2 พ.ย.2567 - จากกรณีที่ในวันจันทร์ที่ 4 พ.ย. นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการสรรหาประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือประธานบอร์ดธปท. และได้มีการเคลื่อนไหวของ227 นักวิชาการ และกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ที่ออกแถลงการณ์ เรื่อง ห่วงใยธนาคารแห่งประเทศไทย ถูกแทรกแซงจากกลุ่มการเมือง เพื่อผลประโยชน์ระยะสั้น ทําลายเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของประเทศในระยะยาว ที่แสดงความเป็นห่วงหากการเมืองเข้าครอบงำธปท.ผ่านบอร์ดธปท. หลังมีกระแสข่าวว่า คณะกรรมการสรรหาฯ อาจเลือกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและอดีตประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี(เศรษฐา ทวีสิน) เป็นประธานบอร์ดธปท.คนใหม่
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงชื่อดังกล่าวด้วยกับกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม กล่าวว่า เหตุที่ร่วมลงชื่อ เพราะทราบดีว่า หากธนาคารกลาง ซึ่งเป็นองค์กรที่ต้องเป็นอิสระ ถูกฝ่ายการเมืองกินรวบจะเป็นหายนะของประเทศ และในฐานะที่เป็นอาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และเป็นคนไทยคนหนึ่งที่รู้ผิดรู้ถูก
หากนิ่งเฉย ไม่ทำอะไร จะรู้สึกเสียใจ เมื่อประเทศต้องเข้าสู่จุดนั้น แต่ถ้าวันนี้ได้ทำเต็มที่ ก็จะไม่มีอะไรค้างคาใจเพราะได้ทำในสิ่งที่ควรจะทำ ได้ตอบแทนคุณแผ่นดินแล้ว
ดร.ชิดตะวัน จากกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม กล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำงานของธปท.แม้อาจจะมีจุดบกพร่องบ้าง เช่น การอธิบายสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจอาจจะน้อยหรือยากเกินไปแต่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ไม่เคยทำให้ประเทศชาติได้รับความเสียหาย ไม่สมควรให้คนของรัฐบาลเข้ามาดูแลหรือนั่งในบอร์ดแบงค์ชาติ เนื่องจากหลักการสำคัญของ central bankคือต้องไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของฝ่ายการเมือง เพราะรัฐบาลโดยทั่วไปจะบริหารประเทศโดยคำนึงถึงกลุ่มทุนที่ให้การสนับสนุน และความนิยมของประชาชน ซึ่งเป็นผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทำให้มักออกนโยบายสายตาสั้น (myopic policy) เช่น นโยบายประชานิยม นโยบายเอื้อประโยชน์นายทุนซึ่งเป็นผลเสียต่อประเทศชาติและประชาชนในระยะยาว นอกจากนี้เมื่อพิจารณาการจัดอันดับโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ปัจจุบันประเทศไทยมีการคอร์รัปชันที่รุนแรงมากในขณะที่ประเทศเดนมาร์กและภูฐานมีการคอร์รัปชันต่ำที่สุดในโลก อันดับ 1 และ 26 ตามลำดับประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 108 จากจำนวน 177 ประเทศ
“การให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปนั่งเป็นบอร์ดของธนาคารแห่งประเทศไทย จึงสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดหายนะต่อประเทศจากการที่นักการเมืองแสวงหาประโยชน์ ดังที่เคยเกิดขึ้นแล้วในปี 2540ซึ่งทำให้ชาติบ้านเมืองได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
การที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมีความเป็นอิสระ ไม่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของฝ่ายการเมืองก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศโดยรวม เช่น กรณีท่านเศรษฐพุฒิ ผู้ว่าฯธปท.ได้แสดงจุดยืนคัดค้านนโยบายรัฐบาลที่จะแจกเงินประชาชนที่มีอายุ 16 ปี ขึ้นไป ทุกคนซึ่งต้องใช้งบประมาณแผ่นดินเกือบ 6 แสนล้านบาท ก่อให้เกิดภาระทางการคลังที่คนไทยทั้งประเทศต้องรับผิดชอบในระยะยาวจนในที่สุดรัฐบาลปรับเปลี่ยนนโยบายเป็นแจกเงินเฉพาะกลุ่มเปราะบางทำให้ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติน้อยลง เป็นต้น”ดร.ชิดตะวันกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากกลุ่มนักวิชาการ กว่า 200 ราย และกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ออกแถลงการณ์ห่วงใยธนาคารแห่งประเทศไทย ถูกแทรกแซงจากกลุ่มการเมือง เพื่อผลประโยชน์ระยะสั้น ทำลายเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของประเทศในระยะยาว และกลุ่มอดีตพนักงานธปท.ที่ร่วมกันลงชื่อเคลื่อนไหว ไม่ให้การเมืองเข้าครอบงำธปท.แล้ว
ในส่วนของภาคประชาสังคมพบว่า ในเพจของ”กองทัพธรรม” ก็ได้มีการรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนร่วมลงชื่อผ่านกองทัพธรรม และเครือข่าย ในหัวข้อ “กองทัพธรรม ขอเชิญพี่น้องประชาชนร่วมลงนามสนับสนุน นักวิชาการและกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ออกแถลงการณ์คัดค้าน รัฐบาลครอบงำแบงก์ชาติ “
โดยล่าสุดจนถึงเวลา 12.00 น. พบว่ามีประชาชนจำนวน 3,740 คน ได้ร่วมลงชื่อผ่านทางกองทัพธรรม สนับสนุน นักวิชาการ และกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ออกแถลงการณ์ห่วงใยธนาคารแห่งประเทศไทย ถูกแทรกแซงจากกลุ่มการเมือง เพื่อผลประโยชน์ระยะสั้น ทำลายเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของประเทศในระยะยาว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
นายกสมาคมทนายฯ เเย้งกฤษฎีกา กรณี 'กิตติรัตน์'
นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกเเถลงการณ์ บันทึกจากนายกสมาคมทนายความฯ ระบุว่าตามที่สื่อมวลชนเสน
นายกฯ เลี่ยงตอบปม 'แบงก์ชาติ' ติงแจกเงินหมื่นเฟส 3
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งหนั
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"