เคาะ 6 ข้อเสนอ แผน 'สุขภาพจิตชุมชน' พร้อมดันสู่วาระชาติ

23 ก.ย. 2567 – นายชาญชัย ทองสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยสถาบันพัฒนาศักยภาพเพื่อความเท่าเทียมทางสังคม มูลนิธิบุญยง-อรรณพ นิโครธานนท์ ตัวแทนแกนนำขับเคลื่อนโครงการพัฒนาความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตตลอดช่วงชีวิต เปิดเผยว่า ภายหลังการจัดเวทีขับเคลื่อนเชิงนโยบายภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตโดยชุมชนท้องถิ่น ในหัวข้อ “เวทีสานพลังเพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตโดยชุมชนท้องถิ่น” (Community Mental Health Forum) ภายใต้โครงการพัฒนาความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตตลอดช่วงชีวิต ซึ่งจัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โรงพยาบาลศรีธัญญา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) และมูลนิธิบุญยง-อรรณพ นิโครธานนท์ เมื่อเร็วๆ นี้นั้น

ที่ประชุมได้ข้อสรุปเป็น “ข้อเสนอเชิงนโยบายสาธารณะด้านการส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในชุมชนท้องถิ่นตลอดช่วงชีวิต” ทั้ง 6 ข้อ ที่จะนำสู่การปฏิบัติในระดับประเทศประกอบด้วย 1.กรมสุขภาพจิต สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสถิติแห่งชาติ นำเครื่องมือดัชนีสุขภาพจิตชุมชนท้องถิ่น (Community Mental Health Index) ไปใช้สำหรับเป็นเครื่องมือในการประเมินสถานะสุขภาพจิตในระดับชุมชน และขยายผลต่อยอดไปสู่การเป็นเครื่องมือหลักในการประเมินสุขภาพจิตชุมชนในทุกๆ ชุมชนทั่วประเทศในอนาคต นำไปสู่การสะท้อนภาพระดับการมีสุขภาพจิตในระดับชุมชนที่เป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเห็นทิศทางในการพัฒนาในแต่ละชุมชนให้มีสุขภาพจิตที่ดีได้ในอนาคต

2.กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการขยายผลการสร้างและพัฒนานักส่งเสริมสุขภาพจิตชุมชน (นสช.) ให้กระจายไปทุกชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ โดยหนุนเสริมพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้แก่อาสาสมัครสาธารณหมู่บ้าน (อสม.) ที่มีอยู่เดิม และพัฒนาศักยภาพตัวแทนประชากรกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเช่นคนพิการ เด็ก และเยาวชน เพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตกลุ่มเป้าหมายเฉพาะดังกล่าวได้อย่างเป็นผล พร้อมสนับสนุนทรัพยากรดำเนินงานของ นสช.

3.กระทรวงสาธารณะสุข กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนและจัดให้มีให้มีคลินิกสุขภาพจิตในทุกโรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต) พร้อมสนับสนุนทรัพยากรดำเนินงาน และพัฒนาศักยภาพบุคลากรสถานพยาบาลทำหน้าที่ดูแล ให้คำปรึกษา ประเมิน บำบัดรักษา และส่งต่อกลุ่มเสี่ยงและผู้ป่วยจิตเวช เข้าสู่ระบบรักษาพยาบาลตามความเหมาะสม

4.กรมการส่งเสริมการปกครองส่วนทัองถิ่น กระทรวงมหาดไทย สนับสนุนให้กลไกองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ระดับต่างๆ ขับเคลื่อนงานส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในชุมชนท้องถิ่น โดยกำหนดเป็นแผนงาน และงบประมาณของหน่วยงาน รวมถึงพัฒนาตัวชี้วัดความสำเร็จสำหรับติดตามประเมินผลการดำเนินงานของ อปท.

5.กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สนับสนุนให้มีหน่วยงานและบุคลากรทำหน้าที่การส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในสถานศึกษา โดยจัดตั้งเป็นคลินิกสุขภาพจิต และพัฒนาศักยภาพและความรู้แก่บุคลากรสถานศึกษาทำหน้าที่ให้คำปรึกษา ประเมิน เยียวยา และส่งต่อกลุ่มเป้าหมายที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตเข้าสู่ระบบรักษาพยาบาลตามความเหมาะสม พร้อมกันนี้สนับสนุนให้สถาบันการศึกษาต่างๆบูรณาการกิจกรรมด้านสุขภาพจิตเข้ากับหลักสูตร และกิจกรรมการเรียนการสอนนักเรียนและนักศึกษาด้วย

และ 6.สำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กรมสุขภาพจิต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนงบประมาณและความรู้วิชาการเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ นสช. และชุมชนท้องถิ่นขับเคลื่อนงานส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิต เช่น หลักสูตรมาตรฐานการอบรม นสช. สื่อการเรียนรู้ สื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์ เครื่องมือประเมินสถานการณ์สุขภาพจิตชุมชน คัดกรอง และการติดตามประเมินผลความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านสุขภาพจิตของภาคีเครือข่ายต่างๆ ผ่านช่องทางสื่อต่างๆที่กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม

นายชาญชัย กล่าวว่า ข้อเสนอเชิงนโยบายสาธารณะทั้ง 6 ข้อนี้ ได้มาจากการทำงานของ 15 พื้นที่นำร่องทั่วประเทศใน 2 เฟสการทำงาน คือในปี 2564-2565 จำนวน 10 พื้นที่ และขยายผลต่อเนื่องในปี 2566-2567 อีก 5 พื้นที่ ครอบคลุมภาคเหนือ อีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ แม้ว่าต่างคนจะต่างประสบการณ์ แต่ทุกพื้นที่มีเป้าหมายร่วมกันคือการสร้าง นสช.ให้เกิดขึ้นในชุมชนท้องถิ่นของตน เพื่อทำหน้าที่ช่วยเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพจิตของคนในชุมชน เนื่องทาง อสม. ก็มีภาระงานอยู่มาก และการบ่มเพาะสกิลการให้บริการสุขภาพจิตก็มีความเฉพาะตัวต่างจากการดูแลเรื่องสุขภาวะองค์ การเปิดโอกาสให้กลุ่มจิตอาสาในพื้นที่ได้มาร่วมทำงานจะช่วยสร้างความภาคภูมิใจและกลายเป็นชุมชนสุขภาพจิตเข้มแข็งในที่สุด นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือดัชนีตัวชี้วัดสุขภาพจิตชุมชนไว้ใช้ทำงานเชิงวิชาการที่ต้องอาศัยข้อมูลเชิงสถิติในการอ้างอิง

ด้าน นายพงศ์ธร จันทรัศมี ผู้จัดการโครงการ มสช. ระบุว่า ขณะนี้เราเห็นผลสำเร็จมากขึ้น จากแผนสุขภาพจิตในระดับตำบล เทศบาล ก็เคลื่อนไปสู่ระดับอำเภอและจังหวัด พื้นที่นำร่องหลายแห่งมีการขยายผลไปยังพื้นที่ข้างเคียง หากประเมินแล้วตัวโครงการฯ ที่ทำงานด้านสุขภาพจิตแต่สะกิดไปถึงทุกกระทรวงกำลังเดินหน้าสู่ระยะปลายที่จะมีการประเมินผลสัมฤทธิ์อีกครั้งในเร็วๆ นี้ หลังจากผลักดันเรื่องบริการสุขภาพจิตเข้าไปอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ให้สำเร็จ อีกทั้งยังมีแนวคิดจะจัดเป็นงานระดับเอ็กซ์โปเพื่อสร้างความตระหนักและเผยแพร่องค์ความรู้ในเรื่องการส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตโดยชุมชนท้องถิ่น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“สุรศักดิ์” รมช.ศธ. เดินหน้าขับเคลื่อนรถรับส่งนักเรียนปลอดภัย ชูโมเดล “ศูนย์เรียนรู้รถรับส่งนักเรียนปลอดภัย จ.อยุธยา” ของสสส.

วันที่ 18 พ.ย. 2567 ที่ โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดศูนย์การเรียนรู้การจัดการรถรับส่งนักเรียนที่ปลอดภัย โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย ภายในงานเวทีสร้างความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการพัฒนาศูนย์เรียนรู้รถรับส่งนั

สสส.สานพลังภาคี ขจัดความเหลื่อล้ำกิจกรรมทางกาย ดึงคนไทยสู่เวอร์ชั่นใหม่

กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม

สสส.-สคล. ผนึกภาครัฐ เอกชน จัดแข่งฟุตซอลเยาวชนไม่เกิน 15 ปี ชิงถ้วยกรมสมเด็จพระเทพฯ

สสส. โดยสมาคมเครือข่ายงดเหล้าและปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ (สคล.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายและภาคเอกชน รวม 7 องค์กร ลงนามความร่วมมือ พร้อมจัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ

"สิทธิในอาหารเพื่อชีวิตที่ดี" ความตระหนักรู้เสริมสุขภาวะ

เด็กทั่วโลกเผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านอาหาร เพราะการบริโภคไม่สมดุล ส่งผลต่อสุขภาวะอ้วนผอม ชาวโลกเผชิญความอดอยากเกือบ 300 ล้านคน

สสส.ชวนคนรักสุขภาพ ร่วม'เมื่อคุณเริ่มวิ่ง หัวใจเต้นแรง' กระตุ้น'นักวิ่งหน้าใหม่'ลงสนาม8ธ.ค.นี้

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 11 พ.ย. 2567 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ กรุงเทพฯ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ร่วมกับ สมาพันธ์ชมรมเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพไทย จัดงานแถลงข่าว Thai Health Day Run 2024 วิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ ครั้งที่ 12 ภายใต้แนวคิด “เมื่อคุณเริ่มวิ่ง หัวใจเต้นแรง” ในวันที่ 8 ธ.ค. นี้ ที่สะพานพระราม 8 โดย สสส. มุ่งจุดกระแสกิจกรรมทางกายเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้มีสุขภาพดี ลดความเสี่ยงเกิดโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ในอนาคต ซึ่งจากผลสำรวจอายุคาดเฉลี่ยทั่วโลกในปี 2567 ของ www.worldometers.info ระบุว่า ไทยมีอายุคาดเฉลี่ยอยู่ที่ 76.56 ปี อายุยืนเป็นอันดับที่ 78 ของโลก ขณะที่ข้อมูลจากฐานข้อมูลการตาย กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข ปี 2561-2565 พบคนไทยเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 164,720 ราย สาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 คือ ป่วยด้วยกลุ่มโรค NCDs ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวกับพฤติกรรมและวิถีชีวิต