'บิ๊กตู่'ปลื้ม ไทยติดอันดับ 26 ประเทศรับมือสถานการณ์โควิดได้ดีที่สุด

แฟ้มภาพ

แฟ้มภาพ

นายกฯ ยินดีไทยติดอันดับ 26 ประเทศรับมือสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีที่สุด เชื่อมั่นจะเติบโตทางเศรษฐิจอย่างรวดเร็ว พร้อมเปิดรับผู้เดินทาง-นักท่องเที่ยวผ่านระบบ Test & Go วันนี้

1 ก.พ.2565- นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยต่อกรณีที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้เผยรายงานการจัดอันดับประเทศและเขตเศรษฐกิจที่รับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีที่สุด (The Covid Resilience Ranking: The Best Places to Be as We Learn to Live With Covid) ประจำเดือนมกราคม 2565 (www.bloomberg.com) โดยประเทศไทยได้รับการจัดอันดับประเทศที่สามารถรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีที่สุดเป็นอันดับที่ 26 จากทั้งหมด 53 ประเทศและเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยคะแนนรวม 63.7 คะแนน เพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อปี 2563 ถึง 18 ลำดับ

ในการนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบการจัดลำดับดังกล่าว ชื่นชมถึงการทำงานและขอบคุณทุกหน่วยงานร่วมกันทำงานอย่างหนักจนเห็นผลของความสำเร็จ จากตัวเลขผู้เสียชีวิตที่มีระดับต่ำ และมาตรการควบคุมที่เข้มงวดแต่เปิดให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้จนเห็นแนวทางของการพัฒนาว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น และที่ขาดไม่ได้ ขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ดูแลตนเอง คนใกล้ชิด และร่วมปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดโดย ศบค. ตลอดมาจนสถานการณ์ในประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้

นายธนกร กล่าวว่า นอกจากนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กยังได้เน้นย้ำว่าประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเพิ่มขึ้นถึง 18 ลำดับ นับตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2564 เนื่องจากสัดส่วนการได้รับวัคซีนของประชาชน จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น มีการผ่อนคลายมาตรการข้อจำกัดต่างๆ ที่ยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างรวดเร็วในปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากการเปิดประเทศและการเปิดรับนักท่องเที่ยวด้วยการใช้มาตรการที่ไม่ต้องกักตัว สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้ผู้เดินทาง/นักท่องเที่ยวจากทุกประเทศสามารถลงทะเบียนเพื่อขออนุญาตเข้าประเทศไทยผ่านระบบ Test & Go ได้ นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป

“นายกฯ ยินดีกับผลการจัดอันดับครั้งนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพทำงานของรัฐบาลตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นผลความสำเร็จจากความร่วมมือ การบูรณาการ หารือต่าง ๆ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาดให้เกิดผลกระทบน้อยสุดต่อประชาชน รวมทั้งต้องประเมินสถานการณ์เป็นประจำอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับแนวทางการทำงานให้สอดรับกับสถานการณ์ในประเทศ และสถานการณ์ในโลก นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนวางแผนการรับมือกับสถานการณ์อยู่เสมอทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดนเน้นย้ำว่า เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับโควิด-19 อย่างปลอดภัยให้ได้ เป็นไปตามมาตรการทางสาธารณสุข แต่ไม่ทิ้งการพัฒนาเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตอย่างเด่นชัดในเร็ววันนี้ กอปรกับ ให้เตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต” นายธนกร กล่าว

นายธนกร กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ รายงานการจัดอันดับดังกล่าวประเมินจาก 12 ปัจจัย ใน 3 หมวดหลัก ได้แก่ 1. มาตรการและการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้กลับมาเปิดประเทศ (Reopening process) เช่น สัดส่วนประชากรที่ได้รับวัคซีน จำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง เป็นต้น 2. สถานการณ์โควิด-19 (COVID Status) เช่น สัดส่วนผู้ป่วยต่อประชากร 100,000 คน สัดส่วนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นต้น และ 3. คุณภาพชีวิตของประชาชน (Quality of Life) เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจ การจัดการทางสาธารณสุข และดัชนีการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ เป็นต้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอยง' ชี้ 'โควิด' ระบาดหนัก แต่รุนแรงลดลง เข้าใกล้ไข้หวัดใหญ่

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า โควิด 19

'เศรษฐา' สั่งล้อมคอก! แก้ไขปัญหาเด็ก 1.02 ล้านคนหลุดระบบการศึกษา

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยความห่วงใยของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต่ออนาคตของเยา