'จตุพร' ยกข้อมูล 'ไพศาล' ปูดซ้ำ 'ไอ้โม่ง' กำลังเปลี่ยนผลสอบชั้น 14

ลุ้นปมชั้น 14 เข้า ปปช.ชุดใหญ่สัปดาห์หน้า ระบุ กก.ไต่สวนเอกฉันท์ชี้มูลผิด เสนอฟ้องศาล รมต.-ขรก.ใหญ่โดนคดีเพียบ อื้ออึงไอ้โม่งบางคนเป็นบ่าวรับใช้นายแลกประโยชน์  “จตุพร” เล่าชีวิตคนคุกเตือนสติอย่าทำผิด ยกอุทาหรณ์โลกคนแก่ติดคุกไม่สวย ช่วยตัวเองไม่ได้ ส่วนกรณีอัลไพน์เชื่อนายกฯ ซื้อธรณีสงฆ์รอดยาก แนะคืนวัดแล้วขอเช่าต่อ

30 พ.ย.2567 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ถอดบทเรียนเล่าชีวิตข้าราชการใหญ่วัยแก่กว่า 80 ปีติดคุกเป็นอุทาหรณ์ให้คนใหญ่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) บางคน ซึ่งมีเสียงอื้ออึงกำลังช่วยเปลี่ยนผลตรวจสอบชั้น 14 จากมีความผิดเป็นยุติเรื่องอ้างไม่มีมูล เพื่อแลกผลประโยชน์อื่นใดอันมิชอบ

ทั้งนี้เสียงดังเอิกเกริกนั้น นายไพศาล พืชมงคล โพสต์เปิดเผยว่า มี ปปช.ชุดใหญ่บางคนพยายามทำตัวเป็นบ่าวรับใช้อำนาจ แล้วกดดันคณะกรรมการไต่สวนกรณีชั้น 14 ให้ยุติการสอบสวนและให้อ้างว่ากรณีนี้ไม่มีมูลความผิด

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการไต่สวนได้ตรวจสอบเป็นที่ยุติแล้ว โดยมีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดและส่งให้ ปปช.ชุดใหญ่พิจารณาในการประชุมสัปดาห์หน้า พร้อมเสนอให้ดำเนินคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีทั้งระดับรัฐมนตรีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคน แต่มี ปปช.ชุดใหญ่บางคนทำตัวเป็นไอ้โม่งพยายามกดดันอย่างหนักให้ผลการตรวจสอบชั้น 14 ไม่มีมูลความผิด

นายจตุพร กล่าวว่า ไอ้โม่ง ปปช. คนนี้ พยายามเอาฝ่ามือปิดแผ่นฟ้า แต่การมีอำนาจไม่ได้ติดตัวจนตาย ดังนั้น ให้คิดถึงเมื่อไปติดคุกตอนแก่ เพราะช่วงที่ตนอยู่ในคุก เห็นข้าราชการหลายหน่วยงานติดคุกตอนอายุกว่า 80 ปี บางคนถึงกับทุพพลภาพช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อาบน้ำและปลดทุกข์เองไม่ได้ มีแต่ผู้ต้องขังด้วยกันเป็นผู้ช่วยคอยดูแลกัน ดังนั้น อยากเจอแบบนี้ในบั้นปลายชีวิตตอนแก่ๆ ด้วยหรือ?

อีกทั้งกล่าวว่า เมื่อได้เป็นใหญ่ในองค์กร ทำหน้าที่รับใช้แผ่นดิน รับใช้ทุกสถาบันหลักของชาติและประชาชนชน ขอให้ทำในสื่งที่ถูกต้อง เพราะผลประโยชน์อื่นใดเมื่ออยู่ในคุกในปัจจุบันใช้เงินได้วันละ 500 บาทเท่านั้น นอนกระเบื้อง 3 แผ่นกว้างเท่าโรงศพ มีผ้า 3 ผืนใช้ห่ม หนุนหัวและปูพื้นนอน ตอนอาบน้ำมีนักโทษยืนรอคิวเรียงกันเป็นตับ

“ชีวิตอยู่ในคุก แม้มีเงินก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีรถก็ขับในเรือนจำไม่ได้ และคงไม่โชคดีได้อยู่ชั้น 14 เหมือนบางคน ซึ่งคงเป็นเพียงหนึ่งเดียวในจำนวน 70 ล้านคนของประเทศไทย ดังนั้น อย่าไปทำให้เสียตัวตอนแก่เลย โดยมีเสียงอื้ออึงกันหมดว่าเป็นใคร”

นายจตุพร ให้สติว่า การทำหน้าที่ไม่ถูกต้อง ถ้ากลับไปบ้านมองหน้าลูกก็ขอให้อายเสียบ้าง เพราะถ้าสถานการณ์เปลี่ยนผลประโยชน์อื่นใดที่ได้มาคงไม่ได้ใช้ ดังนั้น หวังว่าจะคิดกันได้ แก่แล้วเข้าวัดฟังธรรมบ้าง และคิดว่าตัวเองมาทำหน้าที่ ปปช. จะรับใช้แผ่นดินหรือต้องการจะรับใช้ใคร เมื่อได้รับเงินเดือนและมีพระบรมโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่งก็ควรมีสำนึก

พร้อมทั้งกล่าวว่า นายไพศาล ระบุชื่อย่อ ปปช. ที่คอยรับใช้นักการเมืองเพื่อทำหน้าที่ดึงเรื่อง ยื้อเวลา และไม่ให้ ปปช.ชุดใหญ่ชี้มูลความผิด อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดชื่อย่อขนาดนั้น คงไม่ใช้ไอ้โม่งแล้ว เพราะคนรู้หน้ากันหมด

นายจตุพร ย้ำว่า ไอ้โม่งใน ปปช.ชุดใหญ่คนนี้ ให้ไปดูการทำหน้าที่ของอดีตทหารและตำรวจระดับยศพลเอก ส่วนข้าราชการเป็นถึงปลัดกระทรวง และนักการเมืองชั้นผู้ใหญ่ระดับรัฐมนตรี เมื่อถึงถูกเล่นงานและต้องติดคุก ไม่มีใครช่วยใครได้แม้แต่คนที่ตัวเองรับใช้คอยทำงานให้ยังไม่มาดูดำดูดีตอนติดคุกเลย คงมีแค่ครอบครัวเท่านั้นที่จะดูแลกัน นี่คือโลกความจริงของคนทำหน้าที่ไม่ถูกต้อง

"ที่สำคัญที่สุด สัจธรรมชีวิตถัดจากนั้นไปจะพังพินาศ และเมื่อสังขารไม่ให้ เวลาไปติดคุก บางคนนอนพะงาบๆ ในโรงพยาบาล บางคนพ้นโทษแล้วไม่มีใครมารับ และเกิดอาการไม่รู้ตัว สิ่งนี้เห็นกันทั้งนั้นกับชีวิตคนคุกวัยแก่ๆ"

นายจตุพร เตือนว่า การทำหน้าที่ให้อยู่ในกรอบของสัจธรรมโดยคิดถึงวันหน้า ถ้าคิดแค่วันนี้ดูเหมือนน่าจะใช่ว่ามีอำนาจยิ่งใหญ่จริง เห็นอะไรก็โลกสวยกันไปหมด แต่ในวันที่โลกไม่สวย แล้วเข้าไปอยู่ในคุก วันนั้นจะรู้เลยว่า ไม่น่าเลย รู้อย่างนี้จะไม่ทำ ซึ่งเป็นสัจธรรมของชีวิต

ส่วนกรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องนี้ผลตรวจสอบน่าจะยุติโดยเร็ว เพราะข้อมูลมีพร้อมหมดสามารถส่ง ปปช.ชุดใหญ่วินิจฉัยได้ จึงไม่ต้องไต่สวนอะไรเพิ่มอีก ยกเว้นจะรำวงช่วยกัน ถึงที่สุดแล้ว ข้อเท็จจริงในวันนี้ยืนยันเป็นธรณีสงฆ์ร้อยเปอร์เซ็นต์

อีกทั้งย้อนเรื่องราวธรณีสงฆ์ว่า ใน พ.ย. 2512 ยายเนื่อม ผู้ใจบุญได้บริจาคที่ดินประมาณ 900 ไร่ให้วัดธรรมิการามวรวิหาร จ.ประจวบคีรีขันธ์ หวังให้เป็นธรณีสงฆ์ จากนั้นมีขบวนการเล่นแร่แปรธาตุอ้างวัดไม่รับที่ดิน จึงโอนเปลี่ยนให้“มูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์” เป็นผู้จัดการมรดก แล้วมีขบวนการนำไปซื้อขายจนเกิดเป็นคดีความ โดยคนที่เกี่ยวข้องรอดคดีมาได้เนื่องขาดอายุความ ไม่ใช่รอดด้วยข้อเท็จจริง

นายจตุพร กล่าวว่า ธรณีสงฆ์ ไม่สามารถซื้อขายได้ กรมที่ดินจึงมีคำสั่งเพิกถอนการซื้อขายครั้งนั้น ต่อมารักษาการปลัดมหาดไทยมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของกรมที่ดิน ปปช.จึงฟ้องรักษาการปลัดมหาดไทยว่า ไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของกฤษฎีกาที่ประชุมใหญ่ซึ่งวินิจฉัยที่ดินยายเนื่อมบริจาคเป็นธรณีสงฆ์

จากนั้นจึงเป็นคดีความในศาลอาญา สู้กันถึง 3 ศาล จนศาลฎีกาไม่รับคำร้องฎีกา แล้วรักษาการปลัดมหาดไทยต้องรับโทษติดคุกและพ้นจากตำแหน่งทางการเมือง หลังจากนั้น ปปช. ให้ที่ดินยายเนื่อมบริจาคเป็นธรณีสงฆ์ตามเดิมมาตั้งแต่ปี 2512 กระทั่งถึงปัจจุบัน

"เมื่อนายกฯ (อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร) ถือสิทธิ์ในที่ดินผืนนี้เป็นสนามกอล์ฟอัลไพน์ แล้วได้โอนสิทธ์ที่ถืออยู่ 30 % ให้แม่ ซึ่งจะเป็นปัญหา เพราะเป็นธรณีสงฆ์มาตั้งแต่ต้นคือ ปี 2512 จึงซื้อขายเปลี่ยนเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชนไม่ได้”

สำหรับที่ดินเขากระโดง นายจตุพร กล่าวว่า กรณีปัญหานั้น ศาลสั่งให้เพิกถอนกรรมสิทธิ์์เพียง 35 รายคดี ซึ่งถูกการรถไฟแห่งประเทศไทยฟ้อง ส่วนที่เหลือยังไม่มีการดำเนินคดีและฟ้องศาล จึงไม่มีคำพิพากษา ดังนั้นสถานะจึงแตกต่างกันกับกรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์

"ในทางการเมือง ที่ดินเขากระโดงทำให้พรรคการเมืองมองหน้ากันไม่สนิทใจ เพราะอัลไพน์ได้ข้อเท็จจริงจบสิ้นแล้วว่าที่ดินบริจาคเป็นธรณีสงฆ์ ส่วนเขากระโดงยังมีช่องว่างให้ไปต่อได้ เพราะนำไปเทียบเคียงกับหลายกรณีที่เกิดขึ้นจากมีการฟ้องคดีเป็นรายๆ และได้ยึดคืนที่ดินให้รัฐในที่อื่นๆ"

พร้อมกล่าวว่า เมื่อนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ถือหุ้นในสนามกอล์ฟอัลไพน์ จึงเป็นความผิดที่จบสิ้นไปแล้ว โดยมีข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติว่า ที่ดินไม่สามารถซื้อขายมาตั้งแต่ต้นที่ยายเนื่อมบริจาค และคำสั่งกระทรวงมหาดไทยในปัจจุบันให้ที่ดินกลับมาเป็นธรณีสงฆ์เหมือนเดิมคือ ตั้งแต่ปี 2512

"ความจริงธรณีสงฆ์ให้เช่าได้ในราคาไม่แพง แต่ซื้อขายไม่ได้ กรณีที่ดินยายเนื่อมนั้นถ้าวัดนำมาเก็บค่าเช่าสามารถมีรายได้มาดูแลวัดได้ แต่ในทางการเมืองนั้น ที่ดินตั้งแต่ต้นซื้อขายเพียง 100 กว่าล้าน แล้วเพิ่มมูลค่าเป็น 500 กว่าล้าน และปัจจุบันมีมูลค่าพุ่งทะลุกว่า 5,000 ล้าน”

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าผู้ครอบครองที่ดินมีเจตนาบริสุทธิกับวัดแล้ว ควรคืนที่ดินให้วัด แล้วทำสัญญาเช่ามาตั้งแต่ต้นก็ได้ โดยเสียค่าเช่าให้วัดไปก็ไม่มีความผิด แต่ความต้องการกรรมสิทธิ์จึงทำให้ยุ่งยาก เพราะไม่สามารถนำธรณีสงฆ์ในที่อื่นๆ นำมาเทียบเคียงการซื้อขายกันได้ ซึ่งไม่มีเลย เพราะธรณีสงฆ์ซื้อขายกันไม่ได้

"ในข้อเท็จจริงแล้วธรณีสงฆ์กฎหมายไม่อนุญาตให้ซื้อขายกัน และเจตนารมณ์ยายเนื่อมชัดเจนว่า บริจาคให้วัด อุทิศให้พระพุทธศาสนาเพื่อตัวเองจะไปสวรรค์ตามความเชื่อการทำบุญใหญ่ ซึ่งไม่ได้บริจาคให้ทำสนามกอล์ฟ แต่เจตนาของยายเนื่อมถูกแปลงมาเป็นสนามกอล์ฟและทำบ้านจัดสรรขาย จึงเป็นความผิดมาตั้งแรกที่ซื้อขายกัน ซึ่งเป็นเรื่องไม่ควรกระทำ ดังนั้น ควรคืนให้วัด"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เสื้อแดงตาสว่างหรือยัง 'ใบอนุญาต' ประจานทักษิณ-เพื่อไทย!

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์เรื่องใบอนุญาต2ใบในการจัดตั้งรัฐบาล โดยตั้งคำถามว่า ทำไมพรรคการเมืองกลับเลือกใช้วิธี “หมอบ สยบยอม เอาใจ” ผู้ออกใบอนุญาตที่ 2

ไทยในสายตาต่างชาติ (ตอนที่ 48: พระราชกฤษฎีกา 1 เมษายน 2476 คือ การทำรัฐประหารเงียบหรือ ?)

ในตอนที่แล้ว ผู้เขียนได้สรุปเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่เป็นเงื่อนไขที่นำมาสู่การประกาศพระราชกฤษฎีกาวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 อันเป็นพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร

'จตุพร' ขยี้เพื่อไทย เกิดจากนำคนลงถนนจนได้ดิบได้ดี กลับลืมกำพืดถนน

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์โดยกล่าวประชดประชันรัฐบาลพรรคเพื่อไทยผลักดันตั้งประธานบอร์ด

'ปิยบุตร' อัดเพื่อไทย! ทำเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจการเมือง ช้าออกไปอีก 10-20 ปี

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่าแทนที่พรรคการเมืองจะรวมพลัง “ยึด” อำนาจการออกใบอนุญาตที่ 2 ของ