
4 มี.ค. 2568- เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติเรื่องขอเสนอให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย ของพล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว.ในฐานะประธานคณะกรรมมาธิการ (กมธ.) กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เสนอญัตติ เรื่อง ขอเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้นก่อนเข้าญัตติ นายบุญส่ง แจ้งต่อที่ประชุมว่า ขอให้สมาชิกระมัดระวังในการอภิปราย เพราะมีบางเรื่องอาจจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเรียบร้อยแล้ว ไม่ให้อภิปรายไม่สุภาพใส่ร้ายหรือเสียดสีบุคคลใด หรืออกชื่อสมาชิกหรือบุคคลใดโดยไม่จำเป็น เพราะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์รัฐสภา จึงขอให้สมาชิกใช้ความระมัดระวังด้วย
จากนั้นพล.ต.ต.ฉัตรวรรษ เสนอญัตติ ว่า ตามรัฐธรรมนูญ 69 กำหนดให้รัฐพึงจัดระบบการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมทุกด้านให้มีประสิทธิภาพเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ และให้รัฐพึงมีมาตรการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรม ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยเคร่งคัด ปราศจากการแทรกหรือครอบงำใดๆ ซึ่งจากการพิจารณาถึงกระบวนการยุติธรรมและการใช้กฎหมาย ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยยังขาดประสิทธิภาพมีความล่าช้าในการดำเนินคดี มีการแทรกแซง และครอบงำจากฝ่ายการเมือง ในการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะการดำเนินคดีพิเศษของกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินคดีความผิดทางอาญาที่มีความซับซ้อนและมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือระบบเศรษฐกิจการคลังของประเทศความผิดทางอาญาที่มีลักษณะเป็นการกระทำผิดข้ามชาติที่สำคัญ หรือเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม ความผิดของผู้ทรงอิทธิพลที่สำคัญเป็นตัวการผู้ใช้หรือผู้สนับสนุนในความผิดทางอาญา ที่พนักงานสอบสวนหรือตำรวจ ซึ่งไม่ใช่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษหรือเจ้าหน้าที่พิเศษเป็นผู้ต้องสงสัย เช่นคดีทุจริตคอร์รัปชั่น ฟอกเงิน ยาเสพติด คดีที่เกี่ยวข้องกับการเงินการลงทุน การกระทำความิดข้ามชาติ ลักลอบเข้าเมือง เป็นต้น
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวต่อว่า ในการดำเนินคดีพิเศษที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการยุติธรรมที่ยังขาดประสิทธิภาพมีการดำเนินการล่าช้าไม่สามารถทำให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษได้อย่างแท้จริง รวมทั้งไม่สามารถป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดและปกป้องรักษาผลประโยชน์ของรัฐและประชาชนได้ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของสังคมว่ากระบวนการยุติธรรมไม่อาจเป็นที่พึ่งได้เช่นการดำเนินคดีกับในทุนจีนสีเทาในข้อหายาเสพติดฟอกเงินและการมีส่วนร่วมขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติการดำเนินคดีความผิดตามกฏหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนานและเป็นปัญหาสำคัญที่มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ การสืบสวนสอบสวนความผิดดังกล่าวต้องอาศรัยความรู้ความชำนาญในการรวบรวมพยานหลักฐานโดยเจ้าหน้าที่มืออาชีพ เพื่อให้พยานหลักฐานครบถ้วนสามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฏหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในการดำเนินการกระบวนการที่ทำยังมีปัญหาในการบังคับกฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น กรณีให้สิทธิ์แก่ผู้ต้องขังในการได้รักสาพยาบาลอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใสไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยผู้ต้องขังบางคนได้รับสิทธิ์พิเศษในการเข้ารักษาพยาบาลพิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่น
สว.ผู้นี้ยังกล่าวว่า ในส่วนของคดีอุยกูร์ ซึ่งเป็นความผิดลักษณะกระทำความผิดข้ามชาติ หรือการกระทำขององค์กรอาจชญากรรมที่สำคัญเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ มีการดำเนินการที่ไม่โปร่งใสขาดความชอบธรรม เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จนถูกประณามจากองค์กรต่างๆระหว่างประเทศ ซึ่งก่อให้เกิดการก่อการร้ายตามมาได้ จึงเห็นว่าการดำเนินการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ขาดความรอบคอบในการพิจารณาดำเนินการตามหลักสากล ขาดความรู้ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซึ่งจะนำมาซึ่งความเสียหายกับประเทศชาติได้ในอนาคต
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า ในกรณีการได้มาของสว.ปี 67 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อธิบดีดีเอสไอ ร่วมกันแถลงข่าวจงใจกลั่นแกล้งกล่าวหาว่าการได้มาของส.ว.มีการฮั้ว เป็นอั้งยี่ และกระทำผิดฟอกเงิน และเป็นความผิดความมั่นคงของชาติ ทำให้สว.ได้รับความเสียหายเสียชื่อเสียงว่าได้รับตำแหน่งมาโดยไม่ชอบทำโดยการสมยอม รวมหัวกันเพื่อให้ได้เป็นสว.โดยไม่สุจริตและโปร่งใส ถือว่าเป็นการใส่ความต่อบุคคลที่ 3 ทำให้ผู้นั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ซึ่งฝ่ายกฎหมายวุฒิสภากำลังพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวต่อว่า ในการกล่าวหาให้ข่าวกับสื่อมวลชนในลักษณะเหมาเข่ง ทั้งๆ ที่อธิบดีดีอเอสไอ มีอำนาจตามกฏหมายอาญาและ พ.ร.ป.คดีพิเศษ สามารถดำเนินการได้หากพบว่ามีพยานหลักฐานมากเพียงพอที่จะสืบสวนสอบสวน แต่กลับกันอธิบดีดีเอสไอพยายามที่จะทำให้เป็นคดีพิเศษ โดยเฉพาะการเสนอต่อคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ (คกพ.) แต่การประชุมที่ผ่านมาเกิดปัญหาโรคเลื่อน อ้างว่ายังไม่ได้นำเข้าการพิจารณาประชุมของอนุฯกลั่นกรอง จะเห็นได้ว่าการทำงานของอธิบดีดีเอสไอ ขาดความรอบคอบในการที่จะนำเสนอเรื่องเข้าบอร์ดพิจารณา ทั้งที่มีอำนาจหน้าที่ที่จะกระทำได้ แต่ยังนำเรื่องเพื่อให้บอร์ดพิจารณาให้ตนเองมีอำนาจหน้าที่ ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าว่ากรณีการได้มาของ สว.เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
เขากล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอธิบดีดีเอสไอยังได้แถลงข่าวเป็นรายวัน เพื่อขอความชอบธรรมจากสังคม ที่จะดำเนินการสอบสวน จัดให้มีการรับเรื่องร้องเรียนเป็นรายวัน เพื่อให้เห็นว่ามีผู้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากเป็นวงกว้างทั่วประเทศ มุ่งหวังให้สังคมเห็นว่าการได้มาของสว. ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม การกระทำดังกล่าวมีการล็อกเป้าหมายในการดำเนินคดี โดยอ้างว่ามีกลุ่มส.ว. 138 + 2 ซึ่งตัวเลขนี้ก็ไม่ทราบว่าจะสามารถเปิดเผยหรือดำเนินคดีตามอำนาจหน้าที่ได้หรือไม่ จึงสงสัยว่าการสืบสวนสอบสวนนี้สามารถล็อกเป้ากลุ่ม สว.โดยแยกประเภทสีได้อย่างไร โดยเฉพาะการมุ่งเน้นมาที่สีน้ำเงิน
“วันนี้ผมใส่เสื้อสีน้ำเงินมาเพื่อขออภิปราย พร้อมที่จะรับแจ้งข้อกล่าวหาจากอธิบดีดีเอสไอ พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากท่านมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ท่านเคยได้ยินไหมครับ 0 มีค่ามากกว่า 1 นักคณิตศาสตร์ระดับโลกยังคิดไม่ได้ แต่มีผู้นำทางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศไทยสามารถที่จะคิดได้ ในการที่จะทำให้ 0 มีค่ามากกว่า 1 และได้จำนวน สว.เข้ามาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตรงนี้มีเพื่อนสมาชิกที่ได้ไปพักโรงแรมใกล้กับอิมแพค เมืองทองธานี ได้พบเห็นมีการปิดห้องประชุมรับมีผู้เข้าประชุมประมาณ 400 คน มีการแจกจ่ายเอกสารหมายเลขที่จะให้เลือก ลักษณะเช่นนี้อธิบดีดีเอสไอ ท่านรู้หรือไม่ ได้รับการร้องเรียนหรือไม่ ท่านพอจะมีข้อมูลทำการสืบสวนเพื่อเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ ผลสุดท้ายจากการดำเนินการก็ได้ตัวเลขออกมาที่น่าสนใจคือ 21 + 24 คล้ายครึ่งกับตัวเลข 138 + 2 เพราะฉะนั้น ผมฝากปัญหาว่า 2 ตัวเลขชุดนี้ท่าน อธิบดีดีเอสไอ สามารถสืบสวนสอบสวนตามที่ท่านกล่าวหาเป็นการอั๊งยี่ฟอกเงินหรือไม่” พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าว
จากนั้นได้เปิดให้สมาชิกอภิปรายอย่างกว้างขวางต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'รมว.ยธ' โยนถาม DSI สอบปม MOU บ.สแกนม่านตา หลังอดีตปลัดดีอีให้การฝ่ายการเมืองสั่ง
รมว.ยุติธรรม โยนถาม ดีเอสไอ หลังเรียก สอบปม MOU กระทรวงดีอี-บ.สิงคโปร์ สแกนม่านตา หลังอดีตปลัดดีอีให้การ ฝ่ายการเมืองสั่ง ยํ้า เรื่องนี้น่าเป็นห่วง เพราะกระทบ ปชช.หลายคน
'ไชยชนก' แย้ม 'DSI' มีข้อมูลโยง 2 นักการเมือง ปม MOU บ.สแกนม่านตา
'ไชยชนก' ชี้หน้าที่ 'ดีเอสไอ' สอบสวน หลังพบข้อมูลนักการเมือง 1-2 คน เอี่ยว MOU กระทรวงดีอี-บ.สิงคโปร์ สแกนม่านตา โยงฟอกเงินดิจิทัล
คดีค้างอื้อ! เบรกสว.สีน้ำเงินลงมติห็นชอบ ชี้ขัดกันแห่งผลประโยชน์
สว.อิสระค้าน พุธนี้สภาสูงลงมติเห็นชอบป.ป.ช.-ตั้งกมธ.สอบประวัติว่าที่กกต. ยกเหตุเพื่อป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หลังสว.เกินครึ่งมีเรื่องค้างที่ตึกป.ป.ช.-กกต.
สภาสูงโหวต ป.ป.ช.ใหม่ 2 ชื่อพุธนี้ วัดใจ 'สว.สีน้ำเงิน' ชี้รอดหรือร่วง
สภาสูงโหวต ป.ป.ช.ใหม่สองชื่อพุธนี้ วัดใจ สว.สีน้ำเงิน ให้ผ่านหรือตีตก สองบิ๊กตุลาการ พ่วงตั้งกมธ.สอบประวัติฯ ว่าที่กกต.ใหม่สองคน พบแบ็คกราวด์ไม่ธรรมดา แน่นปึ๊กสีน้ำเงิน
'อนุทิน' ระวัง! ติดกับดักตัวเอง ปมคำถามประชามติ
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี วางกับดักตัวเอง ในการส่งคำถามประชามติของคณะรัฐมนตรี
DSIประเดิมเชือด8ราย ส่งอัยการฟ้องคดีฮั้วสว.
"ดีเอสไอ" สรุปสำนวน "คดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว." ให้อัยการคดีพิเศษเชือดล็อตแรก 8 ราย

