เอาแล้ว 'ท่านใหม่' ปลุกเปลี่ยนการปกครอง ยึดแนวทาง ร.7 คือทางรอดของไทย!

พรรคไทยภักดี13 ก.พ.2565 - ม.จ. จุลเจิม ยุคล หรือ "ท่านใหม่" โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า อยากจะถามคนไทยทั้งประเทศว่า ทุกคนพร้อมที่ปกป้องสถาบันชาติ สถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างถูกต้องและสมควร หรือยัง

….ทางออกประเทศไทยมีทางเดียว ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข ด้วยการสร้างการปกครองเสียใหม่ ตามแนวทางรัชกาลที่ 7 ที่ได้ทรงวางแนวทางไว้เท่านั้น จึงจะเกิดสมดุลอำนาจในทางปกครอง

การเมืองที่ยึดติดระบอบเผด็จการต่อเนื่องยาวนานมา 88 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ที่ผ่านมาทำให้ประชาชนโง่เขลา ตกอยู่ในภาวะหวาดกลัวอำนาจกฎหมายปิดปากและอำนาจกองทัพ จึงทำให้ปวงชนชาวไทยตกอยู่ในอำนาจเผด็จทุกรูปแบบ ที่บังคับให้คนหลงเชื่อว่าประเทศไทยมีการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งๆที่ลิดรอนพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์จนหมดสิ้น

คณะกบฏที่ยึดอำนาจพระมหากษัตริย์ วางแผนระยะยาวเพื่อให้หมดสิ้นสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ ให้ผู้สืบทอดอำนาจทำหน้าที่แทนพระมหากษัตริย์ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เมื่อราชวงศ์ว่างลง

นั่นก็หมายความว่า คณะเผด็จการต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์สิ้นสุดลงไปโดยปริยาย เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ที่ไม่ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบอเมริกา ซึ่งไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์

คนไทยที่เคารพครับ ประเทศไทยแต่เดิมมานั้น พระมหากษัตริย์หาแผ่นดินให้เราอยู่ รวมตัวกันเข้ามาเป็นชาวแผ่นดินสยาม

เมื่อเราคิดจะที่ทำการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ทำไมไม่เปลี่ยนไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แบบประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นพระราชประสงค์ของรัชกาที่ 7

แต่ปัจจุบันนี้คณะบุคคลที่บริหารประเทศได้พยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะตัดสถาบันพระมหากษัตริย์ออกไปจากการปกครองประเทศ ตามหลักการเดิมของกบฏคณะราษฎร 2475

เรื่องนี้ประชาชนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคณะบุคคลที่สืบทอดอำนาจกันต่อๆมา ปิดบังข้อเท็จจริงมาโดยตลอด พยายามกีดกันประชาชนให้ห่างสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเอามาตรา 112 มาเป็นเครื่องมือ ทั้งๆที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ไม่ทรงเห็นด้วยกับการบังคับใช้กฎหมายมาตรานี้

ในทางตรงกันข้ามผู้นำรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย พยายามที่จะสร้างภาพความจงรักภักดี ด้วยการจัดงานเฉลิมฉลองอลังการให้ชาวโลกและชาวไทยเห็นว่าผู้นำประเทศจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

เพื่อแสดงให้สังคมโลกยอมรับคบค้าสมาคมด้วย ว่าประเทศไทยปกครองครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตบตาชาวโลกและชาวไทยมาโดยตลอด 88 ปี จึงเป็นที่มาของคำว่า "ลิงหลอกเจ้า"

เสียดายครับ ที่คนในประเทศมีการศึกษาสูงจนทำให้ "ต่อมแห่งความกตัญญูเสื่อม" ยังจะมีหน้าบังอาจประกาศยืนยันที่จะเดินหน้าประเทศไทย ด้วยนโยบายเนรคุณสถาบันพระมหากษัตริย์ จนลืมคำทัดทานร้องขอ ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 หรืออย่างไร..?

จึงอยากจะถามคนไทยทั้งประเทศว่า ทุกคนพร้อมที่ปกป้องสถาบันชาติ สถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างถูกต้องและสมควรที่จะเป็นดังเช่นที่กล่าวมาแล้วข้างต้น หรือยังครับพี่น้องไทย....??

หากทุกท่านพร้อมที่จะรวบรวมความกล้า ด้วยพลังแห่งความกตัญญู ต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ขอจงได้โปรดรีบสลัดความเขลา ความกลัว ลุกขึ้นมาพร้อมใจกันบอกกับผู้ถืออำนาจในขณะนี้ ให้รีบเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ให้เป็นไปตามแนวทางของรัชกาลที่ 7 กันเถอะครับก่อนที่เราจะตายจากโลกนี้ ไปอย่างมีคุณค่าของความเป็นไทย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ไทยภักดี' ชงทางออกปชต.อัญเชิญสถาบันฯร่วมเป็นองค์ประกอบทางการเมืองเพื่อสร้างดุลย์

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง ทางออกประชาธิปไตยไทย มีเนื้่อหาดังนี้

สิ้นชีพิตักษัย 'ม.จ.ปุสาณ สวัสดิวัตน์' พระราชนัดดาในรัชกาลที่ 4

ม.จ.จุลเจิม ยุคล โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า “ขอแสดงความอาลัยต่อ ราชตระกูล สวัสดิวัตน์ ต่อการสิ้นชีพิตักษัย ของ พลเรือเอก นายแพทย์ หม่อมเจ้า ปุสาณ ส

'ติ๊งต่าง' ลั่นทหารอบรมเด็กเป็นคุณต่อชาติ ย้อนถาม 'เตี้ยหลังม็อบ' เป็นคนไทยหรือเปล่า

นางกาญจนี วัลยะเสวี หรือ ติ๊งต่าง เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับและแกนนำกลุ่ม​ชาวไทยหัวใจรักสงบ อดีตแม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

'ไทยภักดี' เสียใจการเสียชีวิตของ 'บุ้ง' เบรก 'ก้าวไกล' หยุดฉวยโอกาสเพื่อประโยชน์การเมือง

พรรคไทยภักดี ออกแถลงการณ์กรณีการเสียชีวิตของน.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ "บุ้ง ทะลุวัง" มีใจความดังนี้

'ดร.นิว' จัดหนัก 'ปิยบุตร' ยังไม่หายคลั่ง 'รอแบ็สปีแยร์' ถามรัวๆ เป็นอะไรมากหรือเปล่า

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า