นักไวรัสวิทยา ยกเคสแรก ‘ผู้ป่วยฝีดาษลิง-โควิด-HIV-1’ เตือนให้ระวัง

21 ส.ค.2565-ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ไบโอเทค โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana หัวข้อ “เคสแรกของผู้ป่วยฝีดาษลิง-โควิด-HIV-1 ในอิตาลี” ระบุว่า วารสารวิชาการ Journal of Infection ได้รายงานเคสของผู้ป่วยฝีดาษลิงรายหนึ่งที่มีประวัติเดินทางกลับมาจากประเทศสเปน โดยขณะที่อยู่ที่นั่นได้มีกิจกรรมทางเพศแบบชายรักชายแบบไม่ป้องกัน 9 วันหลังเดินทางกลับเริ่มมีอาการนำ ประกอบด้วย ไข้ อ่อนเพลีย เจ็บคอ ปวดศีรษะ และ ต่อมน้ำเหลืองโต 3 วันหลังอาการนำเริ่มมีผื่นแดงขึ้นที่ผิวหนัง และ ในวันเดียวกันตรวจพบเชื้อ SARS-CoV-2 ในตัวผู้ป่วยด้วยเช่นกันด้วย ATK

หลังจากนั้น 3 วันผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลโดยในวันที่ admit ตุ่มหนองบนร่างกายบริเวณ แขน ลำตัว ฝ่ามือ นิ้ว ขา สะโพกปรากฏชัดมากและ 1 วันหลังจากนั้นผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการที่โรงพยาบาลยืนยันว่าผู้ป่วยรายนี้มีเชื้อฝีดาษลิงสายพันธุ์ที่ระบาดในสเปน และ มีไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์ BA.5.1 และ นอกจากนั้นยังมีเชื้อ HIV-1 อยู่ในร่างกาย  (234,000 copies/mL) ด้วย เนื่องจากปริมาณเม็ดเลือดขาว CD4 ของผู้ป่วยรายนี้ยังอยู่ในระดับปกติ  (812 cells/μL) ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า ผู้ป่วยรับเชื้อ HIV มาก่อนหน้านี้ไม่นาน และ ไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีเชื้ออยู่ (ครั้งสุดท้ายที่ตรวจคือ เดือน กันยายน ปีที่แล้วและได้ผลลบ)

ผู้ป่วยอยู่โรงพยาบาล 6 วัน ผลตรวจยังพบออกมาเป็นบวกทั้งฝีดาษลิงและโควิด แต่อาการป่วยทุเลาลงมากแล้ว เหลือแต่อาการทางผิวหนังที่ยังอยู่ในช่วงกำลังจะเริ่มตกสะเก็ด หมอจึงให้ไปรักษาตัวต่อที่บ้าน หลังจากนั้น 2 วัน ผล ATK ที่ตรวจที่บ้านก็เป็นลบ แต่ตุ่มหนองยังพบได้อยู่ 8 วันหลังจากมาอยู่ที่บ้าน ตุ่มหนองแทบจะตกสะเก็ดหมดแล้ว (รูป H) คุณหมอนัดให้มาตรวจอีกครั้ง โดยตรวจจากตัวอย่างจากคอ ผลตรวจพบว่า ผู้ป่วยยังคงเป็นบวกต่อไวรัสฝีดาษลิงอยู่ แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าตัวอย่างที่ตรวจสามารถนำไปเพาะเชื้อต่อขึ้นหรือไม่ รวมเวลาที่นับจากวันที่กลับจากสเปนถึงวันที่ที่ตรวจครั้งสุดท้ายคือ 29 วัน

ผู้ป่วยรายนี้มีประวัติฉีดวัคซีน Pfizer 2 เข็ม ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว พอต้นปีเขาติดโควิดซึ่งน่าจะเป็นสายพันธุ์ BA.1 การติดครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ด้วยสายพันธุ์ BA.5.1 ซึ่งอาจจะหนีภูมิจาก BA.1 ได้ดี และ ภูมิได้รับมามากกว่า 6 เดือนแล้ว จากรายงานที่พบ ATK เป็นบวกในเวลาใกล้ๆกับที่มีผื่นขึ้น อนุมานได้ว่าผู้ป่วยรายนี้น่าจะได้รับเชื้อฝีดาษลิงมาก่อน และ ได้รับเชื้อ SARS-CoV-2 มาในช่วงระยะฟักตัวของฝีดาษลิง เนื่องจาก โควิดมีระยะฟักตัวที่สั้นกว่า อาการนำอะไรต่างๆจึงเกิดขึ้นมาพร้อมๆกัน จนแยกไม่ออกว่าอาการที่เห็นมาเป็นผลมาจากเชื้อไหนกันแน่

สำหรับผู้ที่อาจสงสัยว่าโควิดกับฝีดาษลิงจะผสมกันเป็นไวรัสตัวใหม่ได้หรือไม่ ต้องตอบว่า เป็นไปไม่ได้แน่นอนครับ โควิดเป็นไวรัสที่มี RNA เป็นสารพันธุกรรม แต่ ฝีดาษลิงเป็น DNA ดังนั้นไวรัสสองชนิดนี้คุยกันไม่รู้เรื่องครับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เอาแน่ 'คมนาคม' เร่งศึกษาค่าธรรมเนียมรถติด

“คมนาคม” เดินเครื่องศึกษามาตรการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด เปิดโมเดล 4 ประเทศ “อังกฤษ-สิงคโปร์-สวีเดน-อิตาลี” พบช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดอย่างเป็นรูปธรรม ด้าน สนข. เร่งศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบ ชี้ช่วยดึงดูดประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น เชื่อมระบบฟีดเดอร์-ขนส่งหลัก หนุนนโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

เปิดข้อมูล ‘ไวรัสโควิด’ สร้างได้ในห้องทดลอง มีจดสิทธิบัตรตั้งแต่ปี 2018

การสร้างไวรัสใหม่ชนิดนี้จะสามารถครอบคลุมไวรัสที่จะแพร่และเกิดโรคระบาดในมนุษย์ได้ทั้งสิ้น และสามารถที่จะสร้างวัคซีนให้มนุษย์ก่อนได้

'กลัฟ คณาวุฒิ' เฉิดฉายกลางมิลาน ขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ X ไทยและต่างประเทศ

หล่อตะโกนข้ามทวีปกับความปังของพระเอกหนุ่ม "กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์" ที่ยังเดินหน้าทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมในฐานะ Brand Ambassador ของ Gucci ที่เจ้าตัวบินลัดฟ้าไปยังแดนแฟชั่น เพื่อร่วมชมแฟชั่นโชว์ Gucci คอลเลกชั่น Spring/ Summer 2025 ในงาน Milan Fashion Week ที่กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อวันก่อน