กระเหี้ยนกระหือรือ! กาสิโน 'ทางลัด' หารายได้ หรือ 'ทางด่วน' สู่หายนะรัฐบาลแพทองธาร

เดินหน้าเต็มสูบสำหรับโครงการ “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ซึ่งรัฐบาลผลักดันให้มีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย โดยอ้างว่าสัดส่วนของกาสิโนจะถูกจำกัดไม่เกิน 10% ของพื้นที่ทั้งหมด

ร่างพระราชบัญญัตินี้เพิ่งได้รับการอนุมัติจาก คณะรัฐมนตรีแพทองธาร เมื่อ 27 มีนาคม เพียงวันเดียวหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก่อนจะถูกเร่งเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรอย่างรวดเร็ว

ความเร่งรีบนี้สะท้อนชัดเมื่อ “วิสุทธิ์ ไชยณยรุณ” สส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล แสดงความกระหายออกหน้าออกตาว่าจะเดินหน้าต่อโดยไม่สนเสียงคัดค้าน ไม่เกรงกลุ่มผู้ชุมนุมที่ปักหลักหน้าทำเนียบรัฐบาล พร้อมประกาศอย่างมั่นใจว่า “ถ้ากลัวก็ไม่ทำ ทำแล้วไม่กลัวแน่นอน”

กำหนดการเดินเกมถูกเร่งรัดสุดขีด โดยในวันที่ 3 เมษายน วิปรัฐบาล จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะเร่งบรรจุร่างกฎหมายเข้าสู่ระเบียบวาระในวันที่ 9 เมษายน เพื่อให้ทันการปิดสมัยประชุมของรัฐสภาในวันถัดไป

หากไม่มีอุปสรรคใดๆ วาระแรกของร่างกฎหมายนี้จะถูกพิจารณาอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะผ่านการ “รับหลักการ” โดยตั้งกรรมาธิการเพื่อพิจารณาต่อในช่วงปิดสมัยประชุม ก่อนจะเร่งดำเนินการอีกครั้งเมื่อสภาเปิดในเดือนกรกฎาคม

แนวโน้มในวุฒิสภาแทบไม่มีอุปสรรค เมื่อ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ สว.สายสีน้ำเงิน ประกาศสนับสนุนอย่างชัดเจน เปิดทางให้กฎหมายนี้ผ่านฉลุย

นอกจากการผลักดันกฎหมาย “กาสิโน” ฝั่ง พรรคภูมิใจไทย ก็กำลังขับเคลื่อนกฎหมาย “พนันออนไลน์” โดย “อนุทิน ชาญวีรกุล” รองนายกฯและรมว.มหาดไทย  มีนัดหารือกับ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รองนายกฯและ รมว.ดิจิทัลฯ ของพรรคเพื่อไทย ที่บ้านพิษณุโลกในเวลา 14.00 น. ของวันนี้

นี่อาจสะท้อนถึงการแบ่งสรรผลประโยชน์ระหว่างพรรคการเมือง-กาสิโนออฟไลน์อยู่ในมือพรรคหนึ่ง ขณะที่การพนันออนไลน์ถูกผลักดันโดยอีกพรรคหนึ่ง ราวกับ “ดีล” ได้ข้อยุติแล้ว?

แต่สิ่งที่สะท้อนชัดคือ จุดกำเนิดของกาสิโนในไทยไม่ได้เกิดจากนโยบายของรัฐบาลแพทองธาร แต่เป็นแนวคิดที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ผลักดันมาก่อน โดยเจ้าตัวกล่าวไว้เมื่อ 18 มกราคม 2568 ว่า

“พยายามทำให้กฎหมายพร้อมภายในปีนี้ และต้นปีหน้าจะตั้งคณะกรรมการกำหนดกติกา”

ความเร่งรีบผลักดันร่างกฎหมายนี้เกิดขึ้นท่ามกลางข้อกังขาหลายประการ

“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง อ้างว่า “รัฐบาลได้ทำประชาพิจารณ์ไปแล้ว และประชาชนร้อยละ 80 เห็นด้วย”

แต่คำถามคือ 80% ที่รัฐบาลอ้างถึง เป็นฉันทามติของประชาชนทั้งประเทศจริงหรือ?

“สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. ตั้งข้อสังเกตว่า แบบสำรวจที่ใช้เป็นหลักฐานของรัฐบาล มีตัวเลขที่ผิดปกติ ผลสำรวจ 71,303 ราย ตอบคำถามเหมือนกันทุกข้อในอัตราร้อยละ 80.6 - 80.75% ซึ่งผิดธรรมชาติของงานสำรวจความเห็น และดูเหมือนถูกจัดทำขึ้นอย่างมีวาระซ่อนเร้น

นี่สะท้อนถึงความไม่โปร่งใสในกระบวนการทำประชาพิจารณ์ ร่างกฎหมายที่ส่งผลกระทบมหาศาลเช่นนี้ กลับถูกเร่งรัดภายใต้การรับฟังที่ไม่ได้สะท้อนเสียงของประชาชนส่วนใหญ่

รัฐบาลอ้างว่ากาสิโนจะเป็น “ทางลัด” สร้างรายได้ ดึงดูดนักท่องเที่ยว และเพิ่มเม็ดเงินเข้ารัฐ แต่ฝ่ายคัดค้านมองว่านี่เป็นเพียง “ทางลัด” ของกลุ่มทุนบางกลุ่มในการแสวงหากำไร โดยไม่สนใจผลกระทบทางสังคมที่จะตามมา

ข้อถกเถียงสำคัญคือ การอนุญาตให้คนไทยเข้าเล่นกาสิโน เดิมมีการเสนอให้ต้องมีเงินฝาก 50 ล้านบาท แต่ถูกปรับลดเงื่อนไขเป็น ใช้เกณฑ์การชำระภาษีย้อนหลัง 3 ปี และจ่ายค่าธรรมเนียม 5,000 บาท

นั่นแปลว่า รัฐบาลกำลังเปิดช่องให้คนไทยเข้าถึงกาสิโนได้ง่ายขึ้น ต่างจากประเทศที่ใช้มาตรการเข้มงวด เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย หรือเวียดนาม ที่เก็บค่าเข้าแพงลิ่วหรือห้ามคนในประเทศเล่นโดยเด็ดขาด

งานวิจัยจากต่างประเทศหลายชิ้นชี้ว่า รายได้จากกาสิโนมาพร้อมต้นทุนทางสังคมที่หนักหน่วง

ในสหรัฐฯ พบว่าการเพิ่มขึ้นของบ่อนการพนันสัมพันธ์กับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและการฟอกเงิน

สิงคโปร์ แม้สร้างรายได้จากกาสิโนได้ แต่รัฐบาลต้องใช้มาตรการเข้มงวดควบคุมผู้เล่น

ออสเตรเลีย แม้ว่าจะมีการเปิดบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย แต่ก็พบปัญหาผลกระทบทางสังคมอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของปัญหาหนี้สินและการเสพติดการพนันในหมู่ประชาชน

กระแสต้านเริ่มปะทุขึ้นทันที เมื่อกลุ่มประชาสังคม นักวิชาการ พระสงฆ์ และตัวแทนประชาชนจากหลายจังหวัด ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อต่อต้าน และยังปักหลักการชุมนุมกันถึงทุกวันนี้

แกนนำผู้ชุมนุมระบุว่า รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมในการผลักดันร่างกฎหมายนี้ โดยไม่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างแท้จริง

สถานการณ์ยกระดับกลายเป็นการขับไล่ “แพทองธาร ชินวัตร” ภายใต้เสียงตะโกน “ไม่เอาบ่อน! แพทองธารออกไป!”

ทว่ารัฐบาลแพทองธาร-พรรคเพื่อไทย ยังคงเดินหน้าต่อ และบอกว่า “ไม่กลัวม็อบ”

รัฐบาลต้องตระหนักว่า เสียงในสภาเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะกระแสสังคม มีอิทธิพลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลเสมอ

และที่สำคัญ รัฐบาลผสมเช่นนี้ไม่มีเอกภาพ หากแรงกดดันจากสังคมทวีขึ้น ความเปราะบางทางการเมืองอาจนำไปสู่จุดเปลี่ยนที่คาดไม่ถึง

สุดท้าย เดิมพันครั้งนี้อาจไม่ใช่แค่ร่างกฎหมายกาสิโน แต่เป็นอนาคตของรัฐบาลแพทองธารและพรรคเพื่อไทย หากยังดื้อดึงเดินหน้าโดยไม่ฟังเสียงประชาชน นี่จะเป็น “ทางด่วน” สู่หายนะของรัฐบาลเอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นั่นไง 'ทักษิณ' ลั่นเอาอยู่! จัดองคาพยพ ดับไฟใต้

ทักษิณ ชินวัตร เปิดแผนเดินหน้าจัดองคาพยพ พูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ เชื่อปีนี้สถานการณ์ต้องดีขึ้น ชี้เหตุลอบยิงพระเป็นเรื่องเข้าใจผิด ยันกำลังตามตัวกลุ่มก่อเหตุในรัฐกลันตัน มั่นใจเอาอยู่

ระเบิดเวลามาตรา 144: สงครามภาคสองล่ารัฐบาลลูกสาว กวาดเรียบเครือข่ายทักษิณ?

ระบอบทักษิณไม่เคยเลือนหายจากโครงสร้างการเมืองไทยแม้ในบางช่วงจะถูกทอนกำลังลงจากกระบวนการทางกฎหมายและบทบาทขององค์กรอิสระแต่เครือข่ายฐานเสียงและกลไกอำนาจที่วางรากลึกไว้นั้น ยังคงดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง

เอาแล้ว! ศาลฎีกาฯ นัด 30 เม.ย. ฟังคำร้อง 'ชาญชัย' ขอให้บังคับ 'ทักษิณ' รับโทษ

อดีต สส.ประชาธิปัตย์ไม่ถอย ยื่นศาลฎีกาฯ นักการเมือง รอบที่ 3 ขอให้ไต่สวนกรณี “ทักษิณ” ได้รับอนุญาตให้นอนโรงพยาบาลนอกราชทัณฑ์ ชี้อาจขัดต่อกฎหมายอาญา แม้ศาลเคยยกคำร้องมาแล้ว 2 ครั้ง นัดฟังคำสั่ง 30 เม.ย.นี้