เข้าทาง! ผู้ร้องคดี 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง ฟันธงศาลรธน. รับคำร้องแน่นอน

ผู้ร้องคดีล้มล้างฯ ชี้ความเห็นอัยการสูงสุด เข้าทาง ยิ่งตอกย้ำ ยื่นตรงศาลรธน. ทำถูกต้อง เชื่อไม่มีผลลงมติ 9 ตุลาการฯ กางราชกิจจาฯ หน้า 22 คดีพรรคก้าวไกล กำหนดบรรทัดฐานไว้แล้ว ศาลมีหน้าที่และอำนาจต้องรับเรื่องคดีล้มล้างฯ ไว้ตรวจสอบ ฟันธง ศุกร์นี้ ทักษิณ-พท. โคม่า ศาลรับชัวร์

19 พ.ย.2567 - จากกรณีที่มีข่าวว่านายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด ได้ส่งหนังสือความเห็นถึงศาลรธน.ในคำร้องคดีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ร้องว่า นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่หนึ่งและพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่สอง มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองฯ จึงขอให้ศาลรธน.มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสองหยุดพฤติการณ์ดังกล่าว

โดยมีรายงานว่า อัยการสูงสุดเสนอความเห็นประกอบเอกสารบันทึกการให้ถ้อยคำของผู้ร้องและผู้ถูกร้องที่ส่งถึงสำนักงานศาลรธน. ว่า พิจารณาแล้ว ผู้ถูกร้องทั้งสอง ไม่มีพฤติการณ์ฯ (ล้มล้างการปกครองฯ) ตามที่ถูกร้องแต่อย่างใด

ด้านนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ผู้ร้องในคดีดังกล่าว กล่าวถึงเรื่องนี้โดยชี้ไว้ 4 ประเด็นดังนี้ว่า เป็นที่น่าสงสัยว่า ทำไมถึงเพิ่งมีข่าวออกมาในช่วงนี้ที่ใกล้วันที่จะมีการประชุมตุลาการศาลรธน.เพื่อลงมติว่าจะรับหรือไม่คำร้องคดีดังกล่าวไว้วินิจฉัยในการประชุมนัดพิเศษวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. ที่ตามข่าวว่าเลื่อนมาจากวันพุธนี้ 20 พ.ย. ทั้งที่สัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวว่า อัยการสูงสุด ได้ส่งเอกสารข้อมูลต่างๆ ในคดีดังกล่าวไปที่สำนักงานศาลรธน. หมดแล้ว แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่า อัยการสูงสุดได้ทำความเห็นในฐานะอัยการสูงสุดประกอบส่งถึงศาลรธน.หรือไม่ แต่กลับมีข่าวออกมาในช่วงใกล้วันประชุมตุลาการศาลรธน.ว่าอัยการสูงสุดมีความเห็นดังกล่าว ถือเป็นประเด็นที่น่าสงสัย

นายธีรยุทธกล่าวต่อไปว่า ประเด็นที่สอง ส่วนความเห็นของอัยการสูงสุด ที่เห็นว่า ผู้ถูกร้อง(นายทักษิณ ชินวัตร-พรรคเพื่อไทย) ไม่ได้มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองฯ จะมีผลต่อการพิจารณาของตุลาการศาลรธน.หรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องไปดูมาตรา 49 ของรธน.ที่บัญญัติว่า หากอัยการสูงสุดไม่รับดำเนินการ หากมีผู้ไปยื่นคำร้องว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ หรือครบกำหนด 15 วันไปแล้ว หลังยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุด หากอัยการสูงสุดไม่ดำเนินการใดๆ ก็ให้สิทธิผู้ร้องไปร้องตรงต่อศาลรธน.ได้ ดังนั้นการที่อัยการสูงสุดมีความเห็นไม่ดำเนินการใดกับผู้ถูกร้อง จึงเข้าองค์ประกอบของมาตรา 49ในส่วนแรกที่ว่า หากอัยการสูงสุดไม่ดำเนินการก็ให้สิทธิ์กับผู้ร้อง ไปร้องตรงต่อศาลรธน.ได้

นายธีรยุทธกล่าวต่อไปว่า ประเด็นที่สาม แล้วคำร้องของผู้ร้อง มีหลักฐานเพียงพอที่ศาลรธน.จะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ ก็เนื่องจากว่าในวันที่ 22 พ.ย.ตามข่าวที่ออกมา จะเป็นการประชุมตุลาการศาลรธน.แค่เพียงว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง เรื่องนี้ ตามขั้นตอนกระบวนการพิจารณาคดีของศาลรธน. ภาษากฎหมายเรียกว่า ชั้นตรวจรับคำร้อง ซึ่งมีกรณีที่ศาลรธน.ตรวจแค่เพียงว่า ผู้ร้อง เป็นประชาชน และมิสิทธิ์ร้องต่อศาลรธน.หรือไม่ และเนื้อหาในคำร้องมีความชัดเจน ไม่คลุมเครือและมีพยานหลักฐาน มีพยานเอกสาร เพียงพอที่ศาลจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ในชั้นนี้ ศาลจะตรวจเพียงเท่านี้ ข้อสังเกตก็คือว่า เดิมเราได้ยินข่าวว่า คณะทำงานของอัยการสูงสุด มีความเห็นว่า คำร้องของผมที่ยื่นต่ออัยการสูงสุด ไม่มีมูลเพียงพอ จึงเห็นควรยุติ และเสนอความเห็นไปยังอัยการสูงสุด แต่ปรากฏว่า อัยการสูงสุด มีความเห็นให้ย้อนสำนวนลงมาที่คณะทำงานอัยการให้เรียก ผู้ร้องคือตัวผมกับผู้ถูกร้องมาให้ถ้อยคำเสียก่อน อันหมายถึงว่าในความเห็นเบื้องต้นของอัยการสูงสุดก็คือ คำร้องของผมมีมูล ท่านจึงย้อนสำนวนกลับมายังคณะทำงาน ให้เรียกผู้ร้องกับผู้ถูกร้องมาให้ถ้อยคำเพื่อสอบข้อเท็จจริง

นายธีรยุทธกล่าวอีกว่าในประเด็นเดียวกันนี้ ที่มีการโจมตีว่าคำร้องของตน เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองที่กำลังสูญเสียผลประโยชน์หรือว่ากำลังต่อสู้กับพรรคเพื่อไทย จึงเป็นคำร้องที่มีลักษณะเป็นการกลั่นแกล้งพรรคเพื่อไทย จึงต้องไปดูว่าการที่อัยการสูงสุดมีความเห็นย้อนสำนวนกลับไปที่คณะทำงาน เรียกผู้ร้องกับผู้ถูกร้องมาให้ถ้อยคำเพื่อทำการสอบสวน ความเห็นของอัยการสูงสุดในจังหวะนี้ คำร้องของผมไม่มีเหตุอันเป็นการกลั่นแกล้งพรรคผู้ถูกร้อง(เพื่อไทย) และตัวผู้ร้องใช้สิทธิตามมาตรา 49 ในการไปร้องต่อศาลรธน. ผมจึงเชื่อว่าศาลรธน.น่าจะเห็นว่าคำร้องคดีดังกล่าวมีมูล

“หากศาลรธน.เห็นว่าคำร้องของผม ไม่มีมูลเพียงพอ ท่านจะไม่มีมติให้สอบถามไปยังอัยการสูงสุด เพื่อให้ชี้แจงว่าหลังจากผมไปยื่นต่ออัยการสูงสุดก่อนยื่นศาล ทางอัยการสูงสุดได้ดำเนินการอะไรไปบ้างแล้ว การที่ศาลรธน.สอบถามไปยังอัยการสูงสุด เป็นการบ่งชัดมาในระดับต้นว่า ศาลได้ตรวจคำร้องเบื้องต้นมาในระดับหนึ่งแล้วว่ามีเหตุอันควรรับในความเข้าใจผม และเมื่อดูจากที่อัยการสูงสุด มีความเห็นย้อนสำนวนไปที่คณะทำงานอัยการ สองเรื่องนี้เมื่อมาพิจารณาประกบกัน ยืนยันได้ชัดเจนว่าคำร้องที่ยื่นไปมีมูลเพียงพอที่จะรับไว้ตรวจสอบ”นายธีรยุทธกล่าว

นายธีรยุทธกล่าวอีกว่า ประเด็นที่ 4 ในคำวินิจฉัยของศาลรธน.ที่ 3/2567 ในกรณีคำร้องขอให้ศาลรธน.ตรวจสอบการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์และพรรคก้าวไกล(คดีล้มล้างการปกครองฯ) ในคำวินิจฉัยดังกล่าว ที่เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา หน้าที่ 22 ศาลรธน.มีคำวินิจฉัยไว้ตอนหนึ่งว่า รธน.มาตรา 49 บัญญัติกำหนดหน้าที่และอำนาจ ให้ศาลรธน.ทำการตรวจสอบการกระทำของบุคคลที่ได้กระทำการอันเป็นการล้มล้างการปกครองฯ โดยรธน.ไม่ได้บัญญัติยกเว้นการกระทำใดไว้เป็นการเฉพาะที่ศาลไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้ คำวินิจฉัยหน้าที่ 22 ดังกล่าว หมายถึงว่า รัฐธรรมนูญได้กำหนดหน้าที่ให้กับศาลรธน.ต้องทำการตรวจสอบการกระทำของบุคคลที่มีผู้ร้องว่า มีบุคคลได้กระทำการอันเป็นการล้มล้างการปกครองฯ เมื่อรธน.ที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ กำหนดหน้าที่ให้กับศาลแล้ว ศาลรธน.จึงมีหน้าที่ต้องรับคำร้องนั้นไว้เพื่อการตรวจสอบ รธน.ไม่ได้กำหนดให้ศาลใช้ดุลยพินิจที่จะไม่รับคำร้องกรณีที่มีประชาชนไปร้องขอให้ตรวจสอบการกระทำของบุคคลฯที่อาจเข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ

“คำวินิจฉัยในจุดนี้ จึงยืนยันชัดว่ามาตรา 49 กำหนดหน้าที่ให้ศาลรธน.ต้องทำการตรวจสอบ ไม่ได้กำหนดให้มีดุลยพินิจว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง แต่กำหนดหน้าที่ไว้เลย และคำวินิจฉัยดังกล่าวยังระบุอีกว่า รัฐธรรมนูญได้กำหนดหน้าที่และอำนาจ ที่ก็คือนอกจากกำหนดไว้เป็นหน้าที่แล้ว ยังให้อำนาจศาลรธน.ในการตรวจสอบอีกว่าให้ทำการใดบ้าง ศาลจึงบอกอีกว่า ไม่ได้มีการบัญญัติยกเว้นว่าการกระทำใดที่ศาลไม่สามารถทำการตรวจสอบได้ ก็หมายถึงว่าศาลรธน.ถูกกำหนดให้ต้องทำหน้าที่และถูกกำหนดให้มีอำนาจ และถูกกำหนดว่าทุกการกระทำ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะเป็นการกระทำใด ศาลรธน.ตรวจสอบได้ทั้งหมด ผมจึงเชื่อมั่นว่า ศาลรธน.จะมีมติรับคำร้องไว้วินิจฉัย”นายธีรยุทธระบุ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อิ๊งค์' นำประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทย ขอบคุณ สส.ทำงานหนัก

พรรคเพื่อไทย จัดประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 1/ 2567 มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา

รู้ไว้ซะ 'ปิยบุตร' เผย 'ทักษิณ' ได้กลับบ้าน เพราะก้าวไกลชนะเลือกตั้ง!

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงกันอีกครั้ง

ตามคาด! อสส.ไม่รับดำเนินการคดี 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง

อัยการสูงสุดไม่รับดำเนินการคดีทักษิณ-เพื่อไทย ล้มล้างการปกครอง ส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเเล้วพร้อมผลการสอบถ้อ

'อดีตบิ๊กศรภ.' ชี้ 'ทักษิณ' ยังมีโอกาสอยู่เกินปีใหม่แน่ แต่ไม่น่าจะเกินต้นปีหน้า

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ ทักษิณ