ศาลปกครองสูงสุด ยกคำขอรื้อค่าโง่คดีคลองด่าน สั่งชดใช้เอกชน 9 พันล้าน

ศาลปกครอง​สูงสุด​ ยกคำขอรื้อฟื้นค่าโง่ คดีคลองด่าน เหตุกล่าวอ้างพยานหลักฐานชุดเก่า อยู่ในสำนวนเดิม ไม่ใช่หลักฐานใหม่ สั่งบังคับตามคำชี้ขาดคณะอนุญาโตตุลาการ ชดใช้เอกชน 9 พันล้าน
 
7 มี.ค. 2565 - ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายกคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของกรมควบคุมมลพิษและกระทรวงการคลัง และให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 50/2546 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 2/2554 ลงวันที่ 12 ม.ค.54 ที่สั่งให้กรมควบคุมมลพิษ ชำระเงินกับบริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด บริษัท สี่แสงการโยธา (1979) จำกัด บริษัท ประยูรวิศว์ จำกัด บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ จำกัด บริษัทเกตเวย์ ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด และบริษัทสมุทรปราการ ออพเปอร์เรทติ้ง จำกัด ทั้ง 6 บริษัท จำนวน 4,983,342,383 บาท และจำนวน 31,035,780 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ย 2,629,915,324.92 บาท และ 15,714,123.69 ดอลลาร์สหรัฐ ที่เป็นเงินค่าจ้างในการออกแบบและก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย รวมทั้งค่าเสียหายและดอกเบี้ย รวมทั้งสิ้น 7,613,257,707.92 บาท และอีก 46,749,903.69 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.46 จนถึงวันชำระเสร็จ และให้กรมควบคุมมลพิษ คืนหนังสือค้ำประกันพร้อมชำระค่าธรรมเนียม จำนวน 48 ล้านบาท ให้บริษัททั้งหก รวมเป็นเงินที่กรมควบคุมมลพิษ ต้องชำระให้บริษัททั้งหกตามคำชี้ขาด ทั้งสิ้น 9,058,906,853.61 บาท
 
คดีดังกล่าวกระทรวงการคลังและกรมควบคุมมลพิษได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อปี 59 ขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ โดยอ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่อันทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติในคดีที่เคยมีคำพิพากษาของศาลปกครองไปแล้วมีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำสั่งรับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่เฉพาะในส่วนของกรมควบคุมมลพิษไว้พิจารณา และมีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 50/2546 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 2/54 เนื่องจากเห็นว่าคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการที่ให้กรมควบคุมมลพิษชำระเงินค่าจ้าง ค่าเสียหาย และดอกเบี้ย ให้แก่กิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี มีเหตุให้เพิกถอนได้ตามมาตรา 40 วรรคสาม (2) (ข) แห่งพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 ทำให้บริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง กับพวก ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลปกครองสูงสุดว่า พยานหลักฐานที่กรมควบคุมมลพิษอ้างไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วมีผลเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ
 
โดยศาลปกครองสูงสุดเห็นว่าเห็นว่า การที่กรมควบคุมมลพิษอ้างว่า มีพยานหลักฐานใหม่ ทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารตามรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. บันทึกถ้อยคำของพยานบุคคลและพยานเอกสารที่ยื่นส่งในชั้นสืบพยาน ที่แสดงความเชื่อมโยงความทุจริตของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ข้าราชการทางการเมือง ร่วมกันกับเอกชนที่เอื้อประโยชน์ให้ซึ่งกันและกันเพื่อให้ที่ดินของบริษัท คลองด่าน มารีน แอนด์ ฟิชเชอรี่ จำกัด ให้ใช้ในการก่อสร้างโครงการและให้กิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี ได้รับการคัดเลือกเข้าทำสัญญาโครงการจัดการน้ำเสีย จ.สมุทรปราการ จนทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐและประชาชน 
 
รวมทั้งกรณีสำนักงาน ปปง. มีหนังสือถึงกรมควบคุมมลพิษแจ้งคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.148/59 อายัดเงินจำนวน 2 รายการ พร้อมดอกผล ซึ่งเป็นสิทธิเรียกร้องที่กรมควบคุมมลพิษต้องชำระให้แก่กิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดไว้ชั่วคราว รวมทั้ง การอ้างความไม่ชอบของคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ที่มีสาเหตุจากการขาดคุณสมบัติในเรื่องความเป็นกลางของนายเสถียร วงศ์วิเชียร ขณะเป็นอนุญาโตตุลาการฝ่ายเอกชนนั้น พยานหลักฐานของกรมควบคุมมลพิษดังกล่าว เป็นพยานหลักฐานที่ล้วนมีอยู่ก่อนแล้วในระหว่างการพิจารณาคดีครั้งก่อนและกรมควบคุมมลพิษ ได้รู้ถึงพยานหลักฐานดังกล่าวมาก่อนแล้วทั้งสิ้น และมิใช่กรณีตามมาตรา 75 วรรคสอง
 
กรณีดังกล่าวจึงมิใช่พยานหลักฐานใหม่อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ และข้อเท็จจริงที่กรมควบคุมมลพิษกล่าวอ้างมิใช่ข้อเท็จจริงใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญซึ่งทำให้ผลแห่งคำพิพากษาขัดกับกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง (1) (4) และวรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 อันจะเป็นเหตุที่ขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดี หรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองนั้นใหม่ได้แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นอื่นและประเด็นระยะเวลาการยื่นคำขอให้พิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งใหม่อีก เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป
 
ศาลปกครองสูงสุดพิพากษากลับคำสั่งและคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง เป็นให้ยกคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของกรมควบคุมมลพิษและกระทรวงการคลัง และให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 50/46 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 2/54 ลงวันที่ 12 ม.ค.54
 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'กูรูใหญ่' จับตา ป.ป.ช. อาจจะติดคุกทั้งคณะ หากศาลอาญาทุจริตรับฟ้อง ปม 'วีระ' ฟ้องหลายกระทง

นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า

ครบองค์ประกอบ! เรืองไกรร้องผู้ตรวจการแผ่นดินส่งศาลปกครองตีตกดิจิทัลวอลเล็ต

'เรืองไกร' ขอผู้ตรวจการแผ่นดินส่งศาลปกครองวินิจฉัยล้มดิจิทัลวอลเล็ต เหตุเลือกปฏิบัติไม่เสมอภาคขัดรัฐธรรมนูญ

ยุ่งแล้ว! อดีตผู้สมัคร สว. จ่อร้องศาลปค.สูงสุด ไต่สวนคุ้มครองประกาศผลเลือก สว.

อดีตผู้สมัครสว. จ่อยื่นศาลปกครองสูงสุด ขอไต่สวนฉุกเฉินคุ้มครองชั่วคราวประกาศผลเลือกสว.ชุดเชื่อมโยงการเมือง ชี้เป็นการเลือกสว.ที่มีการหักหลังกันอย่างน่าเกลียด น่าเวทนา จี้กกต.ฟันสว.นกแล และผู้สมัครแจ้งประวัติไม่ตรงกลุ่มอาชีพ

'ดร.สามารถ' แพร่บทความ บทเรียนสูญ 1.3 แสนล้าน รถไฟฟ้าสายสีส้ม ต้องมีผู้รับผิดชอบ

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ รถไฟฟ้าสายสีส้ม "บทเรียนที่ต้องเรียน" มีเนื้อหาดังนี้

'ศาลปค.สูงสุด' ชี้ขาดแล้ว รฟม.เดินหน้าเซ็นสัญญา BEM ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม

ศาลปกครองสูงสุดอ่านคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้องในคดี บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีทีเอส) ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562