เสียงหนึ่งหล่นกลางหน้าสื่อไม่ใช่เสียงที่ดังในเชิงอารมณ์แต่คือ เสียงที่ชัดเจนในเชิงอำนาจ
“ตกลงคุณอนุทิน หรือคุณไชยชนก ใครเป็นหัวหน้าพรรค?”
คนถามไม่ใช่นักข่าว ไม่ใช่ฝ่ายค้านแต่คือ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทยอดีต “สหายใหญ่” ที่ก้าวออกจากป่า แต่ไม่เคยห่างจากการเมือง
คำพูดนั้นเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลัง “ไชยชนก ชิดชอบ” ลูกชายเนวิน ลุกขึ้นกลางสภา ในนามเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยประกาศจุดยืนคัดค้านร่างกฎหมายกาสิโนซึ่งกำลังเป็นหมุดหมายใหม่ของพรรคเพื่อไทยและสะท้อนถึง “พิมพ์เขียวอำนาจ” ที่ ทักษิณ ชินวัตร วางไว้
คำของไชยชนกคือการ “เปิดหน้า”แต่คำของภูมิธรรมคือการ “ส่งเสียง” ไม่ใช่เสียงของรัฐมนตรีทั่วไปแต่เป็นเสียงของคนที่เคยจับปืนในป่าเคยเคลื่อนขบวนในเมืองและวันนี้ ยัง ขยับจังหวะของอำนาจจากจุดที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น
ภูมิธรรมไม่ได้เป็นแค่ลูกหม้อของพรรคหรือคนของทักษิณในทางการเมือง แต่คือนักเคลื่อนไหวจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ผู้ที่เลือก “เข้าป่า” หลัง 6 ตุลา 2519 เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในเขตงานภาคเหนือ
และกลายเป็นหนึ่งใน “สหายใหญ่” ที่ได้รับการยอมรับจากทั้งเพื่อนนักศึกษารุ่นเดียวกันและแกนนำ พคท. ในยุคนั้น
เสียงของภูมิธรรมจึงไม่ใช่เพียงเสียงของอดีตผู้ร่วมอุดมการณ์แต่มาจากคนที่เคย “มีบทบาทจริง” ในโครงสร้างปฏิวัติและ วันนี้หวนกลับมามีบทบาทในโครงสร้างอำนาจของรัฐอีกครั้ง
เขาคือ สะพานระหว่างนักเคลื่อนไหวรุ่นเก่ากับนักการเมืองสายทุนและเทคโนแครตและในรัฐบาลนี้ เป็นคนกลางที่ไม่ได้ยืนกลางเพื่อประนีประนอมแต่เพื่อ ควบคุมจังหวะของเกม
ดังนั้น เมื่อถามว่า “ใครคือหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย?” มันไม่ใช่คำถามธรรมดา
เพราะภูมิธรรมรู้ดีว่า “อนุทิน” คือชื่อในตำแหน่งส่วน “ไชยชนก” คือ ภาพแทนของอาณาจักรเนวิน
สิ่งที่ต้องการสื่อ คือการเตือนว่าหากพรรคร่วมเริ่มขยับนอกเกม อย่าคิดว่าโต๊ะนี้จะรองรับทุกคนได้ตลอดไป
มันคือภาษาทางอำนาจของ “อดีตสหาย” ที่ไม่ชินกับการยอมจำนนและรู้ว่าเมื่อใดควร “ขยับคำเพื่อขยับเกม”
รัฐบาลผสมอาจยังถือเสียงข้างมากในสภา แต่น้ำหนักทางการเมืองเริ่มเปลี่ยน เพราะหากพรรคร่วมพูดไม่ตรงกัน แล้วใครจะเป็นคนคุมจังหวะ?
คำตอบไม่ใช่นายกรัฐมนตรีแม้ชื่อจะเป็น “แพทองธาร” แต่คนที่พรรคร่วมมองหาเมื่อต้องต่อรอง กลับยังเป็นชื่อเดิม-ทักษิณ ชินวัตร
และเมื่อทักษิณไม่จำเป็นต้องพูดก็มี “ภูมิธรรม” เป็นเสียงแทนเสียงที่พูดได้เต็มปาก เพราะผ่านทั้งยุคจับปืนในป่า ยุคถูกเนรเทศทางความคิด และวันนี้…อยู่ในตำแหน่งที่สามารถ “เตือนใครก็ได้” ในรัฐบาลชุดนี้
ไม่เพียงสะท้อนแรงกดดันต่อพรรคร่วม ภูมิธรรม ยังแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อ “เสียงจากถนน”
เมื่อมีประชาชนกลุ่มหนึ่งมาชุมนุมหน้ารัฐสภาเพื่อต่อต้านร่างกฎหมายกาสิโน เขาตอบนักข่าวด้วยน้ำเสียงที่ตีกรอบชัดเจนว่า
“..อย่ามองแค่ว่าการมายืนอยู่หน้าสภาฯแล้วเหมารวมว่า นี่คือเสียงของประชาชน..”
ถ้อยคำนี้ไม่ใช่การเปิดพื้นที่แต่มันคือ การลดทอนความชอบธรรมของการคัดค้านโดยตีกรอบให้เสียงเหล่านั้นเป็นเพียง “เสียงส่วนน้อย” ที่ไม่จำเป็นต้องรับฟัง
น่าแปลก-คนที่เคยเดินเคียงมวลชนในป่า กลับพูดด้วยน้ำเสียงเดียวกับผู้มีอำนาจที่เคยต่อต้าน!
ความง่อนแง่นของรัฐบาลผสมชุดนี้ไม่ได้เกิดจากฝ่ายค้านแต่เกิดจากพรรคร่วมที่เริ่มแยกบทจาก การเดินสวนของภูมิใจไทย จากการปิดหูต่อเสียงคัดค้านของเพื่อไทย และจาก “เสียงจากป่าเก่า” ที่เริ่มพูดบ่อยขึ้น…ดังกว่าเดิม
ถ้าเสียงนี้ยังพูดซ้ำ ไม่ใช่เพราะต้องประคับประคองแต่เพราะต้อง “กำกับให้ตรงบท”
“เสียงจากป่าเก่า” ไม่ใช่เสียงที่ดังเสมอและไม่ได้มีอำนาจในตัวเองแต่มันคือเสียงที่ถูก มอบหมายให้พูดในวันที่ “เจ้าของอำนาจตัวจริง” ยังไม่จำเป็นต้องพูดด้วยตัวเอง
ภูมิธรรมอาจไม่ใช่ผู้กำกับใหญ่ในเงามืดแต่เขาคือ “ผู้แทนของทักษิณ”ที่ถูกวางไว้ให้ประคองจังหวะ คุมสมดุลและส่งสัญญาณเมื่อท่วงทำนองของรัฐบาลเริ่มเพี้ยน
และหากพรรคร่วมยังไม่หยุดสั่น ยังไม่คืนจังหวะให้สอดรับกับแนวทางของศูนย์กลางรัฐบาลนี้…อาจไม่พังเพราะเสียงค้านแต่อาจล้มลงเพราะเสียงของคนใน ที่ไม่เดินในจังหวะเดียวกัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอาแล้ว! ศาลฎีกาฯ นัด 30 เม.ย. ฟังคำร้อง 'ชาญชัย' ขอให้บังคับ 'ทักษิณ' รับโทษ
อดีต สส.ประชาธิปัตย์ไม่ถอย ยื่นศาลฎีกาฯ นักการเมือง รอบที่ 3 ขอให้ไต่สวนกรณี “ทักษิณ” ได้รับอนุญาตให้นอนโรงพยาบาลนอกราชทัณฑ์ ชี้อาจขัดต่อกฎหมายอาญา แม้ศาลเคยยกคำร้องมาแล้ว 2 ครั้ง นัดฟังคำสั่ง 30 เม.ย.นี้
สวนแรง! ลูกนอนใส่แว่นโชว์ไข้-พ่อปางตายอยู่ รพ. 6 เดือนไม่มีรูป
แพทองธาร ชินวัตร นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล สวมแว่น–ใส่น้ำเกลือ บอกพ่อปางตายยังไม่มีภาพ ลูกเป็นไข้โชว์ซะเต็มตา
พปชร. เย้ยไม่บ้าลงเรือใกล้ล่ม รู้ทัน 'ทักษิณ' ห่วงลูกโดนสอย ไม่กล้าทิ้ง ภท.
'ชัยวุฒิ' เปรียบรัฐบาลเหมือนเรือใกล้ล่ม ใครคิดจะไปลงก็บ้าแล้ว ย้ำ พปชร. ชัดเจนไม่เอากาสิโน 'ทักษิณ' ห่วงลูกโดนสอย ยังไม่กล้าทิ้ง ภท. รอจับมือพรรคส้มเลือกตั้งครั้งหน้า
สองตระกูล หนึ่งผลประโยชน์: เบื้องหลังสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
ในขณะที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของไทย เดินทางเยือน ราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างวันที่ 23-24 เมษายน 2568 ในวาระ ครบรอบ
วางมือตรงหน้า ซ่อนไพ่ไว้ข้างหลัง: รัฐบาลที่ไม่กล้าชนภูมิใจไทย
กล้องทุกตัวจับภาพ ภูมิธรรม เวชยชัย ควงแขน อนุทิน ชาญวีรกูล เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมรอยยิ้มและคำหยอกว่า “เดี๋ยวหอมแก้ม” ท่ามกลางเสียงแซวว่าจะจับมือกันถึงปี 70
'เทพไท' ฟันธง 5 ข้อที่เพื่อไทยไม่กล้าทำในการปรับ ครม.
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหา