นายกฯ ชื่นชมความร่วมมือกันระหว่างไทย- ญี่ปุ่น ผ่านโครงการวิจัยทางคลินิกระหว่างประเทศ ยกระดับการศึกษาวิจัย ยาโรคมะเร็งจากจีโนมิกส์ทางการแพทย์ พัฒนายาที่เหมาะสมในการรักษา
29 มิ.ย.2566 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีต่อการลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางคลินิกสำหรับโรคมะเร็งระหว่างกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์มะเร็งแห่งชาติ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นการทำวิจัยทางคลินิกแบบข้ามพรมแดนระหว่างประเทศครั้งแรกของโลก พร้อมส่งเสริมโครงการวิจัยทางคลินิกระหว่างประเทศ (cross-border Decentralized Clinical Trials: DCTs) เพื่อพัฒนาแนวทางที่เหมาะสมในการรักษาผู้ป่วย
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์มะเร็งแห่งชาติ ประเทศญี่ปุ่น ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางคลินิกสำหรับโรคมะเร็ง เพื่อศึกษาวิจัยแนวทางใช้ในการรักษา ทั้งของแพทย์ไทยและญี่ปุ่น โดยจะเน้นการศึกษาวิจัยในเรื่องจีโนมิกส์ทางการแพทย์ โดยดูความเหมาะสมของตัวยากับยีน (Gene) หรือรหัสพันธุกรรม (Genetic code) เพื่อให้ทราบถึงชนิดของมะเร็ง และวางแผนในการรักษา ป้องกันความรุนแรงและการเกิดโรคซ้ำ เนื่องจากปัจจุบันทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคมะเร็ง 19 ล้านคน เสียชีวิตประมาณ 9.6 ล้านคน ซึ่งอาจเป็นผลสืบเนื่องจากยาและแนวทางการรักษาที่ไม่สัมพันธ์กับผู้ป่วย โดยบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ได้กำหนดขอบเขตให้ศูนย์มะเร็งแห่งชาติญี่ปุ่นจัดทำและดำเนินการวิจัยทางคลินิก ขณะที่กรมการแพทย์จะจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินความร่วมมือตามบันทึกความเข้าใจฯ รวมถึงฝ่ายไทยจะออกใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะชั่วคราวให้แก่แพทย์ชาวญี่ปุ่นที่รับผิดชอบดำเนินโครงการวิจัยทางคลินิกในสองประเทศ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นการทำวิจัยทางคลินิกแบบข้ามพรมแดนระหว่างประเทศครั้งแรกของโลก
สำหรับประโยชน์ของโครงการวิจัยทางคลินิกระหว่างประเทศครั้งนี้ ได้แก่ 1.ผู้ป่วยในประเทศไทย ซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าร่วมการวิจัยทางคลินิก จะได้รับโอกาสเข้าร่วมการวิจัยทางคลินิกที่ดำเนินการในประเทศญี่ปุ่น 2.การวิจัยทางคลินิกในประเทศญี่ปุ่นอาจมีจำนวนผู้ป่วยมาเข้าร่วมในโครงการไม่เพียงพอ การวิจัยจะมีความเป็นไปได้มากขึ้นเมื่อมีผู้ป่วยจากประเทศไทยเข้าร่วมในโครงการ และ 3.การแลกเปลี่ยนข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการทำวิจัยทางคลินิกผ่านระบบออนไลน์ จะทำให้กระบวนการติดตามการดำเนินโครงการวิจัยในประเทศไทยเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น นำไปสู่การลดค่าใช้จ่ายและทรัพยากรในการทำวิจัย
“นายกฯ ชื่นชมความร่วมมือทางการแพทย์ของทั้งสองประเทศ ในการร่วมวิจัยเพื่อการหาแนวทางการรักษาโรคมะเร็งให้เกิดความเหมาะสมไปในแต่ละบุคคล นำไปสู่การทำวิจัยทางคลินิกแบบข้ามพรมแดนระหว่างประเทศครั้งแรกของโลก โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของประชาชน เชื่อมั่นว่าเมื่อประชาชนสุขภาพดี อัตราการพัฒนาประเทศจะสูงขึ้น และลดค่าใช้จ่ายเพื่อดูแลสุขภาพของประชาชน ทั้งนี้ ความร่วมมือกันนี้ จะเพิ่มศักยภาพของบุคคลากรไทย พัฒนาแนวทางการรักษาผู้ป่วยในอนาคต”นายอนุชากล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
1พ.ย.นายกฯอิ๊งค์ลงร้อยเอ็ดตามติดนโยบายปราบยาเสพติด
โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯเร่งแก้ปัญหายาเสพติด เตรียมบินร้อยเอ็ด 1 พ.ย. ตรวจการป้องกันและปราบปรามตามนโยบายรัฐบาล
นายกฯ ปลื้มยอดผู้โดยสารใช้บริการสนามบินเกือบ 120 ล้านคน
นายกฯ ปลื้มยอดผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยาน 6 แห่ง เกือบ 120 ล้านคนในปีงบประมาณ 2567 พร้อมเปิดใช้งานเช็กอินระบบ Biometric นำร่องผู้โดยสารในประเทศก่อนเริ่ม 1 พ.ย.นี้
โฆษกรบ. โชว์สินค้าเกษตรของไทยขึ้นแท่นเบอร์ 1 อาเซียน
โฆษกรบ. เผย สินค้าเกษตรขึ้นแท่นที่ 1 อาเซียน ติดอันดับ 8 ของโลก หลัง 8 เดือน ส่งออกพุ่ง4.3แสนล้านบาท นายกฯสั่ง เร่งลดเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรค ดันติด Top5 โลกให้ได้ต้นปีหน้า
นายกฯอิ๊งค์ทัวร์ 'อุดรธานี-หนองคาย' 17 ต.ค.
นายกฯ บินหนองคาย 17 ต.ค. ตรวจฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำท่วมอีสาน พร้อมเปิดงานบั้งไฟพญานาค ชู 'ซอฟต์พาวเวอร์'
นายกฯ อิ๊งค์สั่งแรงงงานเยียวยา 'ผู้ประกอบการ-ผู้ประกันตน' ที่เจอน้ำท่วมใน 41 จังหวัด
นายกฯ กำชับแรงงานดูแลผู้ประกอบการ-ผู้ประกันตน ม. 33 ,39,40 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมใน 41 จังหวัด มั่นใจเป็นส่วนหนึ่งเยียวยาผู้ประสบภัยได้อย่างตรงจุด