"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”..ชีวิตสำเร็จรับปีเสือ

ต้อนรับพุทธศักราชใหม่ในปี 2565 หลายคนคงตั้งเป้าในการดำเนินชีวิต หรือ New year resolution ไว้แตกต่างกัน บางก็ตั้งเป้าในการลดน้ำหนัก หรือตั้งเป้าเริ่มกินผักผลไม้ให้มากขึ้น บางคนก็ตั้งเป้าในการเก็บหอมรอมริบเงิน เพื่อซื้อสินทรัพย์ที่มั่นคงอย่างบ้าน หรือรถยนต์ บ้างก็ตั้งเป้าในการทำบุญช่วยเหลือคนยากไร้ หรือบางคนก็คิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ในเรื่องต่างๆไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น ทั้งการทำงาน หรือแม้แต่ใช้ชีวิตในครอบครัว หรือแม้แต่สายสุขภาพที่ตั้งเป้า ในการหันมาออกกำลังให้มากขึ้น โดยรวมนั้นเป็นเรื่องของการที่หลายคนอย่างมีสุขภาพที่ดี และมีความสุขในปีเสือที่กำลังจะมาถึงนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้คือ แม้จะมีการตั้งเป้าหมายในการเริ่มทำสิ่งดีๆ แต่ทว่าหลายคนก็ไม่ประสบความสำเร็จตั้งที่หวังไว้ กระทั่งทำไปแล้วกว่าครึ่ง แต่เมื่อถึงกลางทางก็ต้องพบกับความล้มเหลว เพราะรู้สึกท้อแท้ไม่มีกำลังใจ หรือพบกับอุปสรรคต่างๆรวมถึงโรคโควิด-19 เพื่อให้ทุกคนเดินต่อไปยังสิ่งที่ตั้งเป้าไว้ ให้ประสพความสำเร็จในปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ด้วยตัวเอง ภายใต้หลักคิดที่ว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนั้น” 

“อ.เจี๊ยบ ดร.ผาสุข แก้วเจริญตา” พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ให้ข้อมูลว่า “ ถ้าพูดถึงในมิติสุขภาพโดยเฉพาะหลายคนที่ตั้งใจ หรือตั้งเป้าที่จะมีสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกๆด้าน เพื่อรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ แต่เนื่องจากความไม่รู้ หรือแม้ความไม่พร้อมนานัปประการ ประกอบกับการใช้ชีวิตอยู่ในท่ามกลางโควิด-19 ที่สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นก็ขอให้ยึดหลักตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เพราะถ้าเราไม่เริ่มที่จะลงมือทำในสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายไว้ ผู้อื่นก็ไม่สามารถช่วยเราได้ ดังนั้นเราต้องลุกมาทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง และพยายามหาข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่ในยูทูป หรือเพจในเพซบุคเรื่องต่างๆที่เราสนใจ เพื่อให้สามารถทำตามสิ่งที่คิดไว้ได้สำเร็จ เช่น หากบางคนที่คิดจะหันมาดูแลสุขภาพในปีหน้า เพื่อให้กินดี อยู่ดี และมีเงินใช้ตลอดปีหน้า แน่นอนว่าจุดเริ่มต้นในการมีคุณภาพชีวิตโดยรวมที่ดี มันสามารถเริ่มได้ตั้งแต่เมื่อเราลืมตาตื่นขึ้นมา

“สมมุติว่าถ้าเราอยากสุขภาพดีตลอดทั้งปี ก็ต้องไม่ลืมที่จะไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ที่ปัจจุบันมีการกลายสายพันธุ์ เพราะอย่าลืมว่าการปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ เราก็จะมีสุขภาพที่แข็งแรงไม่เจ็บป่วยจากการติดเชื้อไวรัสร้าย เมื่อนั้นเราก็จะมีกำลังใจที่ดีในการใช้ชีวิต อีกทั้งยังทำให้เราสามารถจัดการกับความเครียดได้ดี ดังนั้นสิ่งสำคัญในการทำสิ่งที่เราตั้งเป้าไว้สำเร็จ ต้องเริ่มจากการลงมือทำด้วยตัวเอง ตั้งแต่เมื่อเราลืมตาตื่นขึ้นมาในแต่ละวันนั่นเอง ไม่ต้องรอหรือผลัดวันประกันพรุ่ง เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการเริ่มลงมือทำในสิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้นั่นเอง โดยคุณอาจจะเริ่มจากสิ่งเล็กๆน้อยๆรอบตัว เช่น การที่เราตั้งเป้าว่าจะมีสุขภาพที่ดี โดยการดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร หรือนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 7 ชั่วโมง หรือจากการที่เราไม่เคยกินผักเลย ก็เริ่มจากการหันมากินผักอย่างง่ายๆ เป็นต้นว่าโรยหน้าจานอาหารด้วยผักชี หรือต้นหอม เพื่อให้อาหารน่ารับประทาน และค่อยๆขยับมากินผักในมื้ออาหารให้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเริ่มจากผักที่ชอบหรือผักที่กินง่ายๆก่อน เช่น มะเขือเทศ ถั่วงอก ผักบุ้ง เป็นต้น

“ทั้งนี้เมื่อเรารู้สึกท้อแท้ระหว่างทาง ก็ขอให้ทุกคนระลึกอยู่เสมอว่า เมื่อเราท้อได้ก็สามารถเริ่มใหม่ได้เช่นกัน โดยเฉพาะเวลาที่เรานึกขึ้นได้ ก็ขอให้เริ่มทำใหม่อีกครั้งทันที หรือถ้าเราคิดว่ารักตัวเอง ก็ต้องคิดว่าต่อจากนี้ไปเราต้องทำเพื่อตัวเอง ซึ่งไม่ใช่การเห็นแก่ตัว แต่เป็นการรักตัวเองในแบบที่ทำให้ตัวเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เช่น มีสุขภาพที่ดี หรือมีศักยภาพในตัวเองที่ดี มีสมองที่ดี ขณะเดียวกันก็มีความสดใสร่าเริงเป็นต้น ส่วนใครที่ประสบความสำเร็จ สามารถเปลี่ยนหรือปรับปรุงตัวเองไปสู่แนวทางที่ดี อย่างที่ได้ตั้งเป้าหมายชีวิตเอาไว้ ก็สามารถนำประสบการณ์ของตัวเอง ถ่ายทอดไปสู่คนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เพื่อนร่วมงาน คนในครอบครัว ซึ่งเราจะเรียกการถ่ายทอดประสบการณ์ที่ดีเหล่านี้ว่า เป็นการทำบุญด้วยปัญญา เพราะการที่เผยแพร่สิ่งดีๆก็เพื่อให้เพื่อน หรือคนรอบข้างมีสุขภาพหรือมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่สิ่งสำคัญเราจะต้องไม่ไปจัดการชีวิตของผู้อื่น แต่จะมอบเพียงประสบการณ์ที่ดีให้เพื่อนอย่างจริงใจ หรือช่วยสนับสนุนเพื่อนให้ทำในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ ในฐานะที่เราะเป็นผู้ที่ผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาก่อน”

นักวิชาการด้านสุขภาพประจำชุมชน บอกอีกว่า “ประโยชน์ของการที่เรารู้จักตั้งเป้าหมายในชีวิตนั้น จะทำให้เรามีขอบข่ายในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าเราจะต้องต่อสู้หรือฝ่าฝันอุปสรรค์อะไรก็ตามแต่ สิ่งเหล่านั้นเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทางของเรา และทำให้เราได้รู้ว่าเราสิ่งต่างๆไปเพื่ออะไร หรือมันทำให้รู้ว่าถ้าทำอย่างนี้เป็นเวลา 3 เดือนเราจะได้ในสิ่งนี้ และถ้าเราทำเรื่องนี้ไปอีก 6 เดือนเราก็จะได้ในสิ่งนั้น เป็นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ เพื่อที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายชีวิตที่ตั้งเอาไว้ หรือ อย่างน้อยก็ทำให้มองเห็นภาพในการใช้ชีวิตมากขึ้น เพื่อที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดีขึ้น ที่สำคัญถ้าเราเหนื่อยหรือรู้สึกท้อแท้ ก็ขอให้กลับมาเริ่มใหม่ เพราะตราบใดที่เราอยากไปสู่จุดเป้าหมายในชีวิต เมื่อเจอปัญหา หรือเจอทางตัน ถ้าชนไม่ได้ ก็ขอให้เปลี่ยนไปทางอื่น เพราะอย่าลืมว่าชีวิตย่อมมีทางเลือกอื่นๆเสมอ ไม่จำเป็นต้องเดินตรงเพื่อชนสิ่งต่างๆเสมอไป แต่คุณสามารถเลี่ยงไปทางอื่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้ ดังนั้นเมื่อเรามีเป้าหมายหรือรู้จักตั้งเป้าหมายชีวิต ไม่เพียงแต่จะทำให้เราสามารถตอบตัวเองได้ว่าเราต้องการอะไร และจะใช้ชีวิตอย่างไร แต่ยังทำให้เกิดการพัฒนา และเปลี่ยนแปลงชีวิตไปสู่แนวทางบวกได้”