ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า เป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับ เพราะเป็นการบริการด้านสุขภาพของรัฐที่ให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทุกส่วน ทุกคนในสังคมควรได้รับการประกันสุขภาพอย่างเท่าเทียมกันบนหลักการสำคัญที่ว่า บริการที่จำเป็นด้านสุขภาพเป็นของทุกคน
อย่างไรดี ในทางปฎิบัติ ยังมีปัญหาในการดำเนินการในโครงการนี้เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันในคนบางกลุ่ม ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึง กลุ่มผู้ที่มีความพิการทางสติปัญญา ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะคนผู้พิการทางสติปัญญามีปัญหาทางสุขภาพมากกว่าคนทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น คนกลุ่มที่มีความพิการทางสติปัญญานี้มีโอกาสที่จะเสียชีวิตก่อนอายุ 50 ปีมากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า มีโอกาสเป็นโรคไขข้ออักเสบมากกว่าคนกลุ่มอื่น 3 เท่า เป็นโรคหัวใจมากกว่า 2 เท่า เบาหวานมากกว่า 5 เท่า
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับผู้พิการทางสติปัญญาแล้ว การเข้าถึงการบริการสุขภาพถ้วนหน้ายังเป็นสิ่งที่ยากลำบากกว่าคนทั่วไป ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นไม่ใช่แต่ในประเทศไทย แม้ในประเทศที่พัฒนาแล้วก็ตาม ยังมีความไม่เท่าเทียมกันอีกมาก ทั้งนี้เป็นเพราะความพิการทางสติปัญญาทำให้คนกลุ่มนี้มักจะไม่สามารถดูแลเอาใจใส่สุขภาพของตนเองได้อย่างละเอียด บางคนมีปัญหาในการสื่อสารกับบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่างๆมากกว่าคนทั่วไป ในหลายกรณีพบว่า กว่าจะตรวจพบปัญหา มักจะอยู่ในระดับที่ร้ายแรงแล้ว
เพื่อการแก้ไขปัญหานี้ ในระดับนานาชาติได้มีความคิดริเริ่มจากองค์กรสเปเชียลโอลิมปิคสากล ให้มีการจัดทำโครงการ Healthy Communities หรือ โครงการชุมชนสุขภาพดี ให้กับผู้พิการทางสติปัญญา เพื่อให้ผู้พิการทางสติปัญญาได้สามารถเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ได้มากขึ้น และยั่งยืนขึ้น โดยหวังว่า โครงการนี้จะทำให้เกิดความเท่าเทียมกันมากขึ้นในการประกันสุขภาพ
ได้มีการเริ่มดำเนินการโครงการชุมชนเพื่อสุขภาพดีนี้ ในปี 2555 ภายใต้องค์กรสเปเชียลลิมปิคสากล ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Golisano Foundation หรือ มูลนิธิโกลิซาโน โดยในครั้งแรกมีการทดลองดำเนินการใน 8 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย ที่มีสมาคมกีฬาสเปเชียลโอลิมปิคแห่งประเทศไทยเป็นแกนหลักในการประสานงาน โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะขยายการบริการสุขภาพให้ครอบคลุมถึงผู้พิการทางสติปัญญามากขึ้น มีการนำองค์กรระดับท้องถิ่นมาร่วมมือมากขึ้น และสร้างความตระหนักถึงปัญหาของผู้พิการทางสติปัญญาให้สังคมได้รับรู้มากขึ้น
ในประเทศไทยโครงชุมชนสุขภาพดี เป็นความร่วมมือระหว่าง สเปเชียลโอลิมปิคไทย กับหน่วยงานรัฐ และยูนิเซฟ จัดให้มีระบบการดูแลสุขภาพผู้ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ด้วยการพัฒนาระบบและเครื่องมือในการคัดกรอง และประเมินสุขภาพผู้พิการทางสติปัญญา ซึ่งมีความเฉพาะและแตกต่างจากบุคคลทั่วไป โดยมีเป้าหมายว่า จะให้ระบบการดูแลสุขภาพที่รัฐมีอยู่นั้น ให้บริการสำหรับผู้พิการทางสติปัญญาที่เทียบเท่าหรือดีกว่าคนไข้ทั่วไปที่ไม่พิการ ที่สำคัญคือ ให้บุคลากรสาธารณสุขมีความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลคนไข้ที่พิการทางสติปัญญา ซึ่งรวมถึงการสื่อสาร และให้ความสะดวกสำหรับผู้พิการทางสติปัญญา ได้เข้าถึงบริการทางสาธารณสุข
ในปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่ 10 ของการจัดทำโครงการนี้ มีประเทศทั่วโลก 75 ประเทศได้มีการจัดทำโครงการชุนชนสุขภาพดีขึ้น โดยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคมี 17 ประเทศที่เข้าร่วมโครงการ โดยในปีนี้ได้มีการจัดการประชุมเรื่อง Healthy Communities Expo ขึ้นเป็นการประชุมออนไลน์ 2 วันเต็ม มีผู้เข้าร่วมจากภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคนี้เป็นส่วนใหญ่ ทั้งผู้บริหารโครงการสเปเชียลโอลิมปิค องค์กรด้านสุขภาพทั้งภาครัฐและเอกชน นักกีฬาและครอบครัว การจัดให้มีงาน Expo นี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงผลกระทบของโครงการชุมชนสุขภาพดี ได้มีการยกย่องผู้มีส่วนร่วมโครงการนี้จากประเทศต่างๆ และให้การศึกษากับผู้ที่สนใจจะหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ต่อไป สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้มีการยกตัวอย่างประเทศไทยหลายครั้ง โดยเฉพาะ Annemarie Hill ซึ่งเป็น Vice President ของ Global Health Operations, Special Olympics International ได้กล่าวชื่นชมประเทศไทยว่า “..เราได้เริ่มโครงการทดลองนี้ในปี 2555 และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในโครงการนำร่องของโครงการชุมชนสุขภาพดี โดย(สเปเชียลโอลิมปิคไทย)ได้มีการตั้งมาตรฐานการทำงานโครงการนี้ไว้สูงมาก และสิ่งที่ทำให้ดิฉันดีใจ คือ ในเวลาต่อมาจนปัจจุบัน ได้มีการรักษามาตรฐานการทำงานที่สูงเช่นนี้ไว้ ในองค์กรสเปเชียลโอลิมปิคต่างๆที่ได้เข้ามาร่วมกับเรา”
ในงาน Expo นี้ประเทศไทยได้รับเกียรติให้นำเสนอ “Best Practices” หรือ แนวทางปฎิบัติที่ดีในการดำเนินโครงการนี้ โดยในประเทศไทยได้ดำเนินการโครงการชุมชนสุขภาพดีในสถานศึกษาเป็นหลัก โดยจัดให้มีการตรวจคัดกรองสุขภาพเป็นประจำทุกปีให้กับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาที่อยู่ในโรงเรียน โดยใช้บุคคลการทางสาธารณสุขที่ความเป็นมืออาชีพเข้ามาเป็นผู้ดำเนินการหลัก โดยจัดให้มีการคัดกรองสุขภาพในเรื่องต่างๆ รวมถึงการให้การศึกษากับครอบครัวอีกด้วย
คุณรัชนีวรรณ บุลกุล ซึ่งเป็น National Director ของสเปเชียลโอลิมปิคไทย ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของโครงการนี้มาจากการร่วมมือ 4 องค์กร อันได้แก่ สถาบันราชานุกูล สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรมอนามัย และ ยูนิเซฟประเทศไทย โดยมีการเริ่มทดลองโครงการนี้ใน 6 จังหวัดเพื่อปี 2556 และในปี 2564 ได้ขยายผลไปสู่ 51 จังหวัดในการดำเนินการโครงการชุมชนสุขภาพดีนี้ ซึ่งมีผลต่อนักกีฬามากกว่า 3 หมื่นคน นอกจากนี้ มีการทำวิจัยโดย ดร. เพลิน ประทุมมาศ เพื่อศึกษาถึงผลกระทบของโครงการนี้ ซึ่งรวมถึงข้อแนะนำเพื่อให้มีการจัดทำโครงการแบบยั่งยืน ที่สำคัญโครงการนี้ได้สร้างความตระหนักให้บุคคลากรทางการแพทย์ในเรื่องผู้พิการทางสติปัญญา และได้มีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวนมากจากทั้งภาครัฐและเอกชน
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารขององค์กรขององค์การยูนิเซฟประเทศไทย คุณณัฐฐา กีนะพันธ์ ได้กล่าวถึงการมีส่วนร่วมของยูนิเซฟ โดยการสนับสนุนเงินทุนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี รวมถึงช่วยประสานกับภาครัฐบาล และการจัดให้มีการประเมินโครงการนี้
อนึ่ง ด้วยการที่มีการตระหนักถึงความต้องการบริการสุขภาพของผู้พิการทางสติปัญญาที่แตกต่างกับคนทั่วไป และความเสี่ยงจากการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 ของคนกลุ่มนี้มีมากกว่าทุกกลุ่ม ทำให้มีการให้ความสำคัญเป็นลำต้นในการให้คนกลุ่มผู้พิการทางสติปัญญาเข้ารับการฉีดวัคซีนก่อน
โดยสรุป จากการเก็บข้อมูลจากทั่วโลก พบว่าโครงการชุมชนสุขภาพดีได้ช่วยให้ผู้พิการทางสติปัญญามีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การที่มีการคัดกรองสุขภาพหลากหลายทำให้ลดจำนวนคนไข้ที่ต้องส่งต่อลงไป การเข้าถึงบริการสาธารณสุข จึงถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับครอบครัวและระบบสาธารณสุข การที่เข้าไปดำเนินการแต่แรก (early intervention) และการติดตามอย่างต่อเนื่องที่เหมาะสม จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ทุกคน
เวทีพิจารณ์นโยบายสาธารณะ
ดร. นริศ ชัยสูตร
กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล
นายกสมาคมกีฬาสเปเชียลโอลิมปิคแห่งประเทศไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอธีระวัฒน์' ยกตัวอย่างคนป่วยวัคซีนโควิด รายแล้วรายเล่า ถ้านิ่งเฉยไม่ควรเป็นแพทย์หรือมนุษย์
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ตัวอย่างของคนป่วย รายแล้วรายเล่า ไม่จบไม่สิ้นนำมาแสดงบางราย ทั้งนี้เป็นที่หมอดูเองและร่วมดูทั้งสิ้น
โควิดรายสัปดาห์ ป่วยนอนโรงพยาบาล 557 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต
ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 1 - 7 ธันวาคม 2567 ผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์)
หมอพิเชฐ ห่วงแพทย์แผนไทยกลายเป็นแพะรับบาป ยันนวดอย่างถูกต้องไม่อันตราย
หมอนวดบำบัดก็เก่งเป็นเลิศด้านนวดบำบัดได้ ก็เหมือนหมอผ่าตัดกับหมออายุรกรรม หรือหมอเวชศาสตร์ป้องกัน