โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BF.7 ระบาดหนักหน่วงในจีน

18 ธันวาคม 2565 – รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 349,958 คน ตายเพิ่ม 618 คน รวมแล้วติดไป 657,344,942 คน เสียชีวิตรวม 6,670,543 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส ฮ่องกง และไต้หวัน

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 17 ใน 20 อันดับแรกของโลก

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 95.43 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 88.99

…การระบาดในจีน

Leung K และคณะจากมหาวิทยาลัยฮ่องกง ได้เผยแพร่ผลการศึกษาใน medRxiv เมื่อ 16 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา

ประเมินว่าการระบาดในจีนระลอกล่าสุดจาก Omicron สายพันธุ์ย่อย BF.7 นั้นมีความหนักหน่วงมาก

โดยดูได้จากค่า Rt ที่บ่งถึงสมรรถนะการแพร่ระบาดของไวรัสในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อน ที่สูงถึง 3.42

ทั้งนี้หากสถานการณ์ระบาดที่ค่า Rt สูงกว่า 1 จะบ่งถึงการระบาดที่จะมีแนวโน้มขยายวงมากขึ้น ยิ่งค่านี้สูง ยิ่งแปลว่าระบาดหนัก แต่หากค่า Rt น้อยกว่า 1 แปลว่าการระบาดจะลดลงและน่าจะอยู่ในวิสัยที่ควบคุมได้

คณะผู้วิจัยยังทำการประเมินว่า ณ กลางเดือนธันวาคม 2565 อาจมีประชากรที่ติดเชื้อไปราว 42.5% (ช่วงความเชื่อมั่นตั้งแต่ 20.3%-63.9%)

…สื่อมวลชนต่างประเทศ ทั้ง BBC, The Guardian, Reuters ฯลฯ ได้รายงานว่าโรงเรียนในกรุงปักกิ่งก็มีประกาศให้ปรับการเรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์ตั้งแต่ 19 ธันวาคมเป็นต้นไป เนื่องจากสถานการณ์ระบาดที่หนัก ในขณะที่บางสื่อก็ได้มีการนำเสนอเรื่องปัญหาจำนวนผู้เสียชีวิตที่มีมากขึ้น และปัญหาเรื่องการจัดการศพผู้เสียชีวิต ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการระบาดนั้นหนักมากทีเดียว

นอกจากนี้ประชาชนในจีนยังประสบปัญหาคล้ายกับที่ไทยเผชิญมาก่อนตั้งแต่ปีก่อน คือปัญหาการไม่สามารถเคลมประกันโควิด-19 จากบริษัทประกันได้ และบริษัทประกันต่างๆ ก็ยกเลิกผลิตภัณฑ์ประกันเรื่องโควิด-19 ไปด้วย

…คงต้องเอาใจช่วยให้ประชาชนจีนผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างปลอดภัย และมีสถานการณ์ระบาดที่ดีขึ้นโดยเร็ว

…สำหรับไทยเรา

เน้นย้ำอีกครั้งว่าปัจจุบันมีการติดเชื้อแพร่เชื้อกันมาก

พฤติกรรมป้องกันตัวจะเป็นปัจจัยหลักที่จะกำหนดความเสี่ยงของตัวเรา

และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจะไม่ได้จบแค่ตัวเราเท่านั้น แต่จะไปยังคนใกล้ชิด ทั้งในครอบครัว ที่ทำงาน หมู่เพื่อนฝูง และสังคมด้วย

การไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครบตามกำหนดนั้นมีความจำเป็น เพื่อลดเสี่ยงป่วยรุนแรง เสียชีวิต และ Long COVID

หน้าเทศกาลปลายปีเช่นนี้ หากประเมินสถานการณ์ด้วยข้อมูลและกวาดตาประเมินรอบตัวอย่างมีสติ จะพบว่ามีความเสี่ยงสูงจริงๆ

หากวางแผนท่องเที่ยว One-day trip with flexible plan น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ทริปสั้นๆ พร้อมแผนการปรับเปลี่ยนตัวเลือกที่เที่ยว ที่แวะ รวมถึงร้านอาหารกินดื่ม คาเฟ่ เน้นที่โปร่งโล่ง ไม่แออัด

อย่าลืมพกสเปรย์แอลกอฮอล์หรือเจลแอลกอฮอล์ติดตัวไว้เสมอ เพื่อล้างมือหลังจับต้องสิ่งของสาธารณะ

สำคัญที่สุดคือ การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอเวลาตะลอนนอกบ้าน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก

ความใส่ใจสุขภาพเป็นเรื่องที่ควรทำ

อ้างอิง
Leung K et al. Estimating the transmission dynamics of Omicron in Beijing, November to December 2022. 16 December 2022.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เตือนภัยคนใช้รถ จับ 2 โจรแดนมังกร ตระเวนลักทรัพย์ตามลานจอด

พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผบก.น.7

'หมอยง' ชี้สถานการณ์โควิดเปลี่ยนตามกาลเวลา ปีนี้ยุติแล้ว แต่ไวรัสยังอยู่ต่อไป

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า 5 ปี โควิด 19 กาลเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน