
ศึกซักฟอกที่จะเริ่มขึ้นใน วันที่ 24 มีนาคมนี้ กำลังเป็นที่จับตามองจากทุกฝ่าย หลังจากที่พรรคประชาชน ในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้านได้ตัดสินใจ “เปลี่ยนเกม” จากการหว่านแหอภิปรายรัฐมนตรีหลายกระทรวง มาเป็นการเปิดปฏิบัติการ “ขึงพืด” นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร กลางสภา
การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล ตรงกันข้าม เป็นกลยุทธ์ที่วางแผนมาอย่างดี โดยเฉพาะในการเจาะจงประเด็นที่จะกระทบต่อความมั่นคงของรัฐบาล
ปฏิบัติการนี้ถือเป็นการกดดันรัฐบาลในระดับที่สูงขึ้นจากการอภิปรายทั่วไป ไม่เพียงแต่กระจายความสงสัยไปทั่ว แต่การอภิปรายจะเน้นเจาะลึกลงไปที่การทำงานของหัวรัฐบาลที่แท้จริงอย่าง “แพทองธาร”
พรรคประชาชนในฐานะแกนนำฝ่ายค้าน อ่านเกมออกว่า การเลือกจับจ้องไปที่ตัวของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังจะเปิดช่องให้ได้ตั้งคำถามถึงโครงสร้างอำนาจที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลชุดนี้โดยตรง นั่นคือ การที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ยังคงเป็นผู้มีอำนาจที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของรัฐบาลแทบทุกด้าน
การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปิดโปงการทำงานของรัฐบาลในแง่มุมทั่วไป แต่เป็นการท้าทายความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งของ “แพทองธาร นายกรัฐมนตรี” โดยเฉพาะภายใต้เงาของผู้เป็นพ่ออย่าง “ทักษิณ” ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า “แพทองธาร” เป็นแค่ตัวแทนที่ถูกวางตัวขึ้นมาให้ทำหน้าที่เหมือนกับหุ่นเชิด
เชื่อว่าฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคประชาชนภายใต้การนำของ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ต้องการจะชี้ให้ประชาชนเห็นถึงความจริงที่ว่า “แพทองธาร” ไม่ได้เป็นผู้นำรัฐบาลอย่างแท้จริง แต่กลับเป็นแค่ “หน้ากาก” ของคนที่มีอำนาจเบื้องหลังอย่างทักษิณ ซึ่งยังคงมีอิทธิพลในการตัดสินใจสำคัญ ๆ ทั้งในระดับนโยบายและการบริหารงาน
แนวทางการอภิปรายในครั้งนี้ คาดว่าฝ่ายค้านจะพยายามบีบให้ “แพทองธาร” ต้องเผชิญกับคำถามที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นคำถามเรื่องความสามารถในการบริหารงานของเธอ หรือเรื่องบทบาทที่มีในการตัดสินใจเชิงนโยบาย ซึ่งหากเลือกที่จะตอบเอง ก็อาจต้องเผชิญกับการไล่ต้อนจากข้อมูลที่ฝ่ายค้านเตรียมไว้ แต่หากเลือกที่จะให้รัฐมนตรีคนอื่นช่วยตอบแทน ก็จะยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ว่า “แพทองธาร” ไม่มีความเป็นผู้นำที่พอเพียง
อีกหนึ่งประเด็นที่คาดว่าจะเป็นจุดสำคัญในการอภิปรายครั้งนี้คือ การเชื่อมโยงถึงการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับทักษิณ รวมถึงกรณี “ป่วยทิพย์ชั้น 14” ที่ฝ่ายค้านจะพยายามโยงให้เห็นการเอื้อประโยชน์จากรัฐบาลชุดนี้ในการปกป้อง “ทักษิณ” โดยไม่ต้องรับโทษแม้แต่วันเดียว
ข้อมูลที่ฝ่ายค้านมีคือ การตัดสินใจหลายประการของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจด้านนโยบายเศรษฐกิจ การแต่งตั้งรัฐมนตรี-ข้าราชการระดับสูง ล้วนมีความเชื่อมโยงกับ "ทักษิณ" ไม่ว่าจะเป็นการให้ความช่วยเหลือหรือการตัดสินใจที่เอื้อต่อผลประโยชน์ของทักษิณ
สิ่งที่ฝ่ายค้านต้องการจะเน้นย้ำคือว่า "แพทองธาร" มีอำนาจในการบริหารประเทศจริงหรือไม่? หรือว่าเธอแค่เป็น “หุ่นเชิด” ที่ถูกวางตัวให้แสดงบทบาทผู้นำ ในขณะที่ผู้มีอำนาจที่แท้จริงยังคงเป็นทักษิณ
การอภิปรายครั้งนี้แน่นอนว่าจะไม่ราบรื่นสำหรับฝ่ายค้าน เพราะจะมี “องครักษ์พิทักษ์แพทองธาร” ที่มาจากพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลบางส่วน ที่จะลุกขึ้นประท้วงทุกครั้งที่มีการกล่าวถึงนายกรัฐมนตรี
แต่อย่างไรก็ตาม การปกป้องนี้อาจกลายเป็นอุปสรรคที่ฝ่ายค้านพร้อมจะใช้ในการทุบกระแสความอ่อนแอของรัฐบาล ซึ่งยิ่งทำให้เห็นว่า รัฐบาลกำลังเผชิญกับปัญหาความชอบธรรมในการบริหารประเทศที่ไม่ได้ชัดเจน
การอภิปรายครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นแค่เวทีการตรวจสอบรัฐบาลที่แสดงออกผ่านการถามคำถามจากฝ่ายค้าน แต่เป็นการเปิดปฏิบัติการในเชิงยุทธศาสตร์ที่ฝ่ายค้านตั้งใจจะใช้เพื่อล้มล้างความเชื่อมั่นในรัฐบาล โดยพรรคประชาชนมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่คือการทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลนี้สั่นคลอน เพื่อเปิดทางในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ในวันนี้ (27 กุมภาพันธ์) พรรคประชาชนได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อประธานสภา ซึ่งจะได้รับการบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระและเริ่มการอภิปรายในวันที่ 24 มีนาคมนี้
เวทีซักฟอกครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การตรวจสอบรัฐบาลในด้านต่าง ๆ แต่เป็นการเปิดปฏิบัติการขึงพืดนายกรัฐมนตรีกลางสภา พร้อมทั้งการท้าทายการดำรงอยู่ของอำนาจที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลนี้ ซึ่งเชื่อมโยงถึง “ทักษิณ ชินวัตร” ในฐานะผู้ที่ยังคงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของการเมืองไทย
เกมนี้ ฝ่ายค้านเดิมพันสูง และรัฐบาลต้องเตรียมตัวรับแรงกระแทกที่อาจทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอนอย่างไม่คาดคิด ซึ่งอาจจะทำให้การต่อสู้ในสภาครั้งนี้ กลายเป็นการเปิดทางให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประชาคมแพทย์ชี้ 'ประชาธิปัตย์' เผาสะพานจริงสะเทือนแผนรัฐบาลส้มแดงแป้ง!
เพจประชาคมแพทย์ได้โพสต์ในลักษณะบทความ
'ชูวิทย์' งง 'พรรคส้ม' ย้อนแย้ง กับความฝันเรื่องการเมืองใหม่ แต่กลับไปได้ของเก่ากว่าเดิม
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตส.ส.และอดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ความย้อนแย้งของการเมืองใหม่
อดีตพรรคส้มโวย ถูกถอดชื่อว่าที่ผู้สมัคร สส. รับไม่ได้ลาออกทันที
อดีตสมาชิกพรรคประชาชน จ.กระบี่ เปิดใจ หลังถูกถอดชื่อออกจากบัญชีว่าที่ผู้สมัคร สส. ทั้งที่ประกาศชื่อผ่านสื่อแล้ว ชี้คำอ้างผิดพลาดฟังไม่ขึ้น ลาออกพรรค พร้อมเตรียมซบพรร
‘ทหารมีไว้ทำไม’ คำถามเก่าที่ตามหลอนพรรคส้ม!
สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้บทบาทกองทัพและประเด็นความมั่นคง กลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมอย่างชัดเจน
ชูวิทย์ ฟันธงเลือกตั้งครั้งหน้าคนเท ‘พรรคส้ม’
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสส. หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ
‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง
ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ

