูลเชิญชวนประชาชนยกเลิกการเติมน้ำมันของสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) ปตท. ระหว่างวันที่ 1-7 มิ.ย.นี้ว่า แม้จะยังไม่ถึงวันและเวลาดังกล่าว โดยเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ปตท.ได้รับรายงานจากปั๊มในพื้นที่ต่างๆ ว่ายังไม่พบความผิดปกติเรื่องการจำหน่ายน้ำมันที่ลดลง ซึ่ง ปตท.มีปั๊มทั่วประเทศ 1,500 แห่ง แต่ ปตท.เป็นเจ้าของเพียง 10% เท่านั้น ส่วนอีก 90% คิดเป็นจำนวนประมาณ 1,300 ปั๊มเป็นของดีลเลอร์ ก็ยังไม่พบยอดจำหน่ายที่ลดลงอย่างผิดปกติแต่อย่างใด โดยได้ขอความร่วมมือเจ้าของปั๊มน้ำมันทุกแห่งชี้แจงทำความเข้าใจกับลูกค้าที่มาเติมน้ำมันในปั๊ม ปตท.ว่า ปตท.ไม่ได้เอาเปรียบลูกค้าทั้งในเรื่องราคาและคุณภาพน้ำมันตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงวันที่ 7 มิ.ย.นี้
    ทั้งนี้ ปตท.ขอชี้แจงว่า ไม่ว่าจะเป็นปั๊มของ ปตท.เอง หรือของดีลเลอร์ ทาง ปตท.ได้พื้นที่ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนของเกษตรกร นำผลผลิตทางการเกษตร อาทิ ข้าว ผัก ผลไม้ตามฤดูกาลในแต่ละพื้นที่มาวางจำหน่ายในปั๊มโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจบทบาทของ ปตท. ยังเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมเกษตรกรอย่างใกล้ชิด รวมถึงทุกภาคส่วนในระดับเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะทำให้เกิดการจ้างงานคนในพื้นที่
    นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท. กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีการปรับตัวสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเม.ย.61 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนั้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันทั้งเบนซินเเละดีเซลในตลาดโลกปรับตัวขึ้นไปเป็นกว่า 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ล่าสุดคาดว่าราคาน้ำมันตลาดโลกน่าจะเริ่มมีแนวโน้มลดลงบ้าง ดังนั้น ปตท.จึงปรับลดราคาน้ำมันลงทันที โดยกลุ่มเบนซินลดลง 50 สตางค์/ลิตร เว้น E85 ลดลง 30 สตางค์/ลิตร และกลุ่มดีเซล ลดลง 50 สตางค์/ลิตร มีผลในวันที่ 26 พ.ค.61 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป 
    อย่างไรก็ตาม ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขต กทม.และปริมณฑล เป็นดังนี้ (โดยราคาขายปลีกยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร) ราคาน้ำมันเบนซิน 95 36.86 บาท/ลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 29.75 บาท/ลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 29.48 บาท/ลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 27.24 บาท/ลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 21.44 บาท/ลิตร, น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 29.29 บาท/ลิตร,น้ำมันอัลตรา ฟอร์ซ พรีเมียม ดีเซล 32.29 บาท/ลิตร
    รายงานข่าวจาก ปตท.แจ้งว่า ปตท.ได้ประกาศราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) หรือก๊าซหุงต้ม ลดลง 2 บาทต่อกิโลกรัม (ราคารวม VAT) และสำหรับถังขนาด 15 กิโลกรัม จะมีราคาอยู่ที่ 365 บาท ซึ่งลดลงจากเดิม 30 บาทต่อถัง มีผลตั้งแต่วันที่ 25-28 พฤษภาคม 2561 
    ด้าน บมจ.ไทยออยล์ รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงกดดันจากแรงเทขายทำกำไรก่อนเข้าสู่ช่วงหยุดยาวในวัน Memorial day และความกังวลว่าผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกจะเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมโอเปกวันที่ 22 มิ.ย.61 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบโลกที่มีแนวโน้มจะตึงตัวมากขึ้นหลัง ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาและอิหร่านมีแนวโน้มปรับลดลงหลังเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ โดยตลาดเวสต์เทกซัสลดลง 1.13 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 70.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เบรนท์ ลดลง 1.01 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และดูไบ ลดลง 0.46 ดอลลาร์ ปิดที่ 76.92 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
     ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย ส่วนงานการรักษาความสงบเรียบร้อย สำนักงานเลขาธิการ คสช. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ดูแลเว็บไซต์ http // ratstscom // ratstas.com 123 ที่โพสต์ข้อความ “บิ๊กตู่ฟิวส์ขาดด่ากราดประชาชนไล่ให้เติมน้ำเปล่าแทนดีเซล อย่าโง่ วอนประชาชนอย่าเรื่องมาก” อันเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดการตื่นตระหนกแก่ประชาชน.