นายกฯ แถลงขอโทษคดีตากใบ ถามกฤษฎีกาแล้ว ไม่เข้าเกณฑ์ออกพ.ร.ก.ต่ออายุความ

นายกฯ เสียใจเหตุการณ์คดีตากใบ ขอโทษในนามรัฐบาล ย้ำจะทำให้ดีที่สุดไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก แจงไม่นิ่งเฉยถาม ‘กฤษฎีกา’ ปมออกพ.ร.ก.ขยายอายุความ แต่ไม่เข้าหลักเกณฑ์-เงื่อนไขตาม รธน. รับพร้อมพูดคุยเยียวยาเพิ่มเติม ไม่หวังปาฏิหาริย์ได้ตัวผู้ต้องหา ลั่นขอให้อยู่กับความเป็นจริง

24 ต.ค.2567 - เมื่อเวลา 15.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงถึงความคืบหน้าคดีตากใบที่จะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ว่า สำหรับคดีตากใบที่นักข่าวให้ความสนใจ คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการกลับไปดูข้อมูลตัวเลขหลายๆอย่าง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ตนเห็นเหตุการณ์นี้ก็รู้สึกเสียใจกับผู้ที่มีผลกระทบทั้งหลาย และรัฐบาลตั้งแต่สมัย 20 ปีที่แล้วก็มีการออกมาแสดงความเสียใจและออกมาขอโทษ ตั้งแต่รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาถึงรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาแสดงความเสียใจและขอโทษกับเหตุการณ์นี้ด้วย รวมถึงได้มีการชดเชยจ่ายค่าเยียวยาไปแล้ว

นายกฯ กล่าวว่า ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีในวันนี้รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และต้องขอโทษในนามรัฐบาลด้วย ก็จะทำให้ดีที่สุดไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ส่วนประเด็นเรื่องตัวกฎหมาย พวกเราไม่ได้นิ่งนอนใจได้มีการส่งคำถามไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งตอนแรกที่มีเรื่องคดีนี้ขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) และรัฐบาลเองไม่ได้นิ่งนอนใจได้ทำงานเร่งรัดเรื่องนี้ ตามกระบวนการต่างๆที่จำเป็นทุกอย่าง ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ได้พูดคุยกันเรื่องผลสรุปต่างๆและได้สอบถามว่ากฎหมายจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง สิ่งที่มีการคอมเม้นท์มาเราจะทำอย่างไรต่อและทำได้หรือไม่ อะไรบ้าง ในเรื่องของการออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)

“เราจึงได้สอบถามสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าทำอะไรได้บ้าง เมื่อพิจารณาเข้าหลักการของกฎหมายแล้วตามรัฐธรรมนูญ โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่ากรณีนี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการตรา พ.ร.ก. มาตรา 172 และมาตรา 174 ส่วนเนื้อหาที่เป็นการต่ออายุความเฉพาะคดีอันเป็นมาตรากฎหมายขึ้น เพื่อเป็นการบังคับใช้แก่คดีดังกล่าวเป็นการเฉพาะ ไม่ได้มุ่งขยายอายุความในคดีลักษณะเดียวกัน เป็นการทั่วไปจึงไม่สอดคล้องกับมาตรา 26 วรรคสอง ทั้งยังอาจเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลตามมาตรา 27 วรรคสามของรัฐธรรมนูญ และหลักกฏหมายอาญาสากล สรุปคือไม่เข้าเกณฑ์ในการออกพ.ร.ก. ตามรัฐธรรมนูญ นี่คือสิ่งที่ทางรัฐบาลส่งไปถามสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าทำอะไรได้บ้างในเรื่องของกฎหมาย” น.ส.แพทองธารกล่าว

น..ส.แพทองธาร กล่าวว่า แต่อย่างไรก็ตาม สุดท้ายนี้แล้วขอให้ทุกคน รวมถึงรัฐเองตระหนักถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้ ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก และอยากให้เกิดเหตุการณ์ที่สงบสุข ไม่อยากให้ทุกฝ่ายต้องเกิดความขัดแย้งซึ่งกันและกัน ก็ขอให้ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้ ซึ่งรัฐก็พยายามอย่างเต็มที่เช่นกัน

เมื่อถามว่า เมื่อคดีจะหมดอายุความ มีคำถามมายังรัฐบาลว่าจะเตรียมรับมือเหตุการณ์ที่จะเกิดหลังจากนั้นอย่างไร เพราะช่วงนี้มีเหตุการณ์ความรุนแรงทางภาคใต้เกิดขึ้น นายกฯ กล่าวว่า อย่างที่ตอบไปแล้วในเรื่องของเหตุการณ์ที่ผ่านมาทางรัฐบาลเองไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อมีหมายศาลหรืออะไรก็ตาม ทางหน่วยงานความมั่นคงเองหรือตำรวจ ก็ทำอย่างเต็มที่ ในการดูแลหรือการออกค้นหา หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับคดีก็ทำอย่างเต็มที่ และในเรื่องของความรุนแรงที่เกิดขึ้นล่าสุดที่มีข่าวที่จังหวัดปัตตานี ได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย ว่าไม่ได้มีผู้เสียชีวิตหรือผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่อยากให้เชื่อมโยงเรื่องความรุนแรงนี้กับการเมือง ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีกจึงไม่อยากให้โยงเรื่องนี้

ถามต่อว่าสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้จำเป็นจะต้องตรึงเข้มเรื่องการรักษาความปลอดภัยมากขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องความปลอดภัยของทุกคนในประเทศมีความสำคัญเพราะฉะนั้นเองตอนนี้ ทั้งหน่วยงานความมั่นคงอย่างกระทรวงกลาโหมที่ได้พูดคุยกัน ก็ดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว ย้ำว่าในเรื่องนี้ก็พยายามตรึงกำลังอยู่แล้ว

ซักว่าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มองว่ากระบวนการยุติธรรมของคดีตากใบ เหมือนเป็นทางออกทางเดียวให้ชาวบ้านในพื้นที่ยังไว้ใจรัฐบาล แต่เมื่อคดีสิ้นสุดไปแล้วความไว้ใจนั้นหายเลือนไป ในฐานะผู้นำรัฐบาลจะสื่อสารอย่างไรกับคนในพื้นที่ นายกฯ กล่าวว่า อย่างที่บอกเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ตนที่วันนี้เป็นนายกรัฐมนตรีรู้สึกเสียใจ ซึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้วคิดว่านายกฯหลายๆท่านที่ผ่านมาก็คิดว่ารู้สึกเช่นเดียวกัน เพราะทุกคนก็เป็นคนไทยเหมือนกัน และก็ได้มีการเยียวยาทุกอย่างไป รวมถึงแสดงความรับผิดชอบ ในส่วนที่ทำได้ เพราะฉะนั้นเองอย่างที่บอกตนจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดเช่นกัน ก็ไม่อยากให้ความรุนแรงแบบนี้เกิดขึ้นอีก อยากให้ทุกคนช่วยกันด้วย เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถ้าจะเกิดความสามัคคีได้ก็ต้องอาศัยทุกฝ่ายร่วมมือกันเพื่อให้เกิดความสงบสุข เพราะฉะนั้นในส่วนของตนและในส่วนของรัฐบาลอะไรที่ทำได้ก็ทำเต็มที่แน่นอนและก็อยากให้ประชาชนทุกๆคนไว้ใจว่ามาอยู่ตรงนี้ก็อยากทำให้ประชาชนได้สบายใจและให้บ้านเมืองได้สงบสุข นั่นคือเป้าหมายสำคัญ

ถามอีกว่าคดีดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงนายทักษิณ เป็นนายกฯ วันนี้น.ส.แพทองธาร ซึ่งเป็นลูกสาวได้เป็นนายกฯ กังวลว่าจะได้รับการกดดันจากเรื่องนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตั้งแต่รัฐบาลนายทักษิณและหลายรัฐบาลจากนั้นมีความรับผิดชอบเกิดขึ้น และมีการพูดคุยจากหลายฝ่าย แน่นอนสมัยนี้ตนต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในทุกพื้นที่ของประเทศไทยอย่างสุดความสามารถ หากถามว่ากังวลหรือไม่ มันไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องประเทศชาติและการดูแลทุกๆคนในประเทศ ไม่ว่าจะหัวข้อไหนก็ต้องดูแลอย่างเต็มที่

เมื่อถามย้ำว่า มีวิธีการอย่างไรเพื่อจะลดอุณหภูมิในพื้นที่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่อยากให้มีความรุนแรงที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้โยงกับประเด็นการเมืองในทุกๆเรื่อง อย่างเรื่องตากใบ มีการเยียวยาทุกคนพยายามทำสุดความสามารถ เพื่อดูแลปัญหาดูแลจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ และไม่อยากให้ประเด็นอื่นๆนอกจากคดีนี้ เป็นตัวเสริมทำให้เกิดความรุนแรง ขอให้ไม่เป็นเช่นนั้น

ซักอีกว่า ทีมทนายความของกลุ่มโจทก์คดีตากใบมีการหารือว่าหากพึ่งพาความยุติธรรมในประเทศไม่ได้ อาจจะต้องพึ่งศาลโลก รัฐบาลจะสนับสนุนเรื่องนี้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า คดีนี้ผ่านมา 20 ปี วันนี้เมื่อมีการฟ้องร้องเพิ่มเติม ถือว่ามีหลายประเด็น หลายองค์ประกอบ ตนตอบได้แค่นี้ คิดว่าศาลทำหน้าที่และได้ตัดสินไปแล้ว เมื่อถามว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร เสนอว่าเมื่อคดีหมดอายุความไปรัฐบาลอาจจะต้องมีการเยียวยาเพิ่มเติม นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องพิจารณา โดยไปดูว่าการเยียวยาก่อนหน้านี้จบตรงไหน และต้องดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมที่เราสามารถจะทำอะไรได้

เมื่อถามว่ากรณีนี้จะส่งผลกระทบกับการพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดสันติสุข เมื่อถามว่า หากพล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ผู้ต้องหาคดีตากใบเดินทางกลับมา หลังจากคดีขาดอายุความ จะมีการดำเนินการอะไรหรือไม่เพื่อลดอุณหภูมิความรุนแรง นายกฯ กล่าวว่า คงต้องพูดคุยกัน วันนี้ พล.อ.พิศาล ก็ลาออกจากพรรคแล้ว และยังไม่มีใครได้พูดคุยกับ พล.อ.พิศาล ประเด็นสำคัญคือไม่อยากให้เกิดเรื่อง อะไรที่พูดคุยกันได้ก็อยากให้ทำอยู่แล้ว เพื่อทำให้ปัญหาย่อลงมา เมื่อถามว่า คณะที่ปรึกษานายกฯ ได้ให้คำแนะนำในเรื่องนี้อย่างไรบ้างนายกฯ กล่าวว่า ตนปรึกษาตลอด ถามว่า 20 ปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น ทำไมจบไปแล้วกลับมาอีก อยากได้ความคิดเห็นจากหลายฝ่ายหลายช่วงอายุ

ถามต่อว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว. ยุติธรรม ระบุว่าคงต้องหวังพึ่งปาฏิหาริย์ เพื่อให้ได้ตัวผู้ต้องหาคดีตากใบมาดำเนินคดี วันนี้รัฐบาลคิดว่าจะมีปาฏิหาริย์นั้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราทำทุกอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ ปาฏิหาริย์เหรอ มันต้องใช้เรื่องจริง เมื่อถามว่า หากมีโอกาสจะลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า แน่นอน ทุกพื้นที่ของประเทศไทย ต้องหาเวลาที่เหมาะสมและสถานที่ว่าจะไปที่ไหนก่อนหลัง