'แก้วสรร' ออกบทความด่วน 'น่าสงสาร...ดีเอสไอ'

6 มีนาคม 2568 - อาจารย์แก้วสรร อติโพธิ  อติโพธิ นักวิชาการด้านกฎหมาย เผผยแพร่บทความเรื่อง "น่าสงสาร...ดีเอสไอ" โดยมีเนื้อหาดังนี้

อำนาจใคร ที่ใช้รับคดีพิเศษ

ถาม   กฎหมายการสอบสวนคดีพิเศษ  กำหนดช่องทางให้คดีอาญาหนึ่งๆ เข้าเป็นคดีพิเศษไว้อย่างไรครับ

ตอบ   ตามมาตรา ๒๑ จะระบุไว้สองประตู   ประตูแรกคือ ๒๑(๑) รับไว้เพราะเป็นฐานความผิดที่กำหนดไว้ท้าย พรบ. และมีลักษณะควรแก่การสอบสวนพิเศษ  เช่น คดีซับซ้อน  คดีข้ามชาติ คดีเกิดขึ้นกว้างขวาง  คดีส่งผลกระทบความมั่นคง ฯ  คดีพวกนี้   อธิบดี ดีเอสไอ เป็นผู้พิจารณาและสั่งรับคดี   คณะกรรมการคดีพิเศษ ( กคพ.) ไม่มีอำนาจเกี่ยวข้อง  ได้แต่วางระเบียบในการคัดกรองคดีเท่านั้นว่า   ต้องมีลักษณะพิเศษอย่างไร

ถาม   ประตูที่สองคืออะไรครับ

ตอบ   เป็นความผิดนอกบัญชี   แต่ ๒๑(๒) ระบุว่า ดีเอสไอขอมติคณะกรรมการ สองในสาม  ให้เป็นคดีพิเศษได้   เช่นเห็นว่าคดีฮั้ว สว.มีความผิดฐานเป็นอั้งยี่  แต่ความผิดอั้งยี่นี้ไม่มีในท้ายบัญชีก็เลยมาขอ มติ สองในสาม ของ กคพ. ให้รับเป็นคดีพิเศษ

ถาม   แล้วในที่ประชุม วันที่ ๖ มีนาคม   กคพ.มีมติรับเป็นคดีพิเศษ หรือไม่

ตอบ   ชัดเจนว่าไม่มีมติ สองในสาม  ให้รับเป็นคดีพิเศษครับ    ไม่ทราบว่าเห็นควรไม่รับคำขอของ ดีเอสไอ แต่แรกเลย  หรือ รับแล้ว ลงมติแล้ว ได้เสียงไม่ถึงสองในสาม ผมก็ไม่ทราบ

ถาม   แต่ในที่สุดแล้วก็รับเป็นคดีพิเศษไม่ใช่หรือครับ   ผมเห็นรองภูมิธรรม  กับ รมต.ทวี   บอกว่า กคพ.มีมติเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาประชุมว่า  ดีเอสไอ มีอำนาจรับได้อยู่แล้ว   ตาม ๒๑(๑) เพราะคดีนี้มีความผิดฐานฟอกเงินอยู่ด้วยและความผิดฐานนี้ก็มีระบุอยู่ในบัญชีท้าย พรบ.ด้วย   มันหมายความว่าอย่างไรครับ  

ตอบ   หมายความว่าเรื่องนี้ กคพ.เกินกึ่งเห็นว่า อธิบดี ดีเอสไอ ทำได้เองอยู่แล้ว  มาขอเราให้ใช้เสียงถึงสองในสามทำไม  ให้เป็นปัญหา

ถาม   ตกลง เรื่องนี้รับเป็นคดีพิเศษ ด้วยอำนาจใคร

ตอบ   คณะกรรมการมีอำนาจรับเป็นคดีพิเศษ ด้วย ม.๒๑(๒) เท่านั้น   การรับตามมาตรา ๒๑(๑) ในความผิดตามบัญชีนั้น    คณะกรรมการไม่มีอำนาจมีมติใดๆ   มีเป็นแค่ความเห็น บอก ดีเอสไอ เท่านั้นว่า   เรื่องฟอกเงินนี่ คุณมีอำนาจอยู่แล้ว รับไปทำด้วยอำนาจคุณเองก็แล้วกัน

ถาม   ถ้าทำไปแล้ว อธิบดีโดน  ๑๕๗  คณะกรรมการก็ไม่โดนใช่ไหมครับ

ตอบ   อาจโดนแค่สนับสนุนเท่านั้น 

คดีนี้เป็นคดีพิเศษได้หรือไม่

ถาม   ถ้าจะเอาอย่างนี้  คดีนี้ ก็จะมีการสอบสวนสองสาย ขนานกันไป  คือ ดีเอสไอ ทำคดีฟอกเงิน และ กกต.ทำคดี ซื้อสิทธิขายเสียง อย่างนั้นหรือ

ตอบ   ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ    การกระทำเดียวผิดได้หลายบทก็จริง   แต่สอบหลายสาย ตัดสินหลายศาล ไม่ได้   ทุกฐานความผิดต้องถูกรวมฟ้องเป็นคดีเดียวเท่านั้นกฎหมาย กกต. ก็ระบุไว้แล้วว่า  ถ้าใครรับคดีเลือกตั้งไว้  กกต.ก็สั่งให้ยุติแล้วส่งคดีมาให้ กกต.ทำ ก็ได้

ถาม   ดีเอสไอเขาเถียงได้ไหมครับว่า  เขารับทำแต่คดีฟอกเงิน

ตอบ   เถียงอย่างนั้นไม่ได้   กฎหมายดีเอสไอระบุไว้เองเลยว่า  ทุกฐานความผิดที่เกี่ยวกับความผิดท้ายบัญชีให้ถือเป็นคดีพิเศษด้วย   การรับคดีข้อหาฟอกเงิน  จึงเป็นการรับคดีซื้อสิทธิขายเสียงด้วยในตัว  

ยิ่งไปกว่านั้น  ข้อหาฟอกเงินในครั้งนี้   มันเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงินได้   มันต้องผ่านข้อหาซื้อสิทธิขายเสียงก่อนเท่านั้น    ดีเอสไอทำเรื่องฟอกเงินในคดีนี้เมื่อไหร่   ก็ต้องทำคดีซื้อสิทธิขายเสียงด้วยเสมอ   ทำแล้วก็ต้องฟ้องซื้อสิทธิขายเสียงด้วย   เพราะกฎหมายดีเอสไอ บอกว่าให้ถือเป็นคดีพิเศษด้วย

ถาม   สรุปแล้วเป็นการใช้อำนาจซ้อนอำนาจ กกต.อย่างชัดเจน ใช่มั้ยครับ

ตอบ   ถูกต้องครับ   มันเป็นเรื่องจะเอาให้ได้ในฐานอั้งยี่  แต่เมื่อเสียงไม่ถึงสองในสาม  ก็เลยให้ ดีเอสไอลุยเอง  ในฐานฟอกเงิน  ซึ่งไม่ว่าจะความผิดฐานไหน มันก็ซ้อนอำนาจ กกต.จนทำไม่ได้อยู่ดี   

ที่สำคัญ  ต้องไปดูมาตรา ๗๗ ของ กฎหมายเลือกตั้ง สว.ให้ดีๆว่า ที่เขาระบุให้การซื้อสิทธิขายเสียงผิดฐานฟอกเงินด้วยนั้น    มาตรานี้เขาบัญญัติชัดเจนนะครับว่า “เมื่อปรากฏความผิดฐานซื้อสิทธิขายเสียงนี้ ก็ให้คณะกรรมการ กกต.มีอำนาจส่งเรื่องให้ คณะกรรมการ ปปง ดำเนินคดีฟอกเงินต่อไป ”    

มันชัดเจนนะครับว่าข้อหานี้มันต้องเริ่มด้วย กกต. แล้วส่งไป ปปง.เท่านั้น

ผมว่า ในดีเอสไอเขาคงเห็นมาตรา ๗๗ นี้ขวางทางอยู่เหมือนกัน  ถึงเลี่ยงจะไปเอาผิดฐานอั้งยี่ด้วยอำนาจใหญ่ของคณะกรรมการ   แต่วันนี้บักหำน้อยนี้ กลับถูกดีดกลับมาให้เป็น Home alone ลุยเองอีก

ถาม   อาจารย์ไม่เห็นช่องที่ ดีเอสไอจะถือบัตรพิเศษสอดเข้ามา ในงานนี้ได้เลยใช่มั้ยครับ

ตอบ   น่าสงสารครับ  ผมเห็นแต่ประตูคุกรำไรๆ รออยู่เท่านั้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ดีเอสไอ' หิ้ว 3 นอมินี บ.ไชน่าเรลเวย์ฯ ฝากขัง ก่อนศาลให้ประกันคนละ 3 แสน

พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ควบคุมตัวนายประจวบ ศิริเขตร นายมานัส ศรีอนันท์ และนายโสภณ มีชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาในคดีที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ ของคนต่างด้าว

'ดีเอสไอ' เค้นสอบนาน 10 ชั่วโมง 3 คนไทย 'นอมินี' ถือหุ้น บ.ไชน่าเรลเวย์ฯ

“ดีเอสไอ" หิ้ว ”3 นอมินีคนไทย บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ” ฝากขังศาลอาญา หลังสอบเดือด 10 ชม. ทั้งหมดล้วนปัดความร่วมมือให้ปากคำ บางช่วงบางตอนงงคำถาม ต้องให้ทนายช่วยอธิบาย ขณะที่ “โสภณ มีชัย“ ผู้ถือหุ้น บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ กว่า

ระทึก! 'ทวี' เผยคดีฟอกเงิน 'ฮั้วเลือกสว.' คืบหน้ามาก คาด DSI สรุปสำนวนจะส่งฟ้อง จับกุม หรือไม่สิ้นเดือนนี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.)ในส่วนของคดีฟอกเงิน ที่อ

เปิดพฤติการณ์ 3 คนไทย 'นอมินี' บ.ไชน่าเรลเวย์ฯ พบเป็นอดีตคนขับรถ-ยกของ

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก น.ส.เนรัญชรา กอมะณี พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำตัวนายชวนหลิง จาง อายุ 42 ปี ชาวจีน ผู้ต้องหาในข้อหา

3 คนไทย 'นอมินี' ถือหุ้น บ.ไชน่าเรลเวย์ฯ เข้ามอบตัวดีเอสไอ ส่งฝากขังศาล

3 นอมินีคนไทย บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ มานัส-ประจวบ-โสภณ ดอดมอบตัว ”ดีเอสไอ" หลังศาลอาญาออกหมายจับคดีนอมินี ด้านชุดสอบสวนฯ เตรียมเค้นประเด็นสอบเข้ม ปมนั่งนอมินีถือหุ้นอำพราง