
'วิโรจน์' แฉ 'แพทองธาร' ทำนิติกรรมอำพราง ออก 'ตั๋ว PN' ให้เครือญาติเพื่อหนีภาษีโอนหุ้น 9 ปี รวม 218 ล้านบาท ซัดจ่ายภาษีตามหน้าที่พลเมืองไม่ได้ จะไว้วางใจให้เป็น 'นายกฯ' บริหารประเทศได้อย่างไร
24 มี.ค. 2568 - ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.38 น. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ว่า มีการทำนิติกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้มาตั้งแต่ปี 2559
โดยนายวิโรจน์ เกริ่นที่มาที่ไปว่า แต่เดิมก่อนที่จะมีภาษีการรับให้ การจะโอนหุ้นไปให้คนนั้น จะซุกหุ้นไว้กับคนนี้ ยักย้ายถ่ายเทกันไปมา ก็อ้างว่าให้โดยเสน่หา ภาษีสักสลึงก็ไม่ต้องเสีย แต่พอมีการแก้ไขกฎหมายประมวลรัษฎากร เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะ หรือจากการให้โดยเสน่หาจากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส จะได้รับการยกเว้นภาษีเฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินยี่สิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น หมายความว่าลูกให้แม่ แม่ให้ลูก ถ้าเกิน 20 ล้านบาท ส่วนที่เกินต้องเสียภาษีในอัตรา 5% และในมาตรา 42 (28) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา หรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธี หรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี จากบุคคลซึ่งไม่ใช่บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส จะได้รับการยกเว้นภาษีเฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกิน 10 ล้านบาท หมายความว่าพี่ให้น้อง น้องให้พี่ ลุงให้หลานหลานให้ลุง ถ้าเกิน 10 ล้านบาท ส่วนที่เกินต้องเสียภาษี ในอัตรา 5% เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ มนุษย์มนาทั่วไปที่พอจะมั่งมีเสียหน่อย เวลาจะให้ใคร ถ้าไม่อยากจะจ่ายภาษีการรับให้ จะทยอยให้ปีละไม่เกิน 10 ล้านบาท 20 ล้านบาท ถ้าอยากจะให้ทั้งก้อนตัดจบไปเลย ส่วนที่เกินต้องจ่ายภาษีการรับให้ แบบตรงไปตรงมา 5% แต่แทนที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะทำเหมือนกับที่มนุษย์มนาทั่วไปเขาทำกัน นางสาวแพทองธาร กลับมีพฤติกรรมใช้ช่องว่างทางกฎหมายหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้ มาตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา
โดยเรื่องนี้สามารถแกะรอยได้จากบัญชีทรัพย์สินของนางสาวแพทองธาร ที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบว่านางสาวแพทองธาร เป็นลูกหนี้อยู่ 9 รายการ มูลค่าหนี้สินรวม 4,434.5 ล้านบาท พอมาดูที่รายละเอียดของเอกสาร กลับมีเอกสารแนบมาเพียงแค่ 9 แผ่น รายการละ 1 แผ่น ดังนั้น หนี้สินของนางสาวแพทองธาร ทั้ง 9 รายการที่ระบุเอาไว้ที่บัญชีทรัพย์สิน ที่มีเอกสารแนบแค่ 9 แผ่น รายการละแผ่น จึงไม่ใช่หนี้ที่อยู่ในรูปแบบของสัญญาเงินกู้แน่ๆ แต่เป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋ว PN ซึ่งเป็นหนี้สินที่แพทองธาร ชินวัตร ซื้อหุ้นจากพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ แบบซื้อเชื่อแล้วออกตั๋ว PN แทนการจ่ายเงิน
“รายงานข่าวระบุว่าตั๋ว PN ทั้ง 9 ใบนี้ เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีเงื่อนไขสุดว้าวมาก คือจะชำระเงินค่าซื้อหุ้นเมื่อทวงถาม หมายความว่าหนี้สินทั้ง 9 รายการจากการซื้อหุ้นจากพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ เป็นหนี้สินที่ไม่มีกำหนดว่านางสาวแพทองธารต้องจ่ายค่าซื้อหุ้นเมื่อไหร่ ถ้าชาตินี้ไม่มีใครทวง นางสาวแพทองธารก็ไม่ต้องจ่าย ลืมไปได้เลยว่าเคยเป็นหนี้ เพราะดอกเบี้ยก็ไม่มีใครคิด นางสาวแพทองธารไม่ต้องกังวลเลยว่าจะต้องมีภาระจ่ายดอกเบี้ยอะไร พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ ในกงสีก็เป็นเจ้าหนี้ที่แสนดีมากๆ ยอมนอนกอดกระดาษ 9 แผ่น โดยที่ไม่รู้ว่าเงิน 4,434.5 ล้านบาท จะได้คืนวันไหน" นายวิโรจน์ ระบุ
นายวิโรจน์ ชี้ว่า ถ้าตั๋ว PN ทั้ง 9 ใบ มีรายละเอียดตามข้างต้น ก็แสดงว่าการซื้อหุ้นของนางสาวแพทองธาร ในครั้งนี้ ต้องสงสัยว่ามีการใช้ตั๋ว PN เป็นเครื่องมือในการทำนิติกรรมอำพราง ทำธุรกรรมการซื้อปลอม ตบตาการได้หุ้นจากการให้ เป็นการซื้อหุ้น เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้ ที่ต้องจ่ายให้กับแผ่นดิน เป็นพฤติกรรมที่เอารัดเอาเปรียบประชาชนเอาเปรียบสังคม เม้มผลประโยชน์ของชาติ บ่อนทำลายการพัฒนาประเทศ พร้อมไร่เรียงเอกสารทั้ง 9 แผ่น ก่อนสรุปว่า "อย่างนี้ตกลงเป็นการซื้อหุ้น หรือได้หุ้นมาจากการให้ ของ ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ กันแน่"
นายวิโรจน์ ยังอธิบายจุดแตกต่างระหว่าง การได้หุ้นจากการให้ กับการซื้อหุ้น คือ ถ้านางสาวแพทองธาร ได้หุ้นมาจากการให้ของ พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ นางสาวแพทองธาร ก็ต้องเสียภาษีการรับให้ให้กับรัฐ แต่ถ้านางสาวแพทองธาร ชินวัตร ซื้อหุ้นจากพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ นางสาวแพทองธารก็ไม่ต้องจ่ายภาษีเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว และเนื่องจากหลักเกณฑ์การรับรู้รายได้ในการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะใช้เกณฑ์เงินสด ซึ่งรายได้จะถูกนับเป็นเงินได้พึงประเมิน ก็ต่อเมื่อมีการรับเงินสดจริง ดังนั้น การที่นางสาวแพทองธาร จ่ายค่าหุ้นที่ซื้อด้วยตั๋ว PN ที่ไม่ได้มีการจ่ายเงินกันจริง จะจ่ายกันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำให้พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ ไม่ต้องเสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดาเลยแม้แต่บาทเดียว และต่อให้มีการจ่ายค่าซื้อหุ้นกันในภายหลัง พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ ก็ไม่ต้องเสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดาอยู่ดี ดังนั้น หากกงสี ขายหุ้นให้นางสาวแพทองธารในราคาพาร์ หรือราคาทุน พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ ก็ไม่ต้องจ่ายภาษีรายได้บุคคลธรรมดาเลย สลึงเดียวก็ไม่กระเด็นออกจากกงสี และเมื่อคำนวณรวมแล้ว นางสาวแพทองธาร ใช้ตั๋ว PN สร้างหนี้ปลอม เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้เป็นเงินสูงถึง 218.7 ล้านบาท
นายวิโรจน์ ทิ้งท้ายว่า “…หน้าที่ของปวงชนชาวไทย ในมาตรา 50(9) ของรัฐธรรมนูญ ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า บุคคลมีหน้าที่เสียภาษีอากรตามที่กฎหมายบัญญัติ ลำพังแค่จะทำหน้าที่ในฐานะปวงชนชาวไทย นางสาวแพทองธาร ยังทำให้ดี ทำแบบตรงไปตรงมาไม่ได้ แล้วจะมีหน้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นเยี่ยงอย่างที่ดีของประชาชนคนไทยได้อย่างไร"
.และตามมาตรา 160(4) ของรัฐธรรมนูญ ระบุเอาไว้ว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมาตรา 160(5) นายกรัฐมนตรีจะต้องไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยมาตรฐานทางจริยธรรมตามมาตรา 160(5) นั้น ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 219 วรรคสอง กำหนดให้นำมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระรวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 มาใช้บังคับแก่คณะรัฐมนตรี โดยในหมวด 1 มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ข้อ 7 ต้องถือประโยชน์ประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน พฤติกรรมการหนีภาษีการรับให้ 218.7 ล้านบาท ที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบสังคม เอาเปรียบประเทศชาติ ล้วนชี้ชัดได้ว่า "บุคคลคนนี้มีจิตละโมบ ที่คอยคิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน ไม่เคยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเลย"
ข้อ 8 ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเอง หรือผู้อื่น การหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีของนางสาวแพทองธาร นี่หรือการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต พฤติกรรมแบบนี้ คือ การใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ใช้เล่ห์เพทุบาย ในการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ อย่างไม่รู้จักละอาย คิดถึงแต่ตัวเองอย่างเดียว เป็นเหลือบลิ้นไรกัดกินผลประโยชน์ของประชาชน ไม่สมควรที่จะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป
หมวด 2 มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก ข้อ 12 ยึดมั่นในหลักนิติธรรม และประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของประชาชน การจ่ายภาษีเป็นหน้าที่พื้นฐานของประชาชนทุกคนในประเทศนี้ แค่นี้นางสาวแพทองธาร ยังทำไม่ได้ ถ้าพฤติกรรมการหนีภาษีของบุคคลคนนี้ เรียกว่าอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดี แล้วถ้าประชาชน โดยเฉพาะเยาวชน เกิดไปเอาเยี่ยงเอาอย่าง ประเทศชาติ มีหวังล่มสลายแน่นอน
ข้อ 17 ไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง พฤติกรรมการหลีกเลี่ยงภาษีของ นางสาวแพทองธาร สะท้อนได้ว่าคนๆ นี้ ไม่มีความยึดมั่นในกฎหมายเลย วันๆ คิดแต่จะหาช่องหาหลืบของกฎหมาย กระทำการอย่างไร้ความละอาย เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง เอารัดเอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบประเทศชาติ นายกหนีภาษีแบบนี้ หากปล่อยให้ดำรงตำแหน่งต่อไป ไม่ใช่แค่เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง แต่ถึงขั้นเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของประเทศชาติ เราจะบอกกับประเทศอื่นๆ ยังไง ว่าประเทศไทยของเรามีนายกหนีภาษี รู้ถึงไหนอายถึงนั่น
"นิติกรรมอำพราง ที่ใช้ตั๋ว PN หนีภาษีการรับให้มูลค่า 218.7 ล้านบาท ย่อมเป็นที่ประจักษ์ว่า คนอย่างนางสาวแพทองธาร มีแต่ความทุจริตเป็นที่ประจักษ์ วันๆ เอาแต่เสาะหาช่องว่างทางกฎหมาย เพื่อตักตวงผลประโยชน์ให้กับตนเอง จุ๊บๆ จิ๊บๆ ก็เอา เล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่เว้นหนีภาษีแบบนี้ ไม่ใช่แค่เป็นนายกไม่ได้ เป็นแค่คนปกติก็ยังเป็นไม่ได้นางสาวแพทองธาร ไม่ใช่แค่ไม่มีศักดิ์ศรีที่จะลุก เดิน ยืน นั่ง ในทำเนียบรัฐบาล แม้แต่ตามถนนหนทาง ตามตรอกซอกซอย ในประเทศนี้ คนหนีภาษีอย่างนางสาวแพทองธาร ก็ไม่มีหน้าที่จะเดินหน้าตั้ง คอตรง สู้หน้าประชาชนได้อีกต่อไป" นายวิโรจน์ ระบุ.
"นายกรัฐมนตรีโดยตำแหน่งแล้ว ยังต้องดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย ผมอยากรู้จริงๆ ว่าคนหนีภาษีอย่างนางสาวแพทองธาร ยังจะกล้าแบกหน้าไปนั่งประชุมนั่งหัวโต๊ะคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติอยู่อีกหรือ"
หลังจากนี้ จะต้องมีการร้องไปที่ ป.ป.ช. มีอำนาจตามมาตรา 234 ของรัฐธรรมนูญ ในการไต่สวนและมีความเห็นต่อกรณีที่นางสาวแพทองธาร ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และพิจารณาส่งสำนวน และความเห็นของ ป.ป.ช. ไปที่ศาลฎีกาต่อไป ผมเชื่อว่าพฤติกรรมเช่นนี้ นางสาวแพทองธาร ก็ไม่รอด
นายวิโรจน์ ยังแสดงความเป็นห่วงก็แต่ สส. ที่จะยกมือไว้วางใจคนอย่างนางสาวแพทองธาร ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะในหมวด 2 ว่าด้วยมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก ข้อ 19 การคบหาสมาคมกับผู้ประพฤติผิดกฎหมาย หรือผู้มีความประพฤติ หรือผู้ที่มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ ก็อาจเข้าข่ายการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงได้เช่นเดียวกัน ถ้ามีคนไปร้อง สส.ที่ยกมือให้นางสาวแพทองธาร ก็อาจจะเข้าปิ้งตายตกตามไปด้วย
"การเสียภาษีอย่างถูกต้อง เป็นหน้าที่พื้นฐานที่สุด คนๆ นี้ ยังทำอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้ ประชาชนเขาหวังฝากความหวังไว้กับผู้นำ แต่กลับได้โจรใส่อาภรณ์ขุนนางสวมรองเท้าไข่มุก ปากที่ตัวเองเคยพูดว่ามีกินมีใช้ ไปพร้อมๆ กัน ที่แท้ก็คือการหาช่องว่างทางกฎหมายเพื่อให้มีกินกันเฉพาะกงสี ให้ได้อิ่มหมีเฉพาะตระกูล แพทองธาร ชินวัตร นายกหนีภาษี ไม่มีศักดิ์ศรีที่จะดำรงตำแหน่งต่อไปได้อีกแล้ว” นายวิโรจน์ ทิ้งท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตลอดเวลาที่นายวิโรจน์อภิปรายมีการประท้วงเป็นระยะๆ ระหว่าง สส.ฝ่ายค้าน รัฐบาล รวมถึงประธานในที่ประชุมด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เทพไท' ฟันธงเอฟเฟกต์ศึกอภิปรายมีปรับ ครม.แน่นอน!
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหาบนเฟซบุ๊ก
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ไขคำตอบว่าทำไมกองทัพจึงต้องมี 'ไอโอ'
กรณี สส.พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจประเด็นปฏิบัติการไอโอของกองทัพ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแทรกแซงการเมือง
10เม.ย.ชี้ชะตาชั้น14 หมออมรสรุปสอบชงแพทยสภา/อิ๊งค์ฉลุย319เสียงไว้ใจ
ผ่านฉลุย โหวตลงมติไว้วางใจ "แพทองธาร" ท่วมท้น 319 ต่อ 162 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง
สส.พรรคส้ม เปิดแชท! ถูกเสนอ 20 ล้าน แลกเป็นงูเห่าก่อนโหวตไม่ไว้วางใจ
สส.ระยอง พรรคประชาชน เปิดหลักฐาน อ้างถูกติดต่อเสนอเงินหลายระดับ สูงสุด 20 ล้าน แลกเป็นสส.งูเห่า โหวตหนุน ‘แพาองธาร’ และหากย้ายพรรคเพิ่มอีก 5 ล้าน พร้อมตำแหน่งและเงินเดือน 250,000 บาท!
LIVE สถานีต่อไป "คุก" !? | รายการพิเศษ ไทยโพสต์
ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ : วันพุธที่ 26 มีนาคม 2568
'สุริยะใส' วิเคราะห์ 'เพื่อไทย-ปชน.' พันธมิตรทางอุดมการณ์ ขาดสะบั้นแล้วจริงหรือ?
ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กเผยแพร่บทวิเคราะห์ “เพื่อไทย vs พรรคประชาชน: พันธมิตรทางอุดมการณ์