'จตุพร' มองการเมือง 2568 สัมพันธ์อำนาจระแวงบีบกด ฉุดบ้านเมืองเข้ามุมอับ

28 ธ.ค.2567 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ส่งท้ายปี 2567 ว่า ในปี 2568 บ้านเมืองอาจเข้าสู่มุมอับ สงครามการเมืองในประเทศพร้อมระอุเดือดขึ้นได้ทุกเวลา เพราะพรรคการเมืองซุกของร้อนและเอาแต่ได้ในโครงการผลประโยชน์จะยิ่งทำให้เสถียรภาพพรรคร่วมคลอนแคลนแล้วพังครืนทลายลง

อีกทั้งกล่าวถึงการประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บ.ใน 4 จังหวัดกับ 1 อำเภอจาก 71 จังหวัดว่า ทำให้ราคาสินค้าพุ่งขึ้นไปรอก่อน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ควรอธิบายกับประชาชน เพราะการขึ้นราคาสินค้าหมวดอาหารการกินแบบพรวดพราดทำให้เศรษฐกิจปากท้องเดือดร้อนรุนแรงสาหัส เช่น น้ำมันพืชขึ้นกว่า 10 บ. ดังนั้น ขึ้นค่าแรงวันละ 400 บ.ย่อมไม่มีความหมายอะไรต่อชีวิตคนทำงานรายเดือน

อีกทั้งเชื่อว่า ช่วงหยุดยาวปีใหม่นี้ ประชาชนจะกลับต่างจังหวัดน้อยลง แต่จะอยู่ กทม.มากกว่าทุกปี นอกจากนี้ยังคาดกันว่า ในปี 2568 ภาวะเศรษฐกิจจะทรุดหนักยิ่งขึ้น ส่วนคำอวดอ้างของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและผู้นำเบื้องหลัง พยายามประโคมว่าเศรษฐกิจจะฟื้นดีขึ้น คงเป็นเพียงคำพูดปากเปล่าเท่านั้น ส่วนความสำเร็จอาจยากจะเป็นจริง

"มีการพูดว่า การทำเศรษฐกิจสำเร็จนั้น ต้องเป็นความสำเร็จทางการเมืองนำหน้าทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง คือต้องชนะทางการเมืองก่อน เมื่อการเมืองเสียก็ทำให้หลายเรื่องเป็นปัญหาไปด้วย"

นายจตุพร กล่าวถึงคดีคนเสื้อแดงว่า ตนได้ทำทุกอย่างไปหมดแล้วเท่าที่พอจะทำได้ แต่ฝ่ายถูกปราบจะทำอะไรพวกปราบปรามได้ยาก จึงทำให้เสื้อแดงติดคุกกันระนาว ส่วนพรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ ประกาศตั้งรัฐบาลในร้อยวันแรกจะให้ผู้เสียหายจากสลายการชุมนุมไม่ว่าเป็นคดีฆ่าและพยายามฆ่าโดยเจตนาเล็งเห็นผลสามารถฟ้องตรงต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เอง แต่ถึงขณะนี้ยังไม่เป็นจริง

สิ่งสำคัญ เมื่อพรรคเพื่อไทยเสนอกฎหมายให้ประชาชนฟ้องคดีโดยตรงเข้าสภา แต่ก่อนทักษิณ ชินวัตร จะออกจาก รพ.ตำรวจ เพียงหนึ่งวัน ก็ถอนร่างกฎหมายฉบับนี้กลับมา โดยอ้างนำมาแก่ไขใหม่ กระทั่งกฎหมายนี้ยังไม่ส่งกลับสู่สภาเลย แล้ววันนี้ตามปรากฎข่าวมีการยื่นต่อดีเอสไอเร่งสำนวนพลิกศพที่เหลือในคดีการสลายการชุมนุมขึ้นมาใหม่อีก

"ภาพคนเสื้อแดงเป็นชะตากรรมที่น่าเห็นใจ เพราะถูกนำมาใช้ทางการเมือง ซึ่งภาพคนตายก็ใช้อีกอย่าง ส่วนคนเป็นก็ใช้อีกอย่าง แต่ต้องไม่ลืมว่า การเดินทางกลับมาของทักษิณ ก็มาในวัน พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ มีนายวิษณุ เครืองาม เป็นรักษาการ รมว.ยุติธรรม แล้วยังตั้งรัฐบาลข้ามขั้วแบบผิดปกติ โดยอาศัย สว.152 เสียงมาโหวตให้นายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ แล้วเรื่องราวของคนเสื้อแดงที่เคยสัญญาไว้ซึ่งเงียบหายไป กลับมาเคลื่อนไหวกันอีก”

สิ่งสำคัญ ในทางการเมืองย่อมบ่งชี้ว่า การฟื้นคดีของคนเสื้อแดงเป็นไปได้ยาก ยังถูกนำมาใช้เสียงเลือกตั้งเพื่อตามคนเสื้อแดงกลับบ้าน โดยสัญญาว่า 100 วันแรกเป็นรัฐบาลสามารถฟ้องตรงกับศาลฎีกานักการเมืองได้ แต่กลับถอนกฎหมายออกจากสภา และวันนี้กลับมายื่นร้องกันใหม่

“ผมมองอย่างคนการเมืองเห็นว่า ความสัมพันธ์ทางอำนาจทุกอย่างมันชักจะไม่ลงเอยกัน จึงต้องนำเรื่องคนเสื้อแดงมายื่นกันใหม่ ความจริงถ้านำกฎหมายเดิมที่เป็นคำมั่นสัญญาเคยหาเสียงไว้ ซึ่งเป็นของจริงย่อมเดินหน้าต่อไปได้ แต่การมายื่นตามคดีกันใหม่นั้น ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ มันยากมากอยู่แล้ว”

พร้อมทั้งกล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่เราแลเห็นคือร่องรอยสัมพันธ์ของคนเอาทักษิณกลับมากับตัวทักษิณเข้าข่ายน่าสงสัย เพราะกฎหมายยังยอมถอนได้ อีกอย่างเรื่องราวต่างๆ ทั้งเกี่ยวกับคนเสื้อแดงแทบไม่มีการพูดถึง แม้แต่การจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วที่ไม่สนใจความรู้สึกคนเสื้อแดง แล้วมาวันนี้ยังเล่นบทนำคนเสื้อแดงกลับมาอีกแล้ว

“ดังนั้น เรื่องนี้ต้องตามทางการเมืองโดยเฉพาะในการจัดความสัมพันธ์ทางอำนาจ เพราะอาจหัวคะมำคิดไม่ถึงกันก็ได้ อยู่ดีๆ ไม่มีใครเคลื่อนไหวพรวดพราดหรอก แม้แต่กฎหมายยังยอมถอน ยอมเสียคน แล้วยังมายื่นคดีคนเสื้อแดงในสถานการณ์แบบนี้อีก ถึงจะไปในส่วนตัวก็ตาม ดังนั้น เราต้องมองลึกให้มากกว่านั้น ถ้ามองแบบสถานการณ์ทั่วไปคงคิดแค่เป็นเรื่องปกติ”

ส่วนภาพข่าวทักษิณพบกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซียนั้น แม้จะพบกันกลางทะเลในพื้นที่หมู่เกาะหลีเป๊ะอยู่ใกล้เกาะลังกาวีในระยะนั่งเรือไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงกัน แต่มีอย่างหนึ่งคือ ทักษิณไม่ได้ไปตามกำหนดการเดิมที่นายกฯ มาเลเซียนัดที่เกาะลังกาวี ดังนั้น ย่อมรู้ได้ว่า การออกนอกประเทศไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบุคคลที่มีประวัติการหลบหนีคดียาวนาน

อย่างไรก็ตาม ถ้านายอันวาร์ ต้องการปรึกษากับทักษิณแล้ว ควรเดินทางมายังประเทศไทยคงสะดวกกว่า โดยไม่จำเป็นต้องนั่งเรือไปพบกันกลางทะเลถึงขนาดนั้นหรือเปล่า นอกจากนี้คนในมาเลเซียยังงงกันว่า ทำไมตั้งคนที่มีปัญหาด้านกฎหมาย เคยหลบหนีคดีทุจริต แล้วยังโดนคดี ม.112 และอยู่ระหว่างถูกสอบสวนไม่ย่อมติดคุกสักวันในโทษคดีทุจริตที่ศาลพิพากษาตัดสิน 8 ปีต่อมาลดโทษเหลือ 1 ปี

อีกทั้งกล่าวว่า การเคลื่อนไหวอะไรต่างๆ ช่วงระยะหนึ่งปีนั้น จะเห็นร่องรอยชวนสงสัยว่า บัดนี้ปัญหาเริ่มจะเกิดขึ้นแล้ว ยิ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยกรณีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ซึ่งคำวินิจฉัยระบุถึงพฤติการณ์ ไม่ใช่เรื่องคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ยังไม่พ้น 1 ปีอย่างเดียว ดังนั้น กรณีนี้อาจลุกลามไปสู่ปัญหาอื่นอีกก็ได้

นอกจากนี้ ปปช.ไต่สวนพักรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ เป็นการป่วยทิพย์หรือไม่ กลับมีการวิ่งเต้นเปลี่ยนผู้รับผิดชอบสำนวนจากนายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ปปช. ให้เป็นคนอื่น แต่ถ้านายเอกวิทย์ไม่ยินยอมก็เปลี่ยนไม่ได้ รวมทั้งภายในของ ปปช. ยังเละเทะ โดยเอาคนมีปัญหาออกจากราชการกลับมาทำงานใหม่ ย่อมสวนทางกับหลักยึดมั่นขององค์กรซึ่งต้องสร้างแบบอย่างในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต

"ปรากฎการณ์ของพี่น่้องคนเสื้อแดง และการเคลื่อนไหวของทักษิณเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียนของนายอันวาร์ แต่แอบนัดพบกันที่หมู่เกาะกลางทะเลมันคืออะไร เพราะแทบไม่เหลือสถานะที่ปรึกษาอย่างมีศักดิ์ศรีเอาเลย”

นายจตุพร กล่าวว่า ในปีใหม่ 2568 จะมีปัญหามากมายประเดประดังเข้ามา ทั้งกรณีแพทยสภาตรวจสอบจริยธรรมแพทย์รักษาทักษิณ และกรณี ปปช.ไต่สวนข้าราชการปฏิบัติหน้าที่มิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่คงจะเร่งกระชับปมขึ้น แต่มีการขัดขวางเพื่อยื้อการตรวจสอบออกไป ส่วน กกต. ตรวจสอบทักษิณครอบงำพรรคการเมืองเริ่มขยับปัญหาเข้ามาเรื่อยๆ

ดังนั้น ทุกเรื่องราวจะถูกเร่งเกมในช่วงต้นปี 2568 ปัญหาว่าจะลากไปได้นานขนาดไหน แต่การหันกลับมาเดินงานการปราบปรามคนเสื้อแดง จึงสะท้อนสงสัยว่า ปัญหาได้ก่อตัวพุ่งใส่ทักษิณเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น

"ถ้ายังคิดสู้ตามสูตรเดิมก็เป็นปัญหา เพราะการคิดสู้ย่อมเห็นปลายทางอยู่แล้วว่า ในวันที่มีอำนาจใหญ่กว่านี้ยังสู้ไม่ได้ สิ่งสำคัญการประกาศขออนุญาตกลับมาเลี้ยงหลานนั้น หากติดคุกจริงแล้วทุกอย่างจะเข้าสู่ปกติสุข แต่เมื่อไม่ปฎิบัติตามหลักที่ควรปฏิบัติแล้ว จึงนำพาไปสู่ปัญหาทุกเรื่องราว”

นายจตุพร เชื่อว่า สงครามการเมืองในประเทศในวันข้างหน้าพร้อมระอุได้ตลอดเวลา อีกทั้งการจะเอาเรื่องบ่อนคาสิโนให้ได้โดยเร่งนำกฎหมายเข้าสภาก็จะเป็นปัญหา รวมถึงเรื่องไทยกับกัมพูชาก็ไม่ง่าย ยิ่งมีข่าวแว่วจะเปลี่ยน รมว.กลาโหม โดยจะเอาคนช็อกโลกและน่าตกมาเป็นแทน รมว.ภูมิธรรม เวชยชัย ดังนั้น สถานการณ์แบบนี้จึงทำให้ไม่มั่นใจและแสดงถึงความไม่มั่นคงของเสถียรภาพรัฐบาล โดยปัญหาทุกอย่างเกิดจากการแสดงบทบาทของตัวพ่อนายกฯ ทั้งสิ้น

พร้อมทั้งกล่าวว่า ทางการเมืองจะเริ่มเข้าสู่มุมอับอีกรอบ เพราะโครงการของร้อนแต่ละชิ้นงานมีการซุกความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันไว้ ทั้งบ่อนคาสิโน การให้ต่างชาติเช่าแผ่นดิน 99 ปี การเปลี่ยนระบบเงินตราของประเทศ รวมถึงผลักดันกฎหมายขนส่งทางรางเอื้อให้ที่ดินสองข้างทางเป็นของเอกชน ความต้องการที่ซุกซ่อนไว้เหล่านี้ ล้วนทำให้พรรคเพื่อไทยมีปัญหาทั้งสิ้น

นอกจากนี้ การนำทักษิณกลับมาทำให้บ้านเมืองต้องแลกกับความอยุติธรรม และยังทำลายกระบวนการยุติธรรมจนยับเยิน ยิ่งมีการเชียร์ให้ประเทศเข้าสู่แหล่งอบายมุขย่อมนำบ้านเมืองเข้ามุมอับเร็วขึ้น เพราะประเทศจะมากด้วยปัญหาอาชญากรรมและวัฒนธรรมเสื่อมทรุด

ส่วนภาคประชาชนนั้น คาดว่ายังไม่เร่งรีบลงถนน โดยทุกส่วนคงเน้นเคลื่อนไหวไปตามจังหวะของสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความอึดอัด แล้วใครจะอดทนต่อความเสียหายของชาติบ้านเมืองได้ ถ้าบางหน่วยงานมีอามีสบังตาแลกกับความฉิบหายของบ้านเมืองคงจะได้รู้กัน แม้ทักษิณ บอกว่าไม่หมูอีกแล้ว แต่ภาคประชาชนก็ไม่หมูเช่นกัน และเราก็ไม่หวังจะเดินลงถนนจนไปถึงจุดที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันอีก

อย่างไรก็ตาม หวังว่า ในปี 2568 จะได้เห็นการทำหน้าที่ของแต่ละองค์กรที่ไม่มีโรคแทรกแซงมาล้มสำนวนตรวจสอบ หวังให้มีความดีเข้าไปสกัดความชั่วได้ อีกอย่างการวิจารณ์ทุกสิ่งที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย เรายังดำเนินอยู่ปกติ แต่ต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะรู้ว่า เขาทำรุนแรงอะไรได้บ้าง

"สมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ บอกว่าความกลัวทำให้เสื่อม แต่ความเสื่อมก็ทำให้กลัว ดังนั้น ยิ่งกลัวยิ่งตาย ยิ่งไร้เกียรติ เราต้องไม่อยู่ด้วยบริบทแห่งความกลัว และเชื่อว่า ประเทศจะพัฒนาได้ต้องได้นักการเมืองไม่ทุจริตฉ้อฉล รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้กับประชาชน"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไม่กลัวรัฐประหาร ‘ภูมิธรรม’ ลั่น! จัดการได้รัฐบาลอยู่ครบเทอมแน่

“ภูมิธรรม” โวยเอ็มโอยู 44 ถูกปลุกปั่นไปไกล แทบจะออกนอกอวกาศอยู่แล้ว ไม่กังวลใจกับคำถามที่ว่าในปี 2568 สถานการณ์การเมืองจะวุ่นวายและโดนรัฐประหาร

ถ้าพ่อนายกจะส่ง 'กองกำลังของผม' ลุยคอลเซ็นเตอร์ในเขมรและพม่า จะเกิดอะไรขึ้น

นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ถ้าพ่อนายกจะส่ง "กองกำลัง ของผม" ลุยคอลเซ็นเตอร์ในเขมรและพม่า จะเกิดอะไรขึ้น

ดร.ณัฏฐ์ มองการเมืองไทยปี 68 'รัฐบาลอิ๊งค์' มีเสถียรภาพ อยู่ยาวถึงปี 70

“ดร.ณัฏฐ์” มือกฎหมายมหาชน ชี้การเมืองไทยปี 2568 “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” กุมเสียงข้างมาก รัฐบาลมีเสถียรภาพ แม้เจอโรครุมเร้า นักร้องเรียนรายวัน ยังไม่มีตัวแปรใดล้มรัฐบาล ฟันธง รัฐบาลอยู่ยาวถึงปี 2570

'ภูมิธรรม' การันตีไม่มีปัญหาพรรคร่วมเห็นต่าง

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานกานณ์ทางการเมือง ที่หลายคนถามรัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปีหรือไม่ ว่า หากดูจา

'ภูมิธรรม' เซ็ง 'เอ็มโอยู44' ถูกปลุกปั่นจนออกนอกอวกาศ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงเอ็มโอยู 44 ว่า ตนยังยึดหลักเดิม เพราะควรใช้ความอดทนอดกลั้นและความเข้าใจ เพราะเอ็มโอยู 44 ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร