'นายกฯอิ๊งค์' ย้ำทุกภาคส่วนต้องร่วมมือพัฒนาศก.ไทย ขอ 'แบงก์ชาติ' ลดดอกเบี้ย บอกเงินเฟ้อยังไม่มากทำได้ เร่งแก้หนี้ครัวเรือนให้จบปลาย มี.ค. ชี้การเปลี่ยนแปลงต้องมีคอมเมนต์
19 ก.พ.2568 - ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เชื่อมั่นประเทศไทย”
น.ส.แพทองธาร กล่าวปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งว่า เป็นโอกาสอันดีที่ได้มาเล่าให้ประชาชนฟังว่าเรากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง ประเทศของเราผ่านอะไรมาบ้างและเจออะไรมาบ้าง ต่างประเทศมองเราอย่างไรและเรามีแผนอะไรต่อไปในอนาคต ตลอดปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้เผชิญกับปัญหาและความท้าทายต่างๆมากมาย เศรษฐกิจยังไม่มีเงินในระบบ ยังฝืดเคือง แต่มีสัญญาณที่ดีมาในปลายปีที่แล้วเศรษฐกิจมีตัวเลขจีดีพี ปี 2567 ขยายตัวขึ้น2.5% มากกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 2% จากปี 2566 การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเกิดผล การบริโภคภายในขยายตัว ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากมาตรการฟรีวีซ่า และความเชื่อมั่นในการดูแลนักท่องเที่ยว และในปี 2568 รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้จีดีพีเติบโตขึ้นที่ 3% โดยที่แรงขับเคลื่อนที่สำคัญของการลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มมาคือ การใช้จ่ายของประชาชน และภาครัฐต้องขับเคลื่อนงบลงทุน แต่การนำตัวเลขเศรษฐกิจไทยเทียบกับประเทศต่างๆ ในอาเซียนว่ามีตัวเลขที่ต่ำที่สุด มองว่ายังดูปัจจัยไม่ครบทั้งภายในภายนอก เช่น ประเทศเพื่อนบ้านมีการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องแต่ของไทยไม่ได้มีการพัฒนามาหลายปี สภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจหลายอย่างไม่เพียงพอธนาคารยังปล่อยกู้ไม่มากพอ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง ส่งผลให้เกิดการฝึดเคืองทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่ถือเป็น 75% ของประเทศ หากกลุ่มนี้ยังไม่มีสินเชื่อมาพัฒนาเศรษฐกิจของเขา ก็จะยังไม่มีการพัฒนาและขยายตัว ก็ต้องขอความช่วยเหลือช่วยกันทุกภาค
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า งบประมาณของรัฐยังไม่เพียงพอและจะถูกใช้ไปกับรายจ่ายประจำตนบอกทุกคนว่าให้รัดเข็มขัด ในเรื่องของงบประมาณ แต่เราต้องทำเรื่องการลงทุนควบคู่ไปด้วย ทำให้เม็ดเงินต่างๆเกิดประสิทธิภาพสูงสุดเป็นสิ่งที่ต้องจัดการให้ดีไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาในอนาคต และวันนี้เพดานกู้แทบไม่เหลือ รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศเจอปัญหาเหล่านี้ แต่พยายามหาทางออกในมุมต่างๆ ยังไม่ได้ทำการตลาดจุดแข็งของประเทศเพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ พอการลงทุนจากต่างชาติหรือเม็ดเงินจากต่างประเทศไม่เข้ามา การขยับเป็นไปได้ยากมากยิ่งขึ้น ปัญหาเหล่านี้ต้องใช้เวลาตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ก็พยายามดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เสนอทำตลาดดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติทำให้ยอดการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 35% หรือประมาณ 1.14 ล้านๆบาท คิดเป็น5% ของจีดีพี เป็นสิ่งที่ขยับและเห็นผล โดยจะเร่งให้เม็ดเงินเหล่านี้เข้าสู่ระบบ รวมถึงมีมาตรการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อเพื่อเอสเอ็มอี การดึงอุตสาหกรรมใหม่เข้าประเทศ การสร้างสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยวางแผนจะทำในทุกจังหวัดให้ประเทศไทยไม่มีโลซีซั่น และมาตรการเร่งด่วนรัฐบาลได้พูดคุยและอยากจะขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ต่างๆที่มีกำไรเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องด้วยการปล่อยกู้ให้กับคนไทยให้มีสภาพคล่องให้การพัฒนาธุรกิจของตัวเอง และอีกเรื่องคือขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาลดดอกเบี้ยเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน ซึ่งเรื่องนี้สามารถทำได้เพราะเงินเฟ้อยังน้อยอยู่
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า รัฐบาลมีมาตรการแก้ปัญหาหนี้สินต่างๆออกมา เช่น หนี้สินครัวเรือนที่เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ รัฐบาลได้ทำโครงการคุณสู้ เราช่วย มุ่งช่วยเหลือหนี้สินเชื่อบ้าน รถยนต์ และธุรกิจเอสเอ็มอี ตัวเลขสำหรับการแก้หนี้ครัวเรือนและผู้ประกอบการรายย่อยตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา มีการยกหนี้รายย่อยไปแล้วกว่า 8.3 แสนบัญชี ทำให้ลูกหนี้กลุ่มนี้หลุดออกจากการติดเครดิตบูโรสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอีกครั้ง ก็สานต่อเรื่องนี้มีกลุ่มลูกหนี้ค้างอยู่ 2.6 แสนบัญชี จะทำให้จบในวันที่ 15 มี.ค.นี้ และยังขอให้กระทรวงการคลังหารือกับแบงก์ชาติพัฒนาโครงการคุณสู้ เราช่วย ให้ครอบคลุ่มถึงกลุ่มลูกหนี้เข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งมาตรการน่าจะออกมาปลายเดือนมี.ค.นี้
นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้รัฐบาลจะผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ของฝั่งอ่าวไทยและอันดามันเพื่อจุดประสงค์ในการลดระยะเวลาการขนส่งสินค้า และจากการที่ตนไปเยือนจีนมา เขาได้สนับสนุนในเรื่องนี้ เขาขอข้อมูลเพิ่มเติม และสนใจเรื่องการลงทุนด้วย นี่เป็นสิ่งที่เราต้องทำต่อ นี่ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จีนให้ความสนใจ และจากการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดสงขลา ยังมีคำถามว่าเราจะสนับสนุนโครงการแลนด์บริดจ์อย่างไรและมีคนมาต่อต้าน อันนี้ไม่แปลกเมื่อประเทศของเราจะมีการเปลี่ยนแปลง มีการเพิ่มเติม จะต้องมีคนมาคอมเม้นต์ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย นั่นคือระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว รัฐบาลตระหนักถึงข้อนี้ดีและพร้อมรับฟังทุกคน และต้องการมีเวลาอธิบายว่าทำไมโครงการใหญ่ๆอย่างนี้ถึงต้องการสนับสนุนต่อ
นายกฯ กล่าวอีกว่า รัฐบาลตระหนักถึงปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อันนี้เป็นปัญหาที่ฟังดูแล้วยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ประชาชนที่ถูกหลอกหมดตัว บางคนถึงขั้นจบชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป และจากที่รัฐบาลมีการตัดไฟและการขนส่งน้ำมันไปยังเมียนมา เรื่องนี้ได้รับคำชมจาก นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประโยคแรกเลยว่ารัฐบาลจัดการได้เด็ดขาด และทางจีนพร้อมให้ความร่วมมือเข้ามาช่วยเหลือเรื่องนี้ต่ออย่างจริงจังและเป็นรูปแบบ ซึ่งดีมากที่เราสามารถช่วยกันในเรื่องนี้ได้ โดยตอนที่เราตัดไฟไปมีตัวเลขออกมาที่เป็นผลจากการกดดันของรัฐบาลไทย ทำให้ทางฝั่งเมียนมาปล่อยตัวส่งคืนเหยื่อที่ไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 300 กว่าคน แต่ก็ยังมีอีกประมาณ 7,000 คนที่รอการปล่อยตัว ซึ่งตอนนี้กำลังคุยกันอยู่ระหว่างประเทศ โดยมีรายงานว่าใช้ไฟฟ้าลดลง 40% นี่ถือเป็นความสำเร็จอย่างมาก
นายกฯกล่าวต่อไปว่า ท้ายที่สุดอยากย้ำในเรื่องความเชื่อมั่นของประเทศไทย แน่นอนว่ารัฐบาลเต็มที่เพื่อให้ประเทศไทยเกิดความเชื่อมั่นทั้งต่างประเทศและคนในประเทศ ซึ่งความเชื่อมั่นทั้งหมดนั้นไม่ได้มาจากรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว แต่มาจากความร่วมมือทุกภาคส่วน ขอเพิ่มเติมว่าการที่เราสามารถติดต่อกับต่างประเทศ ความร่วมมือเรื่องคอลเซ็นเตอร์ เป็นเรื่องของรัฐบาลกับรัฐบาลด้วยกันติดต่อประสานงานกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เราไม่สามารถผิดขั้นตอนข้อตกลงระหว่างประเทศ (โปรโตคอล) เช่นบางทีตนโดนถามเรื่องต่างประเทศ ก็ยังไม่สามารถตอบได้ทันทีเพราะว่าสิ่งที่เป็นโปรโตคอล เขาจะนับว่าตัวนายกฯและรมว.การต่างประเทศไม่ว่าจะพูดอะไร สัมภาษณ์ที่ไหน สิ่งนั้นจะถือเป็นสิ่งที่ใช่แล้วตกลงแล้ว นี่คือสิ่งที่จำเป็น
นายกฯ กล่าวด้วยว่า จะเดินสายต่อเพื่อดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามา อย่างไรก็ตามจีดีพีของประเทศ หรือความเป็นอยู่ของประชาชน ก็ต้องค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับอย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนมีความเชื่อมั่น มีกำลังใจว่ารัฐบาลเห็นทุกปัญหาของทุกพื้นที่ และพร้อมสนับสนุนประชาชนและภาคเอกชนอย่างเต็มที่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ชัยชนะ' เผย ปชป. ถก 26 มี.ค. เคาะมติโหวตนายกฯ ปัดตอบแทน '3 อดีตหน.'
'ชัยชนะ' ชี้ผู้นำฝ่ายค้านพูดเรื่องเก่า แนะก้าวข้าม ย้อน ปชน. มีผู้นำจิตวิญญาณไม่ต่างจาก พท. เผย ปชป.ประชุม 26 มี.ค. เคาะมติโหวตนายกฯ ปัดตอบแทน '3 อาวุโส' ของพรรค
'เท้ง' เปิดฉากซักฟอก 'อิ๊งค์' ซัดทำไทยมีนายกฯ 2 ระบบ ตกต่ำยิ่งกว่ารัฐบาล คสช.
เปิดฉากอภิปรายไม่ไว้วางใจ 'วันนอร์' แจงกติกา เตือนระวังอภิปรายพาดพิงคนนอก 'ผู้นำฝ่ายค้าน' จั่วหัวร่ายยาว ซัด 'แพทองธาร' ปล่อยคนในครอบครัวชักใย ชี้ไทยมีนายกฯนอกระบบ-ในระบบ ดีลแลกประโยชน์เจ้าสัว
'นายกฯอิ๊งค์' ยิ้มแย้ม ลั่นหลับสบายไม่ตื่นเต้น 'พ่อแม้ว' โทรให้กำลังใจ สแตนด์บายตลอด
'อิ๊งค์' ยิ้มแย้ม เข้าสภาตอบซักฟอก บอกหลับสบาย ไม่ตื่นเต้น เผย 'ทักษิณ' ยกหูให้กำลังใจ พร้อมสแตนด์บายซัพพอร์ต หลังติวเข้มเน้นประเด็นเศรษฐกิจ
ย้อนประวัติศาสตร์การเมืองไทย! จับตา 'อิ๊งค์' จะซ้ำรอยใคร
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ซักฟอกนายกฯ คนเดียว จะซ้ำรอยใคร?
‘แม้ว’ การันตี ‘แพทองธาร-ฮุนมาเนต’ เพื่อนกันรุ่นพ่อรุ่นลูก อย่าหวั่นสถานการณ์ชายแดน
‘แม้ว’ ยัน ‘แพทองธาร-ฮุน มาเนต’ จูนกันได้ เพื่อนกันทั้งรุ่นพ่อ-รุ่นลูก ขอ อย่าหวั่นไหวสถานการณ์ชายแดน บอกฝ่ายค้านกัมพูชามักยุให้ตีกัน