ดูชัดๆ 10 ข้อสรุป 'นายกฯ' เยือน 'ซาอุฯ' ฟื้นความสัมพันธ์ในรอบกว่า 30 ปี

26 ม.ค 2565 - กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้เผยแพร่ถ้อยแถลงการณ์ร่วม หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางเยือนประเทศซาอุดิอาระเบีย อย่างเป็นทางการ เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกันให้กลับมาเป็นปกติ เมื่อวานนี้ (25 ม.ค.65) โดยมีผลสรุปอย่างเป็นทางการของทั้ง 2 ประเทศ ดังนี้

1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แห่งราชอาณาจักรไทย ได้เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 มกราคม 2565 ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammad bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

2.มกุฎราชกุมาร แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ทรงให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย และทั้งสองฝ่ายได้ประชุมหารืออย่างเป็นทางการ โดยทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความตั้งใจร่วมกันในการสะสางประเด็นที่คั่งค้างทั้งหมดระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียและปรับความสัมพันธ์ระหว่างสองราชอาณาจักรให้เป็นปกติ ทั้งสองฝ่ายยังได้ย้ำความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรของสองราชอาณาจักรและการเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับความสัมพันธ์ฉันมิตรกับซาอุดีอาระเบีย และแสดงความเสียใจยิ่งต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นที่ประเทศไทยระหว่างปี พ.ศ.2532-2533 (ค.ศ.1989-1990) นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย ยืนยันว่า ไทยได้พยายามอย่างที่สุดแล้วในการสะสางกรณีต่าง ๆ และหากมีหลักฐานใหม่เกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น ก็พร้อมที่จะนำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยพิจารณา นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยยังได้ยืนยันความมุ่งมั่นของไทยในการให้ความคุ้มครองที่เหมาะสมแก่บุคคลในคณะผู้แทนของสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียที่กรุงเทพฯ ตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางทูต ปี ค.ศ. 1961 ทั้งสองฝ่ายยังได้ยืนยันความมุ่งมั่นในการดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อดูแลความปลอดภัยของคนชาติของกันและกันในแต่ละประเทศ

3.ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นในภูมิภาคและระหว่างประเทศต่างๆ และได้หารือถึงแนวทางในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีในทุกสาขา ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะเพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์และการติดต่อประสานงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของแต่ละฝ่ายเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีเพื่อประโยชน์ร่วมกันของราชอาณาจักรทั้งสอง

4.โดยคำนึงถึงจิตวิญญาณของความร่วมมือและความตั้งใจร่วมกันเพื่อฟื้นฟูมิตรภาพและความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างสองราชอาณาจักรและประชาชน ภายใต้การนำและพระราชวิสัยทัศน์อันเข้มแข็งของผู้พิทักษ์ สองมหามัสยิดอันศักดิ์สิทธิ์ สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด (His Majesty King Salman bin Abdulaziz Al Saud) และมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันให้ปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันให้เป็นปกติอย่างสมบูรณ์ ความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์นี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากความพยายามในหลายระดับของทั้งสองฝ่ายที่มีมาอย่างยาวนานเพื่อฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจและความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างกัน

5.ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกับขั้นตอนสำคัญต่าง ๆ ที่จะดำเนินการเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งรวมถึงการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำเมืองหลวงของทั้งสองประเทศในอนาคตอันใกล้ และการจัดตั้งกลไกการปรึกษาหารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี การติดต่อประสานงานอย่างเต็มที่จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้าเพื่อหารือความร่วมมือทวิภาคีในสาขายุทธศาสตร์ที่สำคัญ

6.ทั้งสองฝ่ายได้หารือแนวทางในการส่งเสริมและเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองราชอาณาจักรโดยการแสวงหาโอกาสในด้านการลงทุนและอื่นๆ ในบริบทของวิสัยทัศน์ ค.ศ 2030 ของซาอุดีอาระเบียและวาระการพัฒนาแห่งชาติของไทย กล่าวคือ นโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio–Circular–Green Economy) ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะแสวงหาความร่วมมือในสาขาใหม่ ๆ อาทิ พลังงานทดแทน สิ่งแวดล้อม การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนา และความมั่นคงทางไซเบอร์ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชน ซึ่งจะเป็นรากฐานสำหรับความสัมพันธ์ที่กำลังเติบโตระหว่างทั้งสองราชอาณาจักร รวมทั้งการส่งเสริมการสนทนาแลกเปลี่ยนระหว่างศาสนาและพหุวัฒนธรรม

7.ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะสนับสนุนซึ่งกันและกันในองค์การและเวทีระหว่างประเทศ และเน้นย้ำความสำคัญของการยึดมั่นของทุกประเทศต่อกฎบัตรสหประชาชาติ บรรทัดฐานระหว่างประเทศ รวมถึงหลักการการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี การเคารพในบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตย การไม่แทรกแซงกิจการภายใน และการระงับข้อขัดแย้งโดยสันติวิธี ทั้งสองฝ่ายยินดีกับบทบาทที่สร้างสรรค์ของกันและกันในแต่ละภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทที่สำคัญของไทยในอาเซียน และบทบาทนำของซาอุดีอาระเบียในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ ความมั่นคง และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการพัฒนา

8.นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยได้แสดงความยินดีกับซาอุดีอาระเบียสำหรับความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพและการจัดการประชุมผู้นำกลุ่ม G20 ซึ่งได้ส่งผลเชิงบวกในหลายด้าน เช่น เศรษฐกิจ การพัฒนา สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข พลังงาน เป็นต้น มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียทรงแสดงความมั่นใจว่าการเป็นเจ้าภาพกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC) และการประชุมกรอบความร่วมมือความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสําหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation: BIMSTEC) ในปี 2565 ของไทยจะประสบความสำเร็จและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเติบโตที่ยั่งยืน สมดุลและมีส่วนร่วมของเศรษฐกิจของภูมิภาคและของโลกในยุคหลังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

9.นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยยินดีกับกับข้อริเริ่มซาอุดีอาระเบียสีเขียวและตะวันออกกลางสีเขียว ที่ริเริ่มโดยมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย รวมถึงชื่นชมบทบาทนำของซาอุดีอาระเบียในประเด็นระหว่างประเทศร่วมกันต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลกระทบเชิงบวกต่อภูมิภาคและประชาชน มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียทรงชื่นชมนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวของไทย ซึ่งมุ่งส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ แปลงขยะให้กลายเป็นความมั่งคั่ง ฟื้นคืนความหลากหลายทางชีวภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

10.ในช่วงท้ายของการเยือน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยได้แสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของผู้พิทักษ์สองมหามัสยิดอันศักดิ์สิทธิ์ สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด และมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และได้ถวายพระพรชัยมงคลแด่ทั้งสองพระองค์ให้ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์ และขออวยพรให้ประชาชนชาวซาอุดีอาระเบียมีความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรือง มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียได้ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์และทรงพระเจริญ และทรงอำนวยพรให้นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยมีสุขภาพดีและประสบความสุขสวัสดี และทรงอำนวยพรให้ประชาชนชาวไทยมีความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรือง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'มันชินี' ปฏิเสธรับเงินชดเลย 20 ล้านยูโร หลังยกเลิกสัญญาซาอุฯ กลางคัน

โรแบร์โต มันชินี อดีตกุนซือทีมชาติอิตาลี ออกมาปฏิเสธข่าวลือเรื่องที่เขาได้รับค่าชดเชยสูงถึง 20 ล้านยูโร เมื่อแยกทางกับทีมชาติซาอุดีอาระเบีย แต่ยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายจบกันไม่สวย ต่างฝ่ายต่างมองกันคนละทิศทาง

'มันโช่' ฟันเงินอื้อ แม้แยกทาง 'ซาอุฯ' พร้อมรับค่าชดเชย 16.7 ล้านปอนด์

โรแบร์โต มันชินี เทรนเนอร์ชาวอิตาลี ที่คุมทีมชาติซาอุดีอาระเบียไม่ถึง 14 เดือน และแยกทางกันในที่สุด ถูกเปิดเผยว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาทำเงินให้ตัวเองได้สูงลิ่ว นับตั้งแต่มากุมบังเหียนเศรษฐีบ่อน้ำมัน

ทีมซาอุฯ จ่อคว้า 'เดอ บรอยน์' ร่วมทัพ หลังบรรลุข้อตกลงส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว

เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่งของทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี บรรลุข้อตกลงเงื่อนไขส่วนตัวในการย้ายไปร่วมทีม อัล-อิตติฮัด ทีมใน ซาอุดิ โปร ลีก แล้วในเวลานี้

เอเชียนทัวร์และอินเตอร์ฯซีรีส์ ประกาศจัด 'PIF ซาอุดิ อินเตอร์ฯ'ปิดฤดู2024

กอล์ฟรายการ พีไอเอฟ ซาอุดิ อินเตอร์เนชันแนล ได้รับเลือกให้เป็นทัวร์นาเมนท์ปิดฤดูกาล 2024 ของเอเชียนทัวร์และอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ กำหนดแข่งขันระหว่างวันที่ 4-7 ธันวาคมปีนี้ โดยมีเงินรางวัลให้ช่วงชิงรวม 5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 180 ล้านบาท และเป็นการจัดครั้งแรกที่สนามริยาด กอล์ฟ คลับ หลังจากประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการจัดแข่งขันที่สนามรอยัล กรีนส์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ในเมืองคิง อับดุลลาห์ อีโคโนมิค ซิตี้ ประเทศซาอุดิอาระเบียตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา

ข่าวดี ซาอุดีอาระเบียไฟเขียวนำเข้า วัว แกะ แพะ จากไทยแล้ว

“ภูมิธรรม” แจ้งข่าวดีผู้ส่งออกไทย สืบเนื่องจากการพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ซาอุดีอาระเบีย และร่วมลงนาม MOU ผลักดันสินค้าเกษตร อาหาร ธุรกิจบริการทางการแพทย์ ท่องเที่ยว ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ว่าซาอุดีอาระเบียไฟเขียวนำเข้าวัว แกะ แพะ จากไทยแล้ว หลังไก่ไทยสามารถส่งออกไปได้ก่อนหน้านี้ สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งผู้ส่งออกเตรียมความพร้อม ทำให้ถูกกฎระเบียบ เพิ่มโอกาสส่งออกโดยเร็ว

'อิฟม่า'มอบประกาศนียบัตร 8ครูมวยไทยไปซาอุฯ 'ศักดิ์ชาย'วอนทุกฝ่ายร่วมมือ

ปิดฉากชื่นมื่น IFMA Headquarter มอบประกาศนียบัตร 8 ครูมวยไทยผ่านการอบรมตามมาตรฐานเพื่อไปทำหน้าที่ "ทูตครูมวยไทย" ในงานใหญ่ "มวยไทย กาล่า 2024" ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย ระหว่าง 7-9 พ.ค.นี้ ขณะที่ ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ วอนคนไทยร่วมมือกันแบบไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันเพื่ออนุรักษ์ สืบสาน ศิลปะประจำชาติที่คนไทยหวงแหน