ศูนย์จีโนมฯ พบ XBB.1.16 ระบาดเหนือกว่า BN.1.3 ถึง 148%

17 เม.ย. 2566 – ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่พบในประเทศไทย ระหว่าง 1 ก.พ. – 16 เม.ย. 2566

หน่วยงานไทยทั้งภาครัฐและเอกชนได้ช่วยกันถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของโควิด-19 และอัปโหลดแชร์บนฐานข้อมูลโควิดโลก “จีเสส (GISAID)” จำนวนทั้งสิ้น 410 ตัวอย่างในช่วง 2 เดือนครึ่ง (1 ก.พ.-16 เม.ย. 2566) ที่ผ่านมา โดยมีโอมิครอน 12 สายพันธุ์ที่พบมากในประเทศไทยเรียงตามลำดับมีดังนี้

BN.1.3 68 ราย (22%)

BN.1.2 59 ราย (19%)

XBB.1.5 45 ราย (15%)

XBB.1.9.2 22 ราย (7%)

XBB.1.9.1 20 ราย (7%)

BN.1.2.3 19 ราย (6%)

CH.1.1 18 ราย (6%)

BN.1.3.6 17 ราย (6%)

BN.1.1 12 ราย (4%)

EJ.2 9 ราย (3%)

XBB.1.16 8 ราย (3%)

BA.2.75 8 ราย (3%)

โดยพบโอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 จำนวน 8 ราย และหนึ่งในแปดพบว่ามีการกลายพันธุ์เพิ่มเติมเป็น XBB.1.16.1

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดี ได้ทำการวิเคราะห์จากรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม พบว่าโอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่า BN.1.3 ประมาณ 148% และเหนือกว่า XBB.1.5 ประมาณ 90% คาดว่าจะเข้ามาแทนที่ BN1.3 และ XBB.1.5 ได้ภายใน 2-3 เดือนจากนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หมอมนูญ’ เผยสถานการณ์โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ‘โควิด’ ลดลง ‘ไข้หวัดใหญ่’ เพิ่มขึ้น

ข้อมูลของโรงพยาบาลวิชัยยุทธที่ติดตามโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ไวรัสไข้หวัดใหญ่ อาร์เอสวี (RSV) ฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส Human metapneumovirus (hMPV) และไรโนไวรัส (Rhinovirus)

ศูนย์จีโนมฯ เจาะลึก 'วัคซีนอีโบลา' ออกฤทธิ์ไว หลังฉีด 30 นาที ป้องกันติดเชื้อได้

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เจาะลึกวัคซีนอีโบลาล่าสุด : สร้างเกราะป้องกันได้ใน 30 นาทีก่อนได้รับเชื้อ