ทนไหวหรือไม่! 'จตุพร' ถามใจพี่น้องคนไทยเอาไง เมื่อสมุนทักษิณเร่งดันบ่อนกาสิโน

คนไทยเอาไง! ทนไหวหรือไม่ เมื่อสมุน“ทักษิณ”คนกร่าง เร่งตีปี๊บตั้งบ่อนคาสิโน ดันพนันออนไลน์ถูก กม. ทำไทยเป็นแหล่งธุรกิจสีเทาฟอกเงิน หวังฮุบผลประโยชน์มหาศาล “จตุพร” ลั่นคนไทยควรสำแดงพลังต้าน เริ่มที่แพทยสภาเล่นงานป่วยทิพย์ ปปช.ขานรับไต่สวนชั้น 14 เชื่อแค่นี้รัฐบาลสิ้นท่า จบเห่

16 ม.ค.2568 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ ว่า ขณะนี้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเริ่มลอยหน้าลอยตาท้าทายผลักดันโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือบ่อนคาสิโน โดยสังคมพุทธอย่างไทยจะกลายเป็นประเทศแหล่งรวมธุรกิจสีเทา ดังนั้น คนไทยที่รักชาติต้องสำแดงพลังต้านทาน คัดค้าน

อีกทั้งกล่าวว่า การสำแดงพลังคงสะท้อนออกไปตามบทบาทหน้าที่ เบื้องต้นแพทยสภาและ ปปช.ควรเร่งไต่สวนชั้น 14 รวมทั้ง กกต. ต้องรีบแสดงจุดยืนตรวจสอบการครอบงำพรรคการเมืองให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หากองค์กรเหล่านี้เพิกเฉย คงเป็นประชาชนรวมพลังแสดงจุดยืนปกป้องบ้านเมืองตามเจตนารมณ์ ร.5 ซึ่งทรงยกเลิกบ่อนการพนัน เพราะจะส่งผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อครอบครัวและผู้คนรอบข้าง

“วันนี้ (15 ม.ค.) ครบกำหนดที่แพทย์ รพ.ตำรวจและ รพ.ราชทัณฑ์ที่ถูกสอบจรรยาบรรณต้องส่งคำชี้แจงการรักษาและเวชระเบียนให้แพทยสภาได้ครบถ้วนแล้วหรือไม่ ถ้าไม่ส่งมา ประชาชนที่ห่วงใยบ้านเมืองคงพากันไปทวงถามความรับผิดชอบกับนายกฯ ที่คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช) และ สตช. ซึ่งดูแล รพ.ตำรวจโดยตรง”

นายจตุพร กล่าวว่า นายกฯ เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีทักษิณ ชินวัตร เข้าพักชั้น 14 รพ.ตำรวจ เพราะเป็นบุคคลหนึ่งในสิบชื่อที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยม หากการพักชั้น 14 เป็นป่วยทิพย์แล้ว นายกฯ ย่อมมีส่วนร่วมปกปิดการป่วยทิพย์ด้วย

ส่วน ปปช.เริ่มมีความคืบหน้าโดยตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมการไต่สวนชั้น 14 ดังนั้น การทำหน้าที่ของแพทยสภาและ ปปช. ควรเร่งเวลาที่มีคุณค่ากับสถานการณ์รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะตั้งบ่อนคาสิโน แล้วยังออกกฎหมายมารองรับให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ซึ่งเป็นธุรกิจสีเทาคู่ขนานกัน แต่ขณะเดียวกันสังคมได้ส่งเสียงต่อต้านบ่อนคาสิโนลุกลามอย่างกว้างขวางในสื่อโซเชียลมีเดีย

พร้อมทั้งกล่าวว่า แม้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยอ้างการตั้งบ่อนคาสิโนว่าประเทศจะได้ประโยชน์มโหฬาร แต่ถ้าบ่อนการพนันดีจริงแล้วทำไม ร.5 ทรงให้ยกเลิกในช่วงที่ไล่เลี่ยกับการเลิกทาส เพราะทรงเห็นว่า พสกนิกรถ้าติดการพนันจะเป็นการทำลายชีวิตตัวเอง ครอบครัว และบุคคลที่เกี่ยวข้อง อีกอย่างตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นต้นมา ประเทศไทยไม่มีบ่อนคาสิโนถูกกฎหมายเลย ส่วนขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งผลักดันให้เกิดขึ้น

“หากรัฐบาลอ้างความสำเร็จของต่างประเทศแล้ว ทำไมไม่อ้างประเทศพม่า กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศรอบข้างที่ไม่ประสบความสำเร็จในการตั้งบ่อนคาสิโนเลย”

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกลับไปอ้างความสำเร็จของประเทศสิงคโปร์ ถามว่าไทยมีอะไรเหมือนสิงคโปร์ที่เป็นประเทศเล็กๆ แต่มีทรัพยากรสำคัญเป็นทุนมนุษย์และยังเอาจริงเอาจังกับการทุจริตคอร์รัปชัน จึงทำให้ประเทศเกิดความสำเร็จได้ ซึ่งแตกต่างจากไทยทุนมนุษย์มีแต่การทุจริตเต็มบ้านเต็มเมือง

อีกทั้งกล่าวว่า บ่อนคาสิโนในประเทศเพื่อนบ้าน นับวันคนไปเล่นมีแต่ลดน้อยถอยลง ดังนั้นการพนันออนไลน์จึงเป็นตัวเลือกสำคัญที่จะทำรายได้มโหฬารให้ผู้ลงทุนทำบ่อนคาสิโน รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจึงอวดชูยกขึ้นมาอยู่บนดินคือให้ถูกกฎหมาย แต่ความเสียหายจะเกิดกับบ้านเมือง

นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่เคยประกาศนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีบ่อนคาสิโนในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง หากประกาศหาเสียงไว้ว่าจะนำการพนันออนไลน์มาไว้บนดินให้ถูกกฎหมาย แล้วคนในชาติให้การสนับสนุนก็อ้างเป็นเสียงสนับสนุนได้

นอกจากนี้ ยังมีโครงการขนส่งทางรางให้ที่ดินสองข้างทางเป็นสิทธิของเอกชนลงทุน หรือการเปลี่ยนระบบเงินตราของประเทศ รวมทั้งโครงการขายคอนโดฯ ให้ต่างชาติอยู่นาน 99 ปี และให้ต่างชาติเช่าที่ดินโครงการแลนด์บริดจ์นาน 99 ปี นโยบายสำคัญเหล่านี้ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเร่งผลักดันในขณะนี้ ยังไม่กล้าชูเป็นนโยบายในการหาเสียงเพื่อขอความสนับสนุนจากประชาชนเลย

นอกจากนี้ หากไทยตั้งบ่อนคาสิโนแล้วมีพนันออนไลน์ถูกกฎหมายเป็นคู่ขนานทำรายได้หลักแล้ว ประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางหรือฮับธุรกิจสีเทา ซึ่งจะมีมูลค่ามโหฬาร แต่ผลประโยชน์เข้ารัฐมีน้อยนิด ส่วนกลุ่มทุนได้รายได้มหาศาล แล้วประเทศก็ถูกธุรกิจสีเทาฮุบจนฉิบหาย

“หวังว่าเรื่องบ่อนคาสิโนจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะขณะนี้คนไทยเริ่มยืนขวางกันแล้ว รมว.มหาดไทยและกระทรวงมหาดไทยประกาศจะลงโทษสถานหนักกับการเล่นการพนัน ส่วนพรรคเพื่อไทยกลับชูเรื่องคาสิโนโดยอ้างเพื่อแก้ปัญหาการพนัน ขณะที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาบอกให้แก้ที่นิสัย ไม่ใช่การแก้ด้วยการสร้างบ่อนคาสิโน”

พร้อมกล่าวว่า ขณะนี้นายทุนรายใหญ่ตั้งคาสิโนเริ่มมีความชัดเจนขึ้น เมื่อบ่อนและการพนันออนไลน์คุมไม่ได้ จะส่งผลเสียมาถึงเยาวชนของชาติ หากติดการพนันจะลามไปถึงการก่ออาชญากรรมอย่างอื่นอีกมากมาย ดังนั้น การตั้งบ่อนคาสิโนหนึ่งแห่งลงทุน 3.5 หมื่นล้านในสัมปทาน 30 ปี ซึ่งจะคุ้มกันหรือไม่กับการแลกด้วยหายนะของสังคม

"หวังว่า ในส่วนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อีกทั้ง ปปช.และแพทยสภา รวมทั้ง กกต. ถ้าทำหน้าที่กันอย่างแข็งแรง โดยในระยะเวลาเดือนหรือสองเดือนนี้ถ้าแพทยสภาชี้โครมผิดจรรยาบรรณแพทย์แล้ว หน่วยงานอื่นคงนำไปเป็นหลักฐานประกอบการไต่สวน เมื่อไม่มีทักษิณ สักคนโลดแล่นแล้ว รัฐบาลนี้ก็ไม่มีน้ำยา”

อีกทั้งกล่าวว่า ทักษิณบอกจะทำงานอีก 20 ปี แต่บ่อนคาสิโนกลับตั้งอยู่ตลอดชีพคนไทย โดยสัมปทานเบื้องต้น 30 ปี แล้วต่อได้ครั้งละ 10 ปี แล้วหน้าไหนจะมารับผิดชอบกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากโครงการตั้งบ่อนคาสิโน ซึ่งเป็นสิ่งที่เลวร้ายนี้

นายจตุพร กล่าวว่า การฝากอนาคตกับคนต้องคดีทุจริตคอร์รัปชันบ้านเมือง ย่อมเป็นการฝากอนาคตที่ไม่มีความหวัง ดังนั้น ใครก็ตามที่ทำหน้าที่จะปล่อยให้บ้านเมืองเต็มไปด้วยบ่อนคาสิโนและการพนันออนไลน์ที่จะทำให้ไทยกลายเป็นประเทศสีเทาแหล่งฟอกเงินขนาดใหญ่ แล้วจะทำให้เมืองพุทธ ประเทศดีๆ จะฉิบหายทันที

"หากประเทศไทยยังมีบุญเหลือบ้าง ถ้าผู้มีหน้าที่จัดการชั้น 14 จบ เรื่องบ่อนคาสิโนและการพนันออนไลน์ก็จะจบลง แต่ถ้ายังไม่จบ ต้องเป็นหน้าที่ของคนไทยว่า จะให้เยาวชนตกเป็นทาสการพนันและสุ่มเสี่ยงก่ออาชญากรรมอื่นๆ ตามมาอีกมากมายหรือไม่ จึงขอถามใจพี่น้องกันเอาเอง"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตสว.สมชาย ปลุกคนไทยแสดงจุดยืน 'เราไม่เอากาสิโน' ร่วมลงชื่อส่งเสียงถึงรัฐบาล

นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภาและอดีตประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กว่า 4 อันดับประเทศที่ติดอันดับความยากจนสูงสุดในอาเซียน

โฆษกรัฐบาล อ้างฝ่ายความมั่นคงรายงานมีกลุ่มทุนสีเทาจ้องล้มกาสิโนถูกกฎหมาย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มีฝ่ายค้านบางคนออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับการนำปัญหาความจริงของสังคมที่หมักหมมเป็นเวลานาน เช่น การพนันออนไลน์ การแทงบอล แทงม้า และการเล่นการพนันต่าง ๆ

'ดร.อานนท์' แปลกใจ พรรคส้มไม่แตะระบอบหน้าเหลี่ยม หากทำเรื่องนี้แล้วคะแนนเสียงถล่มทลายแน่

ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า เป็นเรื่องตกลงกันลับหลังไว้ก่อนหรือเป็นเรื่องโง่เขลาเบาปัญญาก็ไม่ทราบ