10 พ.ย. 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ระบุว่า ขณะนี้ประเทศถูกนักโทษคดีทุจริตท้าทายกระบวนการยุติธรรม สั่งการ แทรกแซงและเอื้อประโยชน์ให้องค์กรตรวจสอบละเว้นทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ซึ่งคนไทยจะยอมและปล่อยให้บ้านเมืองเป็นเช่นนี้หรือไม่
อีกทั้งทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงส่วน MOU 44 ไม่มีผลอะไรกับการเจรจาเขตแดนทับซ้อน แต่ตนเห็นว่า ถ้าไม่อะไร แล้วจะแบ่งประโยชน์ 50:50 ได้อย่างไร ดังนั้น จึงเป็นการพูดไม่ครบ เพราะไม่พูดกรณีสัมปทานพลังงานให้เชฟรอนและดินแดนทับซ้อนทางทะเล
นายจตุพร กล่าวว่า ในยุคของจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกฯ ยกพลังงานให้เชฟรอน ยังไม่มีผลประโยชน์ดินแดน ทั้งที่มีการขีดเส้นเขตแดนและทับซ้อนกันแล้ว ดังนั้น ในกรณีรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร รีบเจรจา MOU 44 ย่อมทำให้สุ่มเสี่ยงต่อดินแดนไทย ซึ่งไม่ใช่เรื่องเขตแดนเกาะกูด แต่เป็นอาณาเขตทางทะเลอื่นๆ ส่วนเชฟรอนก็ได้ประโยชน์แหล่งพลังงานใต้ทะเลก่อน โดยแลกกับไทยได้แค่ค่าภาคหลวงเท่านั้น
"ถ้าจะเอากันให้ได้ ก็สู้กันสักตั้งย่อมไม่มีปัญหา ทำไมไม่ตกลงเรื่องดินแดนทับซ้อนให้้เรียบร้อยก่อน แล้วรื้อสัญญาเชฟรอนกันใหม่เพื่อทำให้เกิดผลประโยชน์ชาติ คนไทยจะได้ไว้วางใจ แต่คุณกลับรีบเจรจาเพื่อประโยชน์เชฟรอนอย่านั้นเหรอ วันนี้เราจะให้ผู้ต้องคดีทุจริตมากำหนดอนาคตประเทศชาติ บ้านเมือง และประเทศไทยเดินมาถึงจุดเฮงซวยได้กันขนาดนี้เหรอ”
ส่วนกรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาส่งทักษิณ มาอยู่ รพ.ตำรวจ กลายเป็นพยาบาลเข้าเวรในเรือนจำเป็นคนตัดสินใจ โดยอ้างโทรปรึกษาแพทย์ อย่างไรก็ตาม มีความสงสัยกันว่า โรคที่ทักษิณ เป็นฉับพลันตรงกับใบรับรองแพทย์ก่อนหน้านี้หรือไม่ และเรือนจำได้บันทึกภาพอาการป่วยวิกฤตไว้หรือไม่ ดังนั้น แพทย์ รพ.ตำรวจและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควรทำหน้าที่ยึดมั่นในความจริง เพราะความจริงเท่านั้นที่จะเยียวยาทุกอย่าง
รวมทั้งกล่าวถึงการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ว่า หลังจาก อนุ ปปช.รวบรวมหลักฐานแล้วจะตั้งกรรมการไต่สวนชั้น 14 ขึ้นในวันที่ 14 พ.ย. นี้ แต่ที่น่ากังวลคือ บางคนมีบทบาทสำคัญและถูกสงสัยการทำหน้าที่เพื่อแลกกับผลประโยชน์อื่นใด เพราะเส้นทางของคนนี้เกี่ยวข้องกับการฝากลูกทำงาน ปตท. จึงเตือนให้ทำหน้าที่สอดคล้องกับตำแหน่งได้รับโปรดเกล้าฯ ด้วย
อย่างไรก็ตาม ถ้ากรรมการไต่สวนเสร็จแล้วต้องส่ง ปปช.ชุดใหญ่พิจารณา ถ้าไม่มีคนบรรจุระเบียบวาระแล้ว ปปช.ก็ประชุมไม่ได้ จึงมีการสงสัยเส้นทางของใครบางคนไปฝากลูกเข้า ปตท. จึงเตือนสติว่า อย่าได้ทำ เพราะลูกไปทำงานคือหลักฐานสำคัญจะโยงถึงการทำงานกับการเอื้อประโยชน์อื่นใดด้วย
นายจตุพร กล่าวถึงการพูดติดตลกของทักษิณ กรณีชั้น 14 ว่า ใครอยากตลกก็ตลกไปถึงชั้น 14 15 16 17 ถึงที่สุดแล้ว แต่ละองค์กรต้องคิดให้ดีในเรื่องข้อที่ 1 ตามคำร้อง 6 ข้อของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร โดยเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้าคนอยู่ชั้น 14 ไม่ได้รับโทษจริง เพราะ รพ.ตำรวจ ไม่ได้เป็นสถานที่คุมขังตามอำนาจของ รมว.ยุติธรรม ดังนั้น ทุกอย่างทางคดีต้องกลับเข้าสู่สถานะเดิม คือ เป็นไปตามการลดโทษจาก 8 ปีให้เหลือ 1 ปี
อีกทั้งกล่าวว่า อะไรไม่ถูกต้องกับพระบรมราชโองการลดโทษเหลือ 1 ปี และนักโทษยังบอกว่า เคารพในขบวนการยุติธรรม ยอมรับทำผิดจริง แต่ไม่ถูกขังสักวัน ดังนั้น การไม่รับโทษก็ทำลายกระบวนการยุติธรรมย่อยยับ นอกจากนี้ถ้าพิสูตรได้ว่า ทักษิณ ไม่ได้ป่วยจริงแล้ว รายชื่อทั้ง 10 คนมีสิทธิเข้าเยี่ยมต้องถูกข้อหาร่วมกันปกปิด
“สำหรับองค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบ ไม่ทำหน้าที่และยังรับผลประโยชน์อื่นใดจนสร้างความเสียหายต่อการปราบปรามการทุจริต ดังนั้น ปปช.ที่เหลืออยู่ 6 คน ถ้าไม่ทำหน้าที่ปราบปรามการทุจริต คุณควรออกไป”
พร้อมกล่าวว่า ส่วนใครไปฝากลูกเข้า ปตท. เมื่อยังเกี่ยวข่้องกับผลประโยชน์อื่นใดแล้วจะทำหน้าที่ตรวจสอบได้อย่างไร ดังนั้น ถ้าคณะกรรมการไต่สวนเสร็จ ไม่นำเรื่องเข้า ปปช.ชุดใหญ่โดยมีผลประโยชน์อื่นใดมาเกี่ยวข้องนั้น จะกระทบกับบ้านเมืองในหลายเรื่อง เพราะการปล่อยให้คนทำผิดไปทำผิดต่อสร้างความเสียหายกับชาติบ้านเมืองนั้น ต้องมีส่วนรับผิดชอบกันเต็มๆ
"ใครจะตลกก็ตาม แต่บ้านเมืองจะตลกแดกแบบนี้ไม่ได้ เพราะเกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของชาติ และหลักทำนองคลองธรรม จึงเตือนเพื่อให้สติ อีกทั้งเชื่อว่าคนที่เป็นอัยการสูงสุดจะยึดสถาบันหลักของชาติทั้งสามไว้ กษัตริย์ ชาติ และประชาชน และดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม”
นายจตุพร กล่าวว่า องค์กรมีหน้าที่รักษาความยุติธรรมไม่ปฏิบัติหน้าแล้ว จะมีกระบวนการยุติธรรมไว้ทำไม โดยคำว่าผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูกต้องอยู่ตามกระบวนการยุติธรรม และที่สำคัญเรื่องกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ย่อมต้องให้ความสำคัญเป็นหลัก
วันนี้ในแต่ละส่วนสังคมเกิดความประหลาดขึ้น แม้แต่นักข่าวยังถูกคนไม่พอใจสั่งสำนักข่าวให้พ้นหน้าที่ดำเนินรายการและไม่ให้นำเทปบันทึกสัมภาษณ์ตนออกอากาศด้วย ซึ่งยังมีการสั่งการเช่นนี้รุกคืบไปอีกหลายสำนักข่าว ดังนั้น ปัญหาจึงไม่รู้กันจริงๆ หรือว่า อะไรผิด ถูก ชั่ว ดี แต่ต้องการแลกกับผลประโยชน์งบประมาณในรูปแบบต่างๆ เท่านั้นหรือ? บ้านเมืองย่อมหาหลักความถูกต้องไม่ได้
“ผมไม่ต้องการให้ประขาชนมีความยากลำบากลงถนนกันอีกรอบหนึ่ง จึงหวังให้คนมีหน้าที่ได้ทำหน้าที่ให้ตรงไปตรงมาก็รักษาความเป็นชาติ บ้านเมืองได้ ถ้าทำหน้าที่ไม่ได้ ก็จะทำหน้าที่ทำไม”
นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้สื่อถูกรุกคืบ องค์กรยุติธรรมก็ถูกรุก และรุกแทรกแซงอีกหลายแห่ง ดังนั้นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองแต่ละส่วนต้องช่วยกันคิดอ่านว่า การที่ประเทศเดินมาถึงจุดนี้ เพราะยอมรับในสิ่งที่ผิดมาตลอด และบ้านเมืองจะอยู่แบบนี้ไม่ได้ แล้วควรมีทางออกเช่นใด
อย่างไรก็ตาม ทักษิณพูดโชว์ตลกนั้น ดูเหมือนคนในประเทศถูกทำให้โง่ ต้องเชื่อว่า ผู้นำพรรคร่วมเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าไปกินมาม่า และเจ้าของบ้านก็เลี้ยงมาม่า ถามว่าคนไทยเชื่อหรือไม่ แล้วพูดเพื่ออะไร เพื่อตบหน้าคนไทยฉาดใหญ่หรือ? ดังนั้น เมื่อถูกไต่สวนในศาล รธน. ขอให้สู้ว่า ไปกินมาม่า แล้วศาลจะเชื่อหรือไม่ อีกอย่างไม่แน่ใจพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือจะพร้อมถูกยุบไปด้วยกันหรือไม่
"คนไทยถูกตบหน้า สังคมถูกท้าทาย เขาไม่แยแส คนไทยถูกทำให้เป็นคนโง่ เป็นตัวตลก บอกว่ากินมาม่าก็ต้องมาม่า มีอะไรหรือเปล่า ต้องเชื่ออย่างเดียวเท่านั้น ขณะที่องค์กรตรวจสอบก็ถูกสงสัยการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา กระบวนการยุติธรรมย่อยยับ บ้านเมืองจะอยู่กันแบบนี้เหรอ" นายจตุพร กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นิพิฏฐ์ ' เผยข่าวไม่ดีชั้น 14 เอาตัวให้รอดดีกว่า
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง โพสต์ข้อความหัวข้อ "เอาตัวให้รอด" มีรายละเอียดดังนี้
'นิพิฏฐ์' ชี้ข้อกังขาเจรจาแบ่งทรัพยากรฯใต้ทะเลไทย-กัมพูชา
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นักกฎหมาย อดีตสส.จังหวัดพัทลุง โพสต์เฟซบุ๊ก"เรื่องเกาะกูด กับ MOU 44" ระบุว่า 1.อย่าหลงประเด็นว่า
‘เทพไท’ ตอกหน้าลิ่วล้อทักษิณ เมื่อทำเลวเหมือนเดิม ไม่แปลกคนค้านเป็นพวกเดิม
เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ จำเป็นอยู่ดี คนที่ออกมาคัดค้านจะเป็นคนหน้าเดิมเป็นส่วนใหญ่ เมื่อคนพวกเดิมในระบอบทักษิณเข้ามาบริหารประเทศ
นักวิชาการ ชี้ปมหารือจันทร์ส่องหล้า หนักกว่านักโทษเทวดา เหตุเป็นเรื่องส่วนบุคคล
นักวิชาการฟันฉับ ไม่เกินพ.ย.ศาลรธน.รับคดี’ทักษิณ-พท.’ล้มล้างฯ ไว้วินิจฉัย ชี้ปมหารือจันทร์ส่องหล้า หนักกว่า นักโทษเทวดา เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล
ปชช.หวั่นไหว 'การเมือง-พิษเศรษฐกิจ' กระทบเงินในกระเป๋า
ซูเปอร์โพล ชี้การเมืองและเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อความหวั่นไหวของประชาชน โดยเฉพาะเงินในกระเป๋ามาอันดับหนึ่ง