นายกสภาทนายความ ชี้พฤติการณ์อย่างไหน ผิดกฎหมายขายตรง-ฉ้อโกงประชาชน

‘วิเชียร’นายกสภาทนายความ กางตำรา พฤติการณ์ อย่างไหน ผิดกฎหมายขายตรง-ฉ้อโกงประชาชน ใครเข้าข่ายบ้าง ชี้หากเข้าแชร์ลูกโซ่ โทษสูงสุดถึง 15ปี ปรับ 1 ล้านบาท หากยังฝ่าฝืนโดนวันละหมื่น

22 ต.ค.2567 ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้ให้ความเห็นข้อกฎหมายที่ควรรู้เกี่ยวกับการ ประกอบธุรกิจขายตรง การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกง (แชร์ลูกโซ่) หรือการฉ้อโกงประชาชน ว่า เหตุผลในการประกาศใช้ พรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 โดยที่การประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าหรือบริการในปัจจุบันได้ใช้วิธีการทำตลาดในลักษณะที่เข้าถึงผู้บริโภค โดยการเสนอขายสินค้าหรือบริการแก่ผู้บริโภคโดยตรง ณ.ที่อยู่อาศัย หรือสถานที่ทำงานของผู้บริโภคหรือของบุคคลอื่น หรือสถานที่อื่นที่ไม่ใช่สถานที่ประกอบการค้าเป็นปกติธุระ โดยการอธิบายหรือการสาธิตสินค้าผ่านผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรง การเสนอขายสินค้าหรือบริการในลักษณะดังกล่าวทำให้ผู้บริโภคอยู่ในสภาวการณ์ที่ไม่อาจตัดสินใจตกลงซื้อสินค้าหรือรับบริการได้อย่างอิสระและรอบคอบ นอกจากนี้ ยังมีการประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าหรือบริการในลักษณะของการสื่อสารข้อมูลเพื่อเสนอขายสินค้าหรือบริการโดยตรงต่อผู้บริโภค เช่น โดยอาศัยสื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมุ่งหวังให้ผู้บริโภคซึ่งอยู่ห่างโดยระยะทางแสดงเจตนาตอบกลับเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการดังกล่าวนั้น

ซึ่งในกรณีนี้สินค้าหรือบริการดังกล่าวอาจไม่ตรงกับคำกล่าวอ้างตามที่ได้โฆษณาไว้ อีกทั้งการทำตลาดขายตรงและตลาดแบบตรงในปัจจุบันได้มีการใช้วิธีการชักชวนและจัดให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในธุรกิจดังกล่าว โดยตกลงจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น อันมีลักษณะเป็นการหลอกลวงประชาชน การทำตลาดสินค้าหรือบริการในลักษณะของการขายแบบเชิงรุกดังกล่าว ทำให้ประชาชนโดยทั่วไปในฐานะผู้บริโภคตกอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบและก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมและไม่สงบสุขในสังคม ประกอบกับบทบัญญัติของกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถให้ความคุ้มครองแก่ผู้บริโภคได้อย่างเพียงพอ

จึงจำเป็นต้องตรา พรบ.นี้การประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ได้กำหนดห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรงหรือการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ ตอบแทนการหาผู้ร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น (มาตรา 19) ถ้าฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีและปรับ ห้าแสนบาท

นอกจากนี้ยังได้กำหนดห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการสมัครเข้าเป็นสมาชิก ค่าฝึกอบรม ค่าวัสดุอุปกรณ์ส่งเสริมการขาย หรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรงจากผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรงที่ไม่ใช่ลูกค้าในอัตราที่สูงกว่าที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (มาตรา 22) หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

เมื่อพิจารณาตามข้อกฎหมายดังกล่าว หากมีผู้เสียหายได้ทำการแจ้งความดำเนินคดีผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและข้อเท็จจริงเป็นอันยุติที่เข้าองค์ประกอบความผิด ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงไม่อาจที่จะปฏิเสธความรับผิดได้และตาม พรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 หากได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างเครือข่ายกฎหมายยังได้กำหนดให้นำบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคในส่วนที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคด้านการโฆษณามาใช้บังคับแก่การสื่อสารข้อมูลเพื่อเสนอขายสินค้าหรือบริการของผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยอนุโลม โดยให้ถือว่าอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีและให้ถือว่าอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเป็นอำนาจของคณะกรรมการ (มาตรา 29) จึงหนีไม่พ้นที่ผู้ประกอบธุรกิจแบบขายตรงจะต้องรับผิดตาม พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522

และอาจเชื่อมโยงความผิดตาม พรก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ด้วย ซึ่งตามคำนิยามคำว่า“กู้ยืมเงิน” หมายความว่า รับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าในลักษณะของการรับฝาก การกู้ การจำหน่ายบัตรหรือสิ่งอื่นใด การรับเข้าเป็นการรับเข้าร่วมลงทุน การรับเข้าร่วมกระทำการอย่างใดอย่าง หรือลักษณะ โดยผู้กู้ยืมเงินหรือบุคคลอื่นจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน หรือตกลงว่าจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการรับเพื่อตนเองหรือรับในฐานะตัวแทนหรือลูกจ้างของผู้กู้ยืมเงินหรือของผู้ให้กู้ยืมเงินหรือในฐานะอื่นใด และไม่ว่าการรับหรือ ทรัพย์สิน ผลประโยชน์อื่นใด หรือผลประโยชน์ตอบแทนนั้นจะกระทำด้วยวิธีการใดๆ

โดยเฉพาะในมาตรา 4 ซึ่งมีหลักกฎหมายว่า ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชนหรือกระทำการด้วยประการใดๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปว่าในการกู้ยืมเงินตน หรือบุคคลใดจะจ่ายหรืออาจจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตามพฤติการณ์แห่งการกู้ยืมเงิน ในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ โดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตนหรือบุคคลนั้นจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินรายนั้นหรือรายอื่นมาจ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน หรือโดยตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตนหรือบุคคลนั้นไม่สามารถประกอบกิจการใดๆ โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนพอเพียงที่จะนำมาจ่ายในอัตรานั้นได้และในการนั้นเป็นเหตุให้ตนหรือบุคคลใดได้กู้ยืมเงินไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

ผู้ใดกระทำความฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปีและปรับตั้งแต่แสนบาทบาทถึงหนึ่งล้านบาทและปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่

นอกจากนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 ยังมีหลักกฎหมายที่สำคัญ คือผู้ใดโดยทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนหรือปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนและได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงผู้กระทำย่อมมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนกรณีมีบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวเช่นการไปร่วมโฆษณาประชาสัมพันธ์ ให้คนสนใจสมัครเป็นเครือข่ายอาจมีความผิดในฐานะเป็นผู้สนับสนุน หรือ หากมีการไปร่วมทุนกับผู้ประกอบธุรกิจขายตรงอาจถือว่าเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิดก็ได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภูมิธรรม' รับ 'บอสพอล' มาบรรยายให้ความรู้กำลังพล แต่ไม่เกี่ยวดิไอคอน อย่าโยงมั่ว

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึง กรณีที่มีภาพผู้ต้องหาคดี ดิไอคอน บางคนได้มาอบรมให้กับกำลังพล ว่า กรณีของแชร์ลูกโซ่ดังกล่าว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษ

ปปง.สั่งอายัดเพิ่ม 1.5 ล้านบาท 'ดิ ไอคอน' ยึดทรัพย์สินคดี 'แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์

สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมครั้งที่ 12/2567 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ที่ประชุมได้มีมติในรายคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ดังนี้

ตำรวจคุมตัว '17 บอส ดิไอคอน' ฝากขังต่อศาล-ค้านประกันตัว!

ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาที่เป็นระดับผู้บริหารบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัดจำนวน 18 ราย

สภาทนายรับลูกดีเอสไอช่วยเหยื่อฟ้องคดีแพ่งดิไอคอนแบบกลุ่ม

'วิเชียร' นายกสภาทนายรับลูก DSI ช่วยเหลือผู้เสียหายจากคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป เตรียมตั้งคณะทำงานจัดผู้เชี่ยวชาญฟ้องคดีเเพ่งแบบกลุ่ม

กมธ.ปราบฟอกเงิน แถลงเกาะติดปม 'ดิไอคอน' ให้ถึงที่สุด ตั้งคณะอนุฯเป็นที่พึ่งผู้เสียหาย

กมธ.ปปง. เตรียมลงนามส่งหนังสือเชิญ 'เลขาธิการ ปปง.-สอบสวนกลาง-ผู้เสียหาย-ผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ป' เข้าแจง แย้มมีกฎหมาย 3 ฉบับ เอาผิดผู้บริหาร-อายัดทรัพย์เพิ่มได้อีก ยัน ไม่มีคนมาเคลียร์