กองปราบฯ บุกค้น "วัดสระเกศ-วัดสัมพันธวงศ์" รอบ 2 ส่ง พฐ.เก็บลายนิ้วมือหาหลักฐานเงินทอนวัด "ฐิติราช" แนะ "พระพรหมสิทธิ-พระพรหมเมธี" สง่างามต้องมอบตัว เชื่อยังอยู่ในประเทศ ย้ำพฤติการณ์ทำผิด กม.ชัดเจน "ผบก.ป." ปัดแจงข่าวรั่วปล่อยเจ้าอาวาสวัดสระเกศหนี "5 อดีตพระเถระ" อยู่คุกคืนแรกนอนไม่หลับ "ผบก.ปปป." เริ่มลุยเงินทอนล็อต 4 แล้ว "วิษณุ" ชี้ไม่ใช่สังคายนาวงการสงฆ์ แค่ปัดกวาดบ้านให้สะอาด
เมื่อวันศุกร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามยังคงปฏิบัติการเข้าตรวจค้นวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ กทม. ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง เพื่อหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคดีเงินทอนวัด โดยมีการนำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บพยานหลักฐานไปตรวจสอบด้วย
โดยที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร พ.ต.ท.กิตติเมศร์ โชติปิติเจริญรัฐ สว.กก.1 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เดินทางเข้าค้นกุฏิฉัตรลีลา ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร, กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 10
พ.ต.ท.กิตติเมศร์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า วันนี้ได้ขอหมายค้นครั้งที่ 2 เพื่อดำเนินการตรวจค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยจะเน้นในส่วนของเอกสารทางการเงินทั้งหมด
ส่วน พ.ต.อ.อนุราช จิตศีล ผกก.กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง กล่าวว่า ได้เก็บหลักฐานสำคัญบางอย่างเพื่อไปตรวจพิสูจน์แล้ว ทั้งเป็นเอกสารวัตถุพยานจำพวกดีเอ็นเอ ซึ่งมีความเชื่อมโยงถึงตัวบุคคลต่างๆ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัด
"ลายนิ้วมือจะมีมากกว่า 1 คนหรือไม่นั้น จะต้องนำไปตรวจสอบก่อนต้องรอผลการพิสูจน์ ส่วนกล้องวงจรปิดวันนี้ยังไม่ได้ทำการตรวจสอบ ซึ่งจะต้องมีการประชุมการสอบสวนก่อนจะเข้ามาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง" ผกก.กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุระบุ
ที่วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3.บก.ป. นำกำลังตำรวจ กก.3 บก.ป.พร้อมหมายค้น เข้าตรวจสอบภายในวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร เพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยใช้เวลาในการตรวจค้นหานานกว่า 2.30 ชม.
มีรายงานว่า การตรวจค้นวัดสัมพันธวงศารามเพิ่มเติม เพื่อติดตามพระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ที่ยังหลบหนี เพื่อตรวจสอบภายในกุฏิพระทั้งหมด สำรวจว่าแต่ละห้องเป็นของพระรูปใดบ้าง
พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวว่า การดำเนินการเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ยังมีบางส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย เช่น การติดตามเป้าหมายที่ยังไม่ได้อีก 2 ท่าน จึงอยากให้ท่านเข้ามามอบตัวดีกว่า ตนยังไม่อยากกล่าวในรายละเอียด เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน ซึ่งหลายรูปมีความไม่งดงามในความที่เป็นสมณเพศ คนทำงานต้องตระหนัก เพราะเป็นการดำเนินการกับพระผู้ใหญ่ ข้อมูลที่ไม่มีหลักฐานแค่คิดก็ไม่ดีแล้ว เป็นบาป แต่ขอให้มั่นใจว่าเป็นการปฏิบัติการที่มีข้อมูล มีข้อเท็จจริง มีพยานหลักฐาน ในส่วนพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสม ตนไม่ขอกล่าวถึงแล้วกัน
"สำหรับ 2 ท่านที่ยังหลบหนีอยู่ยังอยู่ในประเทศไทย ขณะนี้พยายามใช้วิธีเจรจากับบุคลที่ใกล้ชิด ทางเจ้าหน้าที่ให้เกียรติท่าน อยากให้เข้ามามอบตัว จะเป็นสิ่งที่งดงามมากกว่า อยากให้เข้ามาพิสูจน์ทราบตัวเอง จะได้เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย หากหลบหนีไปจะทำให้เสียความเป็นตัวของท่านเอง เพราะมีหลายคนเคารพท่านอยู่" พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าว
พระพรหมเมธีอยู่ใน ปท.
ถามว่า การดำเนินดคีพระชั้นผู้ใหญ่ มีความกังวลหรือไม่ ผบช.ก.กล่าวว่า เราดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายไม่ได้ละเว้นว่าใครเป็นใคร ใครกระทำความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี อยากให้แยกแยะ คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่น่ายึดเหนี่ยวปฏิบัติ ส่วนพระสงฆ์เป็นสาวกมาจากคน ถ้าเป็นคนดีอะไรก็จะดีหมด ทุกอย่างอยู่ที่คน
พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) กล่าวว่า การติดตามตัวพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และพระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ผู้ถูกกล่าวหาร่วมกันฟอกเงิน คดีทุจริตคดีเงินทอนวัด เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามบุคคลตามหมาย และประสานไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศในการป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ เพราะเมื่อมีหมายจับระบบก็ไปขึ้นที่ระบบของ ตม.อยู่แล้ว ถ้ามีการแสดงพาสปอร์ตระบบก็จะโชว์หมายจับทันที
"พระทั้ง 2 รูปหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ เช่นเดียวกันกับกรณีที่มีกระแสข่าวช่วงเย็นของวันที่ 23 พ.ค.ว่ามีรถสีดำมารับเจ้าอาวาสวัดสะเกศฯ ออกไป ก็ต้องขอตรวจสอบก่อน เพราะหลักฐานบางส่วนโดนลบทำลายไป ส่วนจะมีการออกหมายจับเพิ่มผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีเงินทอนวัดหรือไม่ ต้องรอผลการประชุมก่อน" พล.ต.ต.ไมตรีกล่าว
ถามว่า การที่เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ หลบหนีไปก่อนเข้าตรวจค้นจะมีตำรวจแจ้งข่าวหรือไม่ ผบก.ป.กล่าวว่า ขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน
พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวเจ้าหน้าที่ตรวจพบเบาะแสสำคัญเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดภายในวัดสระเกศราชวรมหาวิหารที่สามารถบันทึกภาพรถตู้โฟล์กสวาเกนสีดำคันหนึ่ง ซึ่งขับมาจอดบริเวณด้านข้างกุฏิพระพรหมสิทธิหนีออกไปนอกวัดก่อนที่จะมีการเข้าตรวจค้นภายในวัดว่า ขอยืนยันรถคันดังกล่าวไม่ใช่รถที่ใช้พาพระพรหมสิทธิหลบหนีการจับกุม แต่ยอมรับว่ารถคันดังกล่าวได้ขับเข้ามารับพระพรหมสิทธิจริง โดยเข้ามารับในช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันที่ 23 พ.ค. แต่เป็นการมารับเพื่อพาไปทำกิจของสงฆ์ที่พุทธมณฑล ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม และรถคันดังกล่าวขับกลับมาส่งพระพรหมสิทธิที่วัดอีกครั้งในช่วงเวลาประมาณเที่ยงวันกว่าๆ ของวันเดียวกัน
"จากนั้นพระพรหมสิทธิก็ได้นั่งรถกอล์ฟเพื่อเดินทางไปยังหอฉันภายในวัด เพื่อฉันภัตตาหารเพล แล้วจะเดินทางกลับมายังกุฏิ ก่อนที่ต่อมาจะใช้ช่วงเวลาหลังจากนั้นในการหลบหนี" ผกก.1 บก.ป.กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ในทางการสืบสวนพบข้อมูลว่าพระพรหมเมธียังอยู่ภายในประเทศไทย ไม่ได้หลบหนีไปต่างประเทศตามข่าวลือ สอดคล้องกับการสอบปากคำของพระคนสนิทให้การว่า พระพรหมเมธีกำลังพิจารณาถึงการมอบตัวสู้คดี แต่เกรงว่าศาลจะไม่อนุญาตให้ประตัวเหมือนกับพระผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูปที่ถูกจับและถูกสึก ทั้งนี้ทางชุดสืบสวนได้เร่งติดตามจับกุมตัวให้ได้เร็วที่สุด
ลุยเงินทอนวัดล็อต 4
ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายกฤช กระแสทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวถึงคืนแรกที่ควบคุมตัวอดีตพระ 5 รูปในเรือนจำ ประกอบด้วย 1.พระครูวิจิตรธรรมาภรณ์ 2.อดีตพระศรีคุณาภรณ์ 3.อดีตพระครูสิริวิหารการ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสสระเกศฯ 4.อดีตพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และ 5.อดีตพระอรรถกิจโสภณ เลขานุการ ผู้ต้องหาคดีทุจริตเงินทอนวัดว่า แต่ละคนมีอาการค่อนข้างอ่อนเพลีย เพราะทั้งหมดถูกนำตัวไปสอบสวนตลอดทั้งวัน ก่อนจะถูกนำมาตัวคุมขังแล้วเสร็จในเวลา 21.00 น. และนอนไม่หลับ ทำให้ในช่วงเช้าทุกคนมีสภาพอิดโรย
ขณะที่ พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) กล่าวว่า ขณะนี้ทาง ปปป.ได้เริ่มเดินหน้าในการรวบรวมหลักฐานการกระทำความผิดในล็อตที่ 4 ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถระบุจำนวนและตัวผู้กระทำความผิดที่เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการออกหมายจับและติดตามจับกุมตัวในล็อตที่ 4 ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะได้ความชัดเจนเร็วๆ นี้
ส่วนนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการแสวงหาข้อเท็จจริงคดีทุจริตเงินทอนวัด ในสำนวนที่ บก.ปปป. ส่งมาให้ในล็อตที่มีพระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม (มส.) ว่า ได้มีคำสั่งด่วนให้เจ้าหน้าที่ในคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวรีบดำเนินการสรุปเรื่องเพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาในสัปดาห์หน้า ส่วนจะเป็นการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในวันพุธที่ 30 พ.ค. หรือพฤหัสฯ 31 พ.ค.นั้น ต้องแล้วแต่ประธานป.ป.ช.จะเป็นผู้บรรจุวาระการประชุม
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจับกุมพระเถระชั้นผู้ใหญ่ว่า ไม่ทราบจะกระเทือนถึงไหน แต่กระเทือนวงการสงฆ์แน่นอน เป็นเรื่องธรรมดา กระเทือนความรู้สึกพุทธศาสนิกชนบางคนบางกลุ่ม แต่คงไม่กระเทือนพระพุทธศาสนา เพราะยังมั่นคงดีอยู่ หากมีอะไรเป็นเหตุเภทภัยเข้ามากระทบ ถ้าสามารถลิดรอนหรือกำจัดออกไปได้ จะทำให้พระพุทธศาสนาบริสุทธิ์มากขึ้น
นายวิษณุกล่าวว่า การดำเนินการว่าใครถูกหรือผิดนั้นไม่ทราบ ไม่มีใครรู้ มีเพียงเจ้าหน้าที่ที่รู้ ซึ่งต้องดำเนินการตามกฎหมาย จะไม่ดำเนินการไม่ได้ ต้องมีการต่อสู้คดีกันไป ถ้าพ้นภัยพ้นปัญหาไปทุกอย่างจะกลับมาได้อย่างเดิม แต่ถ้าไม่สามารถต่อสู้ให้พ้นไปได้คดีจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปสู่ศาล
ถามว่า เรื่องนี้จะทำให้ประชาชนตั้งคำถามหรือไม่ว่าเราจะสามารถนับถือพระสงฆ์ได้อยู่หรือไม่ เพราะขนาดพระเถระชั้นผู้ใหญ่ยังมีคดีแบบนี้เกิดขึ้น นายวิษณุ กล่าวว่า ใครๆ ก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้มีมานานแล้ว แต่หากเราไปสะดุ้งสะเทือนหมดอาลัยตายอยาก เลิกนับถือพระพุทธศาสนาด้วยเหตุแบบนี้ บรรพบุรุษของเราคงไม่สามารถรักษาพุทธศาสนาได้มาจนถึงปัจจุบัน แต่เพราะบรรพบุรุษไม่คิดแบบนั้น เหตุเกิดที่ไหนก็จัดการตรงนั้นให้จบ บ้านช่องไม่สะอาดก็ปัดกวาดเสีย แต่ถ้าบ้านช่องไม่สะอาดถึงขนาดรื้อบ้านคงไม่คุ้ม
"คดีทั้งหมดที่กล่าวหานั้น เป็นการกล่าวหาในทางโลก จึงเป็นเรื่องที่ทางโลกต้องไปจัดการ ถ้ามีเรื่องกระทบในทางธรรมหรือทางศาสนา ทางศาสนาต้องเข้าไปจัดการ ทางศาสนาในที่นี้หมายถึงกรณีที่กระทบต่ออธิกรณ์หรือวินัยสงฆ์ ทางศาสนาต้องไปว่ากัน อย่างไรก็ตาม กฎหมายคณะสงฆ์ต้องอยู่กึ่งกลางระหว่างทางโลกกับทางธรรม ซึ่งได้บอกไว้ชัดเจนแล้วว่าในกรณีที่ภิกษุต้องคดีอาญาจะต้องดำเนินการอย่างไร" นายวิษณุกล่าว
ซักว่า รอบนี้ถึงขั้นสังคายนาวงการสงฆ์ใช่เลยหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า อย่าไปพูดว่าสังคายนา เพราะคำนี้เป็นคำพิเศษที่หมายความถึงกรณีที่ต้องมีการประชุมพระสงฆ์เพื่อตรวจสอบพระไตรปิฎกว่ามีความฟั่นเฟือนวิปริตหรือไม่อย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำยาก แต่อาจทำคล้ายๆ สังคายนาได้คือ ประชุมตรวจสอบตกลงกติกาวิธีปฏิบัติ คิดว่าเรื่องนี้มหาเถรสมาคม (มส.) น่าจะนำไปดำเนินการได้
ชี้บทเรียนตั้งพระเถระ
"เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนที่ควรตระหนัก สังวร และระมัดระวัง ซึ่งพระผู้ใหญ่บางรูประมัดระวังดีอยู่แล้ว ให้ไปดูจริยวัตรของพระสังฆราชสวยสดงดงาม ท่านเตือนอะไรก็เป็นปิยวาจา" นายวิษณุกล่าว
ถามว่า หลังจากนี้จะต้องมีการกลั่นกรองการแต่งตั้งพระเถระชั้นผู้ใหญ่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า น่าจะต้องเป็นเช่นนั้น
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับเงินทอนวัด ถือเป็นการบังคับใช้กฎหมายไม่ว่าจะฆราวาสหรือพระสงฆ์ที่มีตำแหน่งเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ในกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ก็ตาม และการดำเนินการจับกุมถือเป็นเรื่องที่ดี ทำให้เจ้าอาวาสวัดอื่นจะต้องระวัดระวัง และอยู่ในความถูกต้อง ไม่กล้าที่นำเอาเงินวัดไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
"จากนี้ผมขอให้ติดตามคดีเรื่องเงินทอนวัดต่อไป เพราะยังมีอีกหลายวัดพอสมควร ที่นำเงินงบประมาณแผ่นดินส่วนนี้ไปใช้ เรื่องดังกล่าวสะท้อนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องกลับมาดูเรื่องการจัดทำบัญชีวัด และการจัดการเงินของพระภิกษุว่าควรจะต้องจัดทำแบบเปิดเผยตรวจสอบได้ให้ตรงตามพระธรรมวินัย ขณะเดียวกันยังเป็นที่น่าสงสัยว่าพระทั้ง 2 รูปที่ยังค้นหาตัวไม่เจอ รู้ได้อย่างไรว่าจะมีการจับกุม ผมเชื่อว่าจะต้องมีข่าวรั่วไปยังพระแน่นอน จึงขอให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย” นายไพบูลย์กล่าว
ถามว่าการบุกจับพระชั้นผู้ใหญ่ครั้งนี้ ถือเป็นการสังคายนาวงการสงฆ์หรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า เป็นการชะล้างการใช้กฎหมายกับเจ้าอาวาสระดับสูง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่ควรถึงเวลาต้องปฏิรูปคณะสงฆ์ที่โครงสร้างมีปัญหาจนทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น
วันเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปทรงเปิดการประชุมชาวพุทธนานาชาติ เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปีพุทธศักราช 2561
โอกาสนี้ สมเด็จพระสังฆราชประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระมหากรุณาประทานหนทางพัฒนามนุษย์ ให้ก้าวสู่ความหลุดพ้นจากห้วงทุกข์อย่างถาวรไว้ เรียกว่า อริยอัฏฐังคิกมรรค หรือที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า มรรค 8 อันมี สัมมาทิฐิ เป็นธรรมประการต้น
คำว่า ทิฐิ หมายถึงความเห็นต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใด อันเป็นสิ่งนำพา ครอบงำ และมีบทบาทในวิถีชีวิตของแต่ละคน ซึ่งอาจเป็นทางรุ่งเรืองหรือทางเสื่อมถอย ถ้าเป็นความเห็น ความเชื่อที่ถูกต้อง เรียกว่า สัมมาทิฐิ ส่วนถ้าเป็นความเห็น ความเชื่อที่ผิด เรียกว่า มิจฉาทิฐิ ถ้าจะเปรียบกับภาษาทางโลก ที่ใช้ในการบริหารงาน และการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ อาจเทียบได้กับคำว่า ทัศนคติ กล่าวคือการจะพัฒนาตน พัฒนาองค์กร หรือพัฒนาสังคมให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นได้นั้น จำเป็นต้องมีทัศนคติที่ดีและถูกต้องต่อการพัฒนาเป็นเบื้องต้นเสียก่อน หากมีทัศนคติที่ติดลบ หรือมีทัศนคติที่ผิดพลาดแล้ว ก็ย่อมจะไม่สามารถดำเนินงานพัฒนาไปสู่เป้าหมายได้อย่างถูกทิศทาง เสมือนนายเรือผู้หมายใจจะพาเรือมุ่งไปทางทิศเหนือ แต่กลับตั้งหางเสือผิดไปสู่ทิศใต้ เรือลำนั้นย่อมหลงวนเวียนอยู่ ไม่มีวันถึงจุดหมาย หรือกว่าจะพาหมุนกลับมาให้ถูกทิศทางได้ ก็ต้องเสียเวลาเนิ่นช้าไปโดยเปล่าประโยชน์
"บุคคลผู้ปรารถนาจะพัฒนาตนตามหลักพระพุทธศาสนา จำเป็นต้องอบรมปัญญาบนรากฐานแห่ง ‘สัมมาทิฐิ’ ซึ่งหมายถึงความเห็นชอบในอริยสัจ 4 ประกอบด้วยการรู้แจ้งในความทุกข์ รู้แจ้งในต้นเหตุแห่งทุกข์ รู้แจ้งในความดับทุกข์ และรู้แจ้งในแนวทางแห่งการดับทุกข์"
สมเด็จพระสังฆราชประทานพระสัมโมทนียกถา ตอนท้ายว่า วันวิสาขบูชาอันเป็นวันคล้ายวันที่พระโพธิสัตว์ทรงรู้แจ้งอริยสัจ 4 เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเป็นอุดมสมัยที่ชาวพุทธทั้งหลายจักได้น้อมนำพระพุทธธรรมมาเป็นเครื่องพัฒนาอบรมตน ให้บรรลุถึงความเป็นผู้มีสัมมาทิฐิอย่างแท้จริง อันเป็นมูลฐานของการพัฒนาไปสู่เป้าหมายสูงสุดแห่งพระพุทธศาสนา และจักสามารถเพิ่มพูนสันติภาพในโลกนี้ให้ไพบูลย์สืบไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |