รัฐบาลบรรจุ บริการป้องกันการยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่ปลอดภัย ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

4 ต.ค.2565- นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลตระหนักดีถึงปัญหาจากการตั้งครรภ์ ที่ไม่พร้อมหรือไม่พึงประสงค์ โดยที่ผ่านมามีหญิงตั้งครรภ์จำนวนไม่น้อยต้องประสบภาวะของการยุติการตั้งครรภ์อย่างไม่ปลอดภัย นำไปสู่อันตรายและเสียชีวิต หรือความผิดปกติหรือทุพพลภาพอย่างร้ายแรงของทารกที่จะคลอดออกมา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จึงบรรจุ “บริการป้องกันการยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่ปลอดภัย” ให้เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับหญิงไทยทุกอายุ ทุกสิทธิการรักษา ที่จำเป็นต้องยุติการตั้งครรภ์จากภาวะการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม ครอบคลุมการให้บริการทั้งวิธีการใช้ยาหรือวิธีการทางศัลยกรรม โดยมีหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่มีศักยภาพในการให้บริการยุติการตั้งครรภ์ด้วยยาซึ่งลงทะเบียนกับกรมอนามัย จำนวน 144 แห่ง ครอบคลุม 23 จังหวัด

ทั้งนี้ การขอรับหรือการให้บริการยุติการตั้งครรภ์ เป็นไปตามมาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2565 ซึ่งได้เผยแพร่ในในราชกิจจานุเบกษาเมื่อที่ 26 ก.ย. 65 และจะมีผลบังคับเมื่อพ้น 30 วันนับแต่วันประกาศ ที่กำหนดให้หญิงซึ่งมีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้โดยไม่ถือเป็นความผิดทางอาญา แต่หญิงนั้นต้องได้รับคำปรึกษาจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและผู้ประกอบวิชาชีพอื่นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนดโดยคำแนะนำแพทยสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อให้หญิงนั้นได้รับข้อมูลที่รอบด้านก่อนการตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์

นางสาวรัชดา กล่าวต่อว่า สปสช. ได้รวบรวมข้อมูลการบริการเพื่อป้องกันการยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งปีงบประมาณ 2565 มีหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับการดูแล จำนวน 12,544 ราย และเพื่อเป็นการป้องกันภาวะการตั้งครรภ์ไม่พร้อม รวมถึงปัญหาท้องไม่พร้อมในกลุ่มวัยรุ่น กองทุนบัตรทองได้จัดสิทธิประโยชน์บริการคุมกำเนิดแบบกึ่งถาวร อาทิ การใส่ห่วงอนามัย การฝังยาคุมกำเนิด แก่ผู้หญิงหลังยุติการตั้งครรภ์ด้วย

นางสาวรัชดา กล่าวว่า สำหรับปีงบประมาณ 2566 นี้ สปสช.ได้เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่ร้านยา และยังขยายหน่วยบริการโดยให้สามารถไปรับบริการคุมกำเนิดชั่วคราวที่ร้านยา คลินิกเวชกรรม คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกพยาบาล (เฉพาะบางรายการ) ที่เข้าร่วมโครงการ นอกเหนือจากการรับบริการที่โรงพยาบาลและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยบริการอื่นในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อีกทั้งเพิ่มการเข้าถึงสิทธิประโยชน์สำหรับบริการคุมกำเนิดแบบกึ่งถาวร ด้วยวิธีใส่ห่วงอนามัยและการฝังยาคุมกำเนิด จากเดิมที่ให้เฉพาะหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปี และกรณีอายุมากกว่า 20 ปีเฉพาะหลังการยุติการตั้งครรภ์เท่านั้น เป็นให้สิทธิกับหญิงวัยเจริญพันธุ์ทั้งหมด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ครม. เห็นชอบแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง 2 ราย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ

น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ครม. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ ส่งแรงงานไทยไปเกาหลี ฉบับที่ 7

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ดังนี้ 1.ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงแรงงานแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ด้านการส่งแรงงานไทยไปสาธารณรัฐเกาหลี

รัฐบาลชวนปชช. จอง-แลกเหรียญเฉลิมพระเกียรติ 'ในหลวง' เริ่ม 24 ก.ค.

รัฐบาลเชิญชวนประชาชน จอง-แลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ 'ในหลวง' เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ตั้งแต่ 24 ก.ค.นี้

'พ.ร.บ.นิรโทษกรรม' เสี่ยงโมฆะ! ขืนรวมความผิด 'ม.112-110'

'คารม' เตือน 'พ.ร.บ.นิรโทษกรรม' เสี่ยงโมฆะ ขืนรวมความผิด 'ม.112-110' ส่อขัดรัฐธรรมนูญ ยิ่งเพิ่มขัดแย้ง แนะผู้ถูกกล่าวหาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม พิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเอง

รัฐบาลเชิญชวนวางแผนเที่ยวช่วงวันหยุดยาวสัปดาห์หน้า หลัง ททท. ออกแคมเปญ 'สุขทันที ที่เที่ยวไทย'

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมเดินหน้า

นายกฯตื่น! สั่ง'กสศ.' อัดฉีดเงินช่วยเหลือเด็กนักเรียนหลุดจากระบบ

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคั