16 พ.ย.2567 - พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 มีวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 15 พ.ย. 2567 ถึง รอง ผบช. และผบก.ในสังกัด ภ.8 ใจความว่า 1. อ้างถึงวิทยุ ตร.ด่วนที่สุด ที่ 0007/44 ลง 24 ก.พ. 63 กำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยกวดขันความประพฤติและระเบียบวินัยข้าราชการตำรวจในสังกัด ประกอบกับ ผบ.ตร. ได้สั่งการในการประชุมการจัดงานลอยกระทง วันที่ 15 พ.ย. 67 ให้ทุกหน่วยกำชับการแต่งกาย โดยเฉพาะเรื่องทรงผม ให้เป็นไปตามระเบียบ ตร. ว่าด้วยการปฏิบัติของข้าราชการตำรวจ เมื่อแต่งเครื่องแบบ พ.ศ. 2561 โดยเคร่งครัด
2. ให้ ผบก.ฯ, ผกก. และผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบตามนัยคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 ลง 1 ต.ค. 67 มีหน้าที่กวดขัน กำชับและกำกับดูแลการปฏิปฏิบัติในเรื่องทรงผมของข้าราชการตำรวจ ในปกครองบังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด โดยกำหนดวงรอบการตรวจทรงผมเป็นประจำทุกสัปดาห์ สำหรับข้าราราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นเวร/เป็นผลัด โดยเฉพาะในสถานีตำรวจ ให้หัวหน้าเวรในหน้าที่นั้น มีหน้าที่ตรวจจสอบให้เรียบร้อยทุกครั้งก่อนปฏิบัติหน้าที่ และจัดทำหลักฐานการตรวจสอบและการปฏิบัติตามคำสั่งไว้ไว้ให้ชัดเจน โดยให้ รอง ผบก.ฯ(รับผิดชอบงานจเรตำรวจ) ออกตรวจสอบ ติดตาม สุ่มตรวจ อย่างสม่ำเสมอ
3. รายงานผลการตรวจสอบตามแบบรายงานที่กำหนด ให้ ภ.3 ทราบทุกวันพฤหัสบดีของแต่ละสัปดาห์ ก่อนเวลา 13.30 น. ทางระบบงานสารบรรณ และทางไลน์กลุ่มงานร้องเรียน วินัย ภ.8 ทั้งนี้ หากพบว่าละเลยเพิกเฉยไม่ตระหนักถึงความสำคัญจะพิจารณาข้อบกพร่องเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติตนของข้าราชการตำรวจเมื่อแต่งเครื่องแบบ พ.ศ. 2561 ที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กำชับให้ยึดถือระเบียบนี้อย่างเคร่งครัด ระบุถึงการแต่งกายของข้าราชการตำรวจชายทุกคน โดยเมื่อแต่งเครื่องแบบ ให้ตัดผมสั้น ด้านข้างขาวทั้ง 3 ด้าน ด้านบนความยาวไม่เกิน 3 เซนติเมตร ส่วนข้าราชการตำรวจชายที่ปฏิบัติหน้าที่การสืบสวน หรือการข่าวหรือป้องกันปราบปรามยาเสพติดเมื่อไม่แต่งเครื่องแบบ ให้ไว้ผมรองทรงสูง
ขณะที่ข้าราชการตำรวจหญิง เมื่อแต่งเครื่องแบบนั้นต้องไม่ปล่อยให้ผมยาวประบ่า หรือปรกบ่าจนปิดอินทรธนู หากไว้ผมยาวต้องขมวดปลายผมให้เรียบร้อย ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ในการขมวดปลายผมให้ใช้สีดำเท่านั้น และหากต้องใช้อุปกรณ์ตกแต่งทรงผม ควรใช้กิ๊บ หรือริบบิ้นขนาดเล็กสีดำเพียงสีเดียว ห้ามไว้ผมเปีย ผมแกละ ผมทรงหางม้า ผมม้าปรกหน้า หรือทรงผมอื่นที่ไม่เหมาะสม
และห้ามข้าราชการตำรวจไม่ว่าชายหรือหญิงทำสีผม หากจำเป็นต้องทำสีผมให้ทำเป็นสีดำได้เพียงสีเดียว และห้ามใช้ครีมแต่งผม หรือสารอื่นใดตกแต่งทรงผม ให้มองดูแล้วผมเปียก ด้านตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่สืบสวนหาข่าว หรือการข่าวในการถวายความปลอดภัยหรือการอารักขาบุคคลสำคัญ ให้แต่งกายแบบสากลนิยม ชุดสูทหรือเสื้อทรงซาฟารี และติดเครื่องหมายบอกฝ่าย
ในระเบียบยังระบุด้วยว่า ข้าราชการตำรวจทุกคนจะต้องประพฤติตนให้อยู่ในระเบียบวินัยโดยเคร่งครัด เมื่อแต่งเครื่องแบบต้องแต่งกายให้เรียบร้อย หลีกเลี่ยงการแสดงกิริยาท่าทางที่ไม่เหมาะสมในที่สาธารณะเช่น ยืดอก ล้วงกระเป๋า ยืนพิง เท้าแขน เท้าเอว นั่งไขว้ห้าง เป็นต้น
รวมทั้งต้องไม่แสดงกิริยาวาจาใดๆ ลักษณะหยาบคาย ดูหมิ่น หรือเยียดหยามประชาชน และเครื่องแบบตำรวจที่ใช้สีกากี ต้องเป็นสีกากีพระราชทาน (สนว.01) ท้ายระเบียบระบุว่า ให้สำนักงานจเรตำรวจ หรือผู้บังคับบัญชาแล้วแต่กรณี ตรวจสอบ กวดขันดูแลการปฏิบัติระเบียบนี้ และรายงานผลการตรวจสอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ ผ่านกองวินัย ตามห้วงเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ เมื่อ 17 ต.ค. 2566 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ในขณะนั้น ได้ลงนามในระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติตนของข้าราชการตำรวจเมื่อแต่งเครื่องแบบ พ.ศ. 2566 โดยในระเบียบมีการระบุเหตุผลที่ประกาศใช้ เนื่องด้วยเห็นว่าเป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติตนของข้าราชการตำรวจเมื่อแต่งเครื่องแบบ เพื่อให้มีความเหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 63 (2) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565
โดยใจความสำคัญของระเบียบนี้ ระบุในข้อ 4 ว่าข้าราชการตำรวจชายเมื่อแต่งเครื่องแบบให้ไว้ผมสั้น โดยผมด้านบนความยาวไม่เกิน 5 เซนติเมตร ด้านข้างและด้านหลังความยาวไม่เกิน 1 เชนติเมตร
ข้อ 5 สำหรับข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยที่ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ตำแหน่งผู้บังคับการขึ้นไปกำหนด หรือที่ปฏิบัติหน้าที่การสืบสวนหรือการข่าวหรือการป้องกันปราบปรามยาเสพติด เมื่อแต่งเครื่องแบบอาจไว้ผมไม่เป็นไปตามข้อ 4 โดยให้ไว้ผมรองทรงสูงได้
กรณีที่ไม่สามารถไว้ผมตามวรรคหนึ่งได้ ให้ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ตำแหน่งผู้กำกับการขึ้นไปเป็นผู้อนุญาต โดยการไว้ผมดังกล่าวจะต้องมีความเหมาะสม สะอาด และเรียบร้อย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สันธนะ' หอบหลักฐานเด็ดให้ 'บิ๊กต่าย' มัดคนฆ่า สจ.โต้ง ไม่ใช่ 'โกทร'
นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล พร้อมทีมงาน ประสานเข้าพบ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ จำนวน 41 ราย
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ
'บิ๊กอ้อ' ลุยปราจีนฯ คุมสางคดีฆ่า 'สจ.โต้ง' มั่นใจหลักฐานพอ ไม่พึ่งวงจรปิด
'บิ๊กอ้อ' บินสางปมยิง 'สจ.โต้ง ปราจีน' เชื่อชนวนเหตุสังหารจากการเมืองท้องถิ่น มั่นใจหลักฐานเพียงพอ แม้วงจรปิดที่เกิดเหตุเสีย
‘ก.ตร.เอก’ เตือนผู้มีอำนาจ ตั้ง ‘รองผบช.-ผบก.’ 116 เก้าอี้ ยึดกฎระเบียบ ฝ่าฝืนโทษวินัย-อาญา
พล.ต.อ.เอก แจงยิบการแต่งตั้ง รอง ผบช.จำนวน 41 ผบก.75 ตำแหน่ง เตือนผู้มีอำนาจแต่งตั้งทุกระดับ ทั้งโทษวินัยและอาญา
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับ รองผบ.ตร.-ผบช. วาระประจำปี 2567
การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเมื่อวันที่ 21 พ.ย.2567 ได้มีมติเห็นชอบบัญชีรายชื่อแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ
นายกฯ ถึงไทย ‘บิ๊กต่าย’ เข้ารายงานปมร้อน จัดโผแต่งตั้ง รองผบ.ตร- ผบช. 20 พ.ย.นี้
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เข้ารายงานนายกฯถึงการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่10/2567 ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ เวลา 14.30 น.