20เม.ย.64 นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เปิดเผยว่า ตามที่ประเทศไทยให้สัตยาบันเพื่อเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนน ทำ ณ กรุงเวียนนา ค.ศ. 1968 โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป นั้น กรมการขนส่งทางบกมีการเตรียมพร้อมรองรับเพื่อให้สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามอนุสัญญาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนน ทำ ณ กรุงเวียนนา ค.ศ. 1968 หรือ อนุสัญญาเวียนนา 1968
ทั้งนี้ได้ปรับรายละเอียดของอนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนน ทำ ณ นครเจนีวา ค.ศ. 1949 หรือ อนุสัญญาเจนีวา 1949 ที่ประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ก่อนแล้ว ให้ชัดเจนและครอบคลุมมากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัยในการใช้ถนน รวมทั้งยอมรับใบอนุญาตขับรถที่มีลักษณะเป็นไปตามข้อกำหนดของอนุสัญญาเวียนนา 1968 ให้เข้ามาใช้ในประเทศภาคีได้
อย่างไรก็ตามดังนั้น การที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีตามอนุสัญญาเวียนนา 1968 จึงมีส่วนสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยทางถนนและมาตรฐานใบอนุญาตขับรถของประเทศไทยให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล ทั้งยังเพิ่มโอกาสที่ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศของไทยจะได้รับการยอมรับให้สามารถนำไปใช้ในต่างประเทศที่เป็นภาคีตามอนุสัญญาเวียนนา 1968 ได้ และประเทศไทยก็สามารถยอมรับใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศที่ออกโดยประเทศที่เป็นภาคีตามอนุสัญญาเวียนนา 1968 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งต้องใช้ควบคู่กับใบอนุญาตขับรถภายในประเทศด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) คลี่คลาย
นายจิรุตม์ กล่าวต่อไปว่า การที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาเวียนนา 1968 ส่งผลให้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป กรมการขนส่งทางบกสามารถดำเนินการออกใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาเวียนนา 1968 เพิ่มเติมจากใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาเจนีวา 1949 เดิมที่มีผลบังคับใช้อยู่แล้ว ซึ่งมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังนี้ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศตามอนุสัญญาเจนีวา 1949 มีอายุ 1 ปี นำไปใช้ได้ใน 101 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ เป็นต้น
และใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศตามอนุสัญญาเวียนนา 1968 มีอายุ 3 ปี นับแต่วันออกใบอนุญาต หรือไม่เกินกว่าอายุของใบอนุญาตขับรถภายในประเทศที่ผู้ถือมีอยู่ นำไปใช้ได้ใน 84 ประเทศทั่วโลก เช่น บาห์เรน บราซิล เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น และสำหรับประเทศที่เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาทั้งสองฉบับ เช่น สหราชอาณาจักร อิตาลี ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สวีเดน รวมถึงประเทศไทย สามารถใช้ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศที่ออกตามอนุสัญญาเวียนนา 1968 เพียงฉบับเดียวได้
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการขอรับใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ สามารถแจ้งรายชื่อประเทศที่ต้องการนำใบอนุญาตขับรถไปใช้ต่อเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบความเกี่ยวข้องในการร่วมเป็นภาคีตามอนุสัญญา และออกใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศให้ได้อย่างถูกต้องตามแบบที่กำหนด พร้อมหลักฐาน สำเนาหนังสือเดินทาง เล่มที่ใช้ในการเดินทาง ประวัติหน้าที่แก้ไข (พร้อมฉบับจริง) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุ, บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับจริง) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุ, ใบอนุญาตขับรถซึ่งยังไม่สิ้นอายุ (ยกเว้น ใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราวไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้), รูปถ่าย ขนาด 2 นิ้ว 2 รูป (รูปถ่ายไม่เกิน 6 เดือน) ต้องเป็นรูปหน้าตรง ไม่สวมหมวกหรือสวมแว่นตาสีเข้มและไม่มีภาพวิวหลังรูป
กรณีชาวต่างชาติต้องยื่นหลักฐานเพิ่มเติม ได้แก่ หนังสือเดินทาง (ต้องไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยว เล่นกีฬา หรือเดินทางผ่านเมือง), ใบสำคัญถิ่นที่อยู่ หรือใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) หรือใบอนุญาตทำงานอิเล็คทรอนิค (Digital Work Permit) ที่ยังไม่สิ้นอายุ หรือหลักฐานที่แสดงว่าเป็นผู้ได้รับการตรวจลงตราพิเศษ (Smart Visa) ที่รับรองโดยสถานทูต หรือสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศตามอนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับ มีค่าธรรมเนียมพร้อมค่าคำขอรวม 505 บาทเท่ากัน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |