22 มี.ค. 2567 - นายไพศาล ลิ้มสถิตย์ กรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกรรมการบริหารศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยแพร่บทความเรื่อง ความสูญเสียจากนโยบายนำร่องเปิดสถานบริการผับบาร์ถึงตี 4 ถึงเวลาทบทวนหรือยัง? มีเนื้อหาดังนี้
รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน มีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการเสนอ “กฎกระทรวง กำหนดวันเวลาเปิด-ปิดของสถานบริการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2566” มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 ทำให้สถานบริการสามารถเปิดบริการถึงเวลาตี 4 หรือ 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, จังหวัดภูเก็ต, จังหวัดชลบุรี, จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมทั้ง สถานบริการทุกแห่งทั่วประเทศที่ตั้งในโรงแรมตามกฎหมายโรงแรม ซึ่งตามตัวเลขที่กรมการปกครองแจ้งมีจำนวนเพียง 1,372 แห่งที่ได้ประโยชน์ (76.9%) จากทั่วประเทศ 1,784 แห่ง
การเสนอแก้ไขกฎกระทรวงครั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า เป็นการจัดทำอย่างเร่งรัด รับฟังความเห็นทางออนไลน์ในเดือนพฤศจิกายน 2566 รวม 15 วัน มีผู้ให้ความเห็น 1,497 คน ไม่มีการเปิดเผยผลการรับฟังความเห็นของประชาชนที่อาจได้รับเดือดร้อน ส่วนการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบ ไม่มีข้อมูลวิชาการสนับสนุน มิได้มีการระบุว่าผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขจากกรณีที่อาจมีอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น จะส่งผลเสียต่อการให้บริการทางการแพทย์ของสถานพยาบาล หรือผลกระทบทางสังคม หรือผลเสียทางด้านเศรษฐกิจในระยะยาว เช่น การเสียชีวิต พิการ หรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับของผู้ใช้บริการในสถานบริการ ซึ่งส่งผลเสียต่อประชาชนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง หรือภาระด้านงบประมาณด้านสาธารณสุขที่จะเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับรายได้ต่อระบบเศรษฐกิจ รายได้ของรัฐจากการจัดเก็บภาษีรายได้จากผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ ในรายงานวิเคราะห์ผลกระทบ ได้กำหนดให้สถานบริการนั้นมีหน้าที่ปฏิบัติที่ระบุไว้รวม 11 ข้อ แต่ในทางปฏิบัติพบว่า หนังสือเวียนของกระทรวงมหาดไทยถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2566 กลับระบุเพียง “คำแนะนำสำหรับสถานบริการเพื่อลดผลกระทบทางสังคมในกรณีขยายเวลาเปิดสถานบริการ” โดยเจ้าของสถานบริการไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องปฏิบัติตามในหลายเรื่อง เช่น ให้สถานบริการมีเครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์ทางลมหายใจเพื่อตรวจสอบผู้ใช้บริการก่อนขับขี่ออกจากสถานบริการ ซึ่งไม่มีข้อมูลการตรวจสอบของฝ่ายปกครองหรือตำรวจในเรื่องนี้ และแม้ว่าเจ้าของสถานบริการจะไม่ได้เตรียมเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ ก็ไม่มีความผิดทางกฎหมายหรือจะเป็นเหตุให้ต้องถูกระงับใบอนุญาตเปิดสถานบริการแต่อย่างใด หรือการจัดหาที่พักคอยแก่ผู้ใช้บริการที่มีระดับแอลกอฮอล์สูงกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หรือการเรียกรถรับจ้างเพื่อส่งลูกค้า จะเห็นว่ามาตรการที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดเป็นเพียงคำแนะนำ ซึ่งหลายเรื่องไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย และไม่มีแนวปฏิบัติต่อเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสถานบริการเหล่านั้นหรือไม่ ซึ่งโดยปกติที่ยังไม่มีนโยบายนี้ ปัญหาจากสถานบริการ รวมทั้งร้านที่คล้ายสถานบริการก็ไม่มีมาตรการที่เข้มแข็งจัดการได้อยู่แล้วดังที่เราเห็นการบุกจับผับบาร์ที่ปล่อยให้เด็กเข้าไป ยาเสพติด และแก๊งสีเทาดำต่างๆ จากหน่วยงานส่วนกลาง โดยหน่วยงานท้องที่ไม่ได้เข้มงวดใดๆ
จนถึงวันนี้ เกิดความสูญเสียมากมาย โดยข้อมูลจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จากอุบัติเหตุทางถนนใน 5 จังหวัดที่มีการขยายเวลาเปิดสถานบริการเป็นตี 4 เปรียบเทียบช่วงเวลาก่อนการประกาศใช้กฎกระทรวงคือ ระหว่างวันที่ 1-15 ธันวาคม 2566 กับ ช่วงหลังประกาศใช้กฎกระทรวงคือ วันที่ 16-31 ธันวาคม 2566 พบว่า มีจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นในทั้ง 5 จังหวัด เช่น จ.เชียงใหม่ เพิ่มขึ้น 2.71 เท่า จ.ชลบุรีเพิ่มขึ้น 2.02 เท่า จ.ภูเก็ต เพิ่มขึ้น 1.47 เท่า และ จ.สุราษฎร์ธานี เพิ่มขึ้น 2.71 เท่า ส่วนข้อมูลเปรียบเทียบจำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงปี 2566 เปรียบเทียบกับปี 2567 พบว่า มีอัตราจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากราวร้อยละ 15.22 ถึง ร้อยละ 44.83 หรือคิดเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 30.38 จึงเป็นเรื่องที่น่าห่วงใยและน่ากังวลอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบของการแก้ไขกฎกระทรวง เพื่อขยายเวลาเปิดสถานบริการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึงเวลาตี 4
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่สร้างผลเสียต่อประชาชนหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงาน ได้แก่ เคสตำรวจถูกชนถนนพระราม 4 วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 04.20 น. เป่าวัดค่าแอลกอฮอล์เบื้องต้นผลปรากฏว่าสูงถึง 187 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จากการสอบปากคำ ผู้ขับไปดื่มสุรากับเพื่อนที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านหลังสวนลุมพินี หรือล่าสุดเหตุนักปั่นจักรยานออกกำลังกายสามีภรรยา 2 รายเสียชีวิตเพราะถูกคนเมาขับรถที่ดื่มจากผับในโรงแรมที่อนุญาตเปิดถึงตี 4 ที่จังหวัดสุรินทร์ ทั้งนี้ มีงานวิจัยในประเเทศในยุโรปได้ชี้ให้เห็นแล้วว่าจะส่งผลกระทบเพิ่มขึ้นได้แก่ ประเทศนอร์เวย์ ที่ระบุว่า การขยายเวลาขายแอลกอฮอล์เพิ่มอีก 1 ชั่วโมง ส่งผลทำให้เกิดความรุนแรงจากเหตุอาชญากรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 และการขยายเวลาเปิดผับบาร์ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพิ่มขึ้นจำนวน 1 ชั่วโมง ทำให้เกิดอุบัติเหตุจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 34
ดังนั้น การออกกฎกระทรวงขยายเวลาเปิดสถานบริการในพื้นที่ 4 จังหวัด 1 อำเภอ ซึ่งมีเนื้อหาไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 ที่ต้องการควบคุมการประกอบกิจการที่อาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน โดยเน้นคำนึงถึงแต่การกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่ละเลยผลกระทบด้านลบต่างๆ อีกทั้งรัฐบาลมีแนวคิดที่จะขยายเวลาการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านค้าทั่วไปที่มิใช่สถานบริการตามข้อเรียกร้องของกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าที่ได้รับใบอนุญาตขายสุรามากถึงราว 580,000 ร้าน (ข้อมูลปี 2566) เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายปลีกทั่วไป และยังไม่นับรวมร้านค้าที่ไม่มีใบอนุญาตอีกหลายหมื่นหรืออาจถึงแสนร้านค้า ชาวบ้านคงจะมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอีก ส่งผลต่อเสียต่อสังคมโดยรวม อีกทั้งยังจะลดทอนข้อกฎหมายต่างๆ ใน พ.ร.บ.ควบคุมแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ให้อ่อนแอลงอีกด้วย ประชาชนทั่วไปคงต้องอยู่กับความเสี่ยงจากนโยบายรัฐบาลชุดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังไม่ทบทวนนโยบายนี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'วรวัจน์' หนุนของบแสนล้านทำดิจิทัลวอลเล็ต ชี้ไม่เหมือนรัฐสวัสดิการจ่ายเท่าไหร่ก็ไม่พอ
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนได้ ซึ่งแนวคิดนี้ไม่เหมือนกับแนวคิดรัฐสวัสดิการที่เข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วต้องหาเงินมาแจก
นายกฯเก็บงบฯไว้ใช้โครงการดิจิทัล ไม่นำไปกระตุ้นศก.เท่ากับซ้ำเติมปชช.ให้ลำบากมากขึ้น
'จตุพร' ฟาดนายกฯ อย่าอ้างต่างชาติร้องขอเช่าที่่ดิน 99 ปี เพราะคนได้ประโยชน์คือบริษัทอสังหาฯ ที่สร้างคอนโดขายไม่ออก มูลค่ากว่า 4 ล้านบ้านบาท จวกเก็บงบฯไว้เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัล โดยไม่นำไปกระตุ้นเศรษฐกิจ เท่ากับซ้ำเติมประชาชนให้ลำบากมากขึ้น
โฆษก มท. เผยมหาดไทยพร้อมชง ครม. เคาะกฎกระทรวงกำหนดเวลาเล่นแข่งวัวลาน 18.00 น. ถึง 06.00 น. ของวันรุ่งขึ้น หนุนท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายนายกรัฐมนตรี 'อนุทิน' มอบปกครองวางมาตรการกวดขัน ป้องกันผลกระทบสังคม
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยดูแลปรับปรุงข้อกฎหมายเพื่อให้การแข่งขันวัวลาน จ.เพชรบุรี
'กุนซือนายกฯ' เขย่า 'แบงก์ชาติ' หัดร่วมมือรัฐบาลแก้เศรษฐกิจ
'พิชัย' ลั่นเตือนแล้วเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกย่ำแย่ ชี้นโยบายการเงินไม่สนับสนุน ขณะที่งบประมาณยังใช้ไม่ได้ จี้ 'แบงก์ชาติ' หนุนแก้เศรษฐกิจเหมือนธนาคารกลางประเทศอื่น
'อดีตรมว.คลัง' ทุบโต๊ะ แจกเงินดิจิทัล ไม่ใช่พายุหมุนแค่ลมโชย
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊ก
รัฐบาลลุยต่อยอด 'ผ้าขาวม้าไทยฟีเวอร์' ขยายตลาดช่วยชุมชนโกยรายได้
รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมต่อยอด 'ผ้าขาวม้าไทยฟีเวอร์' เพิ่มมูลค่าขยายตลาด ช่วยผู้ประกอบการชุมชนโกยรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น