พบผลวิจัยใหม่ 'สูบบุหรี่ไฟฟ้า' เสี่ยงเป็นเบาหวาน 22% แถมอันตรายเท่าสูบบุหรี่ธรรมดา

13 มีนาคม 2565 – ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยงานวิจัยใหม่จากมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา ที่พบว่า “การสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความสัมพันธ์กับภาวะก่อนเบาหวาน หรือ Prediabetes” โดยการศึกษาครั้งนี้เป็นการใช้ข้อมูลสำรวจสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยงของประชาชนอเมริกา (Behavioral Risk Factor Surveillance System Survey : BRFSS) ซึ่งถือว่าเป็นการสำรวจที่ใหญ่ที่สุดมีกลุ่มตัวอย่างกว่า 600,000 คนทั่วประเทศ เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการสูบบุหรี่ไฟฟ้ากับภาวะก่อนเบาหวาน (การมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติแต่ยังไม่เข้าเกณฑ์ของโรคเบาหวาน) ซึ่งผลการศึกษาพบว่า คนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า มีความเสี่ยงต่อการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติหรือภาวะก่อนเบาหวานเพิ่มขึ้น 22% ส่วนในคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าโดยที่ไม่เคยมีประวัติสูบบุหรี่ธรรมดามาก่อนเลย ยิ่งพบความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 54% โดยคนที่ถูกวินิจฉัยว่ามีภาวะก่อนเบาหวาน มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นโรคเบาหวานในอนาคต

ดร.พญ.เริงฤดี กล่าวว่า ผลการศึกษาครั้งนี้ตรงกับผลของการสูบบุหรี่ธรรมดาที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานตามรายงานของแพทย์ใหญ่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 โดยคนที่สูบบุหรี่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น 30-40% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่ ส่วนสาเหตุที่การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มความเสี่ยงของโรคเบาหวานน่าจะเกิดจากสารนิโคตินที่มีในบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งโดยทั่วไปจะมีปริมาณสูงกว่าบุหรี่ธรรมดา เคยมีงานวิจัยระบุว่านิโคตินทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น นอกจากนี้นิโคตินยังทำลายการทำงานของระบบย่อยอาหารและระบบประสาท ทำให้เกิดการอักเสบ ทำลายระบบสมดุลของกลูโคสในร่างกาย ส่งผลเสียต่อการทำงานของอินซูลิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นคำอธิบายของความสัมพันธ์ระหว่างการสูบบุหรี่ไฟฟ้าและโรคเบาหวาน

“ยังมีความเข้าใจที่ผิดเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าอยู่หลายเรื่อง สิ่งหนึ่งคือกลุ่มสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้ามักจะให้ข่าวว่าสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ทำให้เกิดเบาหวานเพราะมีสารให้ความหวานปริมาณที่ต่ำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นความจริง จากผลวิจัยนี้ก็ย้ำว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ปลอดภัยและเพิ่มความเสี่ยงต่อเบาหวาน นอกจากนี้บุหรี่ไฟฟ้ายังไม่ถูกรับรองโดยเอฟดีเอสหรัฐฯ ว่าช่วยเลิกบุหรี่ได้ มีงานวิจัยหลายชิ้นให้ผลตรงกันว่า ประสิทธิภาพของบุหรี่ไฟฟ้าในการเลิกบุหรี่ต่ำกว่าการใช้ยาช่วยเลิกหรือการหักดิบ ดังนั้นการจะเลิกบุหรี่ควรปรึกษาแพทย์และใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยเลิกบุหรี่ที่องค์การอาหารและยารับรองแล้วเท่านั้น” ดร.พญ.เริงฤดี กล่าวย้ำ

ดร.ชยัม บิสวาล อาจารย์ประจำคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ หัวหน้าทีมวิจัย กล่าวว่า รู้สึกประหลาดใจกับผลการศึกษาครั้งนี้ เพราะบุหรี่ไฟฟ้ามักจะถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ซึ่งขณะนี้ทราบแล้วว่าความเชื่อนี้ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ ความพยายามในการรณรงค์ให้คนเลิกบุหรี่ส่งผลให้การสูบบุหรี่ลดลง ด้วยข้อมูลจากงานวิจัยนี้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเพิ่มความพยายามด้านสาธารณสุขในการรณรงค์ให้เลิกบุหรี่ไฟฟ้าด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอสมอง' เตือน! 'บิด เอียง สะบัดหมุน ดัดคอ' เสี่ยงอัมพฤกษ์

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์เชี่ยวชาญทางอายุรกรรมและสมอง และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์ตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า บิด เอียง สะบัดหมุน ดัดคอ…แล้วก็เสี่ยงอัมพฤกษ์

ลำปางอ่วม! ปริมาณน้ำวังเพิ่มสูงมาก ท่วมระดับอันตรายแล้ว

โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา จ.ลำปาง รายงานสถานการณ์น้ำว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง และขนาดกลาง 1 แห่ง ได้แก่

สธ. ห่วง ปชช. ช่วงฤดูฝน พร้อมดูแลผู้ป่วยงูพิษกัด ไข้เลือดออกระบาด

น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข

'พาเวล นเรศ' วอนบุคคลปริศนาอย่าขับรถตาม ด้านแฟนคลับห่วงเกิดอุบัติเหตุ

ไม่รู้ว่าเป็นแฟนคลับหรือผู้ไม่ประสงค์ดีที่ทำเอานักแสดงหนุ่มดาวรุ่ง พาเวล-นเรศ พร้อมเผ่าพันธ์ หรือคู่จิ้นมาแรง "พูห์-พาเวล" หนึ่งในนักแสดงนำซีรีส์ Pit Babe TheSeries จากค่าย CHANGE2561 ตกใจอยู่ไม่น้อย