'หมอประเวศ' แนะ 7 ข้อให้นายกฯทำให้สำเร็จ ไม่งั้นไทยเกิดโกลาหลใหญ่แน่

22 ต.ค. 2567 – สิ่งที่นายกรัฐมนตรีจะต้องทำให้สำเร็จภายในอายุของรัฐบาลนี้มิฉะนั้นจะเกิดโกลาหลใหญ่แผ่นดินไทย (Great Chaos Thailand)

  1. ประเทศไทยติดอยู่ใน “หลุมดำแห่งวิกฤตการณ์” เรื้อรังมานาน

ทำอย่างไรๆ ก็ออกจากหลุมดำไม่ได้ แต่กลับเลวร้ายมากขึ้น จนอาจจะถึงจุดความโกลาหลใหญ่ (Great Chaos) ของแผ่นดินไทยวิกฤตการณ์เป็นวิกฤตการณ์รอบด้าน ทั้งทางเศรษฐกิจ จิตใจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการเมือง ดังจะเห็นได้จากน้ำท่วมมากขึ้นทุกปีๆ เป็นหายนะภัยที่เกิดจากสภาวะโลกร้อน ความยากจน และความเหลื่อมล้ำอย่างสุดๆ บางคนก็บอกว่าประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำสูงเป็นที่ 1 หรือที่ 3 ในโลก ความเหลื่อมล้ำเป็นห่วงโซ่แรกที่นำสู่สายโซ่แห่งปัญหานานาชนิดอย่างยืดยาว เราพัฒนาเศรษฐกิจโดยไม่เคยเข้าใจว่า การพัฒนาเศรษฐกิจมหภาคอย่างเดียวแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่ได้ เพราะระบบเศรษฐกิจโลกเป็นระบบรวยกระจุก จนกระจาย เนื่องจากรายได้ที่เกิดจากทุนสูงเป็น 5 เท่าของรายได้จากการทำงาน (ดูหนังสือ Capital in the Twenty-First Century โดย โธมัส พิเก็ตตี)

ฉะนั้นการนำประเทศไทยออกจากหลุมดำแห่งวิกฤตการณ์ คือสิ่งที่นายกรัฐมนตรีควรทำให้ได้ภายในอายุของรัฐบาลนี้ ก่อนมันจะเลวร้ายลงไปอีกจนถึงจุดวิกฤต 

  1. ประเทศไทยมีทรัพยากรเพื่อการพัฒนามาก

คนไทยอาจไม่เคยเข้าใจในเรื่องนี้ เพราะคิดว่าความยากจนก็คือจน แต่นักวิชาการญี่ปุ่นคนหนึ่งกล่าวว่า Thailand is rich and Japan is poor. เขาหมายถึงประเทศไทยมีทรัพยากรเพื่อการพัฒนามากกว่าญี่ปุ่น ทำให้ญี่ปุ่นต้องตะเกียกตะกายในการสร้างสรรค์ทรัพยากรขึ้นมา

ทรัพยากรเพื่อการพัฒนาประเทศไทยอาจแบ่งได้เป็น 9 ภาคส่วน คือ

1 ทรัพยากรฐานแผ่นดินไทย

2 ระบบการเมือง

3 ระบบราชการทั้งพลเรือนและกองทัพ

4 ภาคธุรกิจและภาคการเงิน

5 ภาคการศึกษา

6 ภาคการศาสนาและวัฒนธรรม

7 ระบบสุขภาพ

8 ภาคประชาสังคม

9 ภาคสื่อสารมวลชน
ทั้ง 9 ระบบหรือ 9 ภาคส่วน เป็นพลังมหาศาลเพื่อการพัฒนา ที่เพียงพอจะทำให้คนไทยทุกคนอยู่ดีมีสุข มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น คนไทยจำนวนมากกลับยากจน หมดเนื้อหมดตัว และสังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำสุดๆ ดังกล่าว จึงต้องพิจารณาอย่างจริงจังว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น  3การคิดและทำแบบแยกส่วนทำให้เกิดการเสียสมดุล

อะไรที่ทำแบบแยกส่วนจะนำไปสู่การเสียสมดุลเสมอ ดูตัวอย่างร่างกายของเราซึ่งเป็นระบบที่วิจิตรที่สุดในจักรวาล มีเซลล์นับล้านๆเซลล์ที่แตกต่างตั้งแต่เซลล์หัวแม่เท้าไปจนถึงเซลล์สมอง ท่ามกลางความหลากหลายอย่างมหาศาลนี้ ทั้งหมดกลับมีบูรณาการอย่างสมบูรณ์ เป็นองค์รวม คือความเป็นคนหรือชีวิตของเรา

เมื่อมีบูรณาการอย่างสมบูรณ์ก็เกิดความสมดุล ความสมดุลคือความเป็นปกติสุข หรือสุขภาพดี และความยั่งยืน
การเจ็บป่วยทุกชนิดคือการเสียสมดุลของระบบชีวิต ยกตัวอย่างเช่น เซลล์มะเร็ง เป็นเซลล์ที่สูญเสียสำนึกแห่งความเป็นองค์รวม ทำตัวแยกส่วนเป็นเอกเทศ นึกจะแบ่งตัวมากมายเพียงใด ก็ทำโดยไม่คำนึงถึงระบบร่างกายเป็นองค์รวม ทำให้เกิดการเสียสมดุลของระบบร่างกาย เมื่อเสียสมดุลก็ป่วยและอายุไม่ยืน

ประเทศไทยเสียสมดุลอย่างรุนแรงในทุกมิติเนื่องจากการพัฒนาแบบแยกส่วน เปรียบเสมือนคนเป็นมะเร็ง ทำให้เจ็บป่วยอย่างยิ่งและอายุไม่ยืน การรักษาตามอาการเป็นประดุจการใช้ยาพาราเซตามอล โดยไม่ได้วินิจฉัยโรคและรักษาตามสมุฏฐาน

สาเหตุของโรคประเทศไทยคือการพัฒนาแบบแยกส่วน ทำให้เสียสมดุลอย่างรุนแรงในทุกมิติ อะไรที่เสียสมดุลก็จะปั่นป่วน วุ่นวาย รุนแรง โกลาหล และไม่ยั่งยืน นี่คือการป่วยของประเทศไทยที่เรียกว่า ติดอยู่ในหลุมดำแห่งวิกฤตการณ์

  1. การออกแบบระบบเพื่อการพัฒนาอย่างบูรณาการ

การมีทรัพยากรเพื่อการพัฒนา ก็เสมือนมีหิน ทราย ปูนซีเมนต์ ไม้ อิฐ กระเบื้อง อยู่เป็นกองๆ เป็นส่วนๆ ประเทศไทยที่พัฒนาแบบแยกส่วน คือการสร้างชิ้นส่วนต่างๆแยกกัน แต่ไม่เคยเอามาบูรณาการกันเป็นองค์รวมที่ต้องการ ถ้าไม่มีการออกแบบเพื่อเอาทรัพยากรเหล่านี้มาเชื่อมโยงกัน เราก็จะไม่มีบ้านอยู่ เราจึงเสมือนเป็นคนไร้บ้าน

เรื่องนี้ที่จริงไม่ยากอะไร ถ้าเราต้องการบ้านที่มั่นคง อยู่สบาย และปลอดภัย เราต้องบูรณาการทรัพยากรทั้ง 9 ประเภทเข้ามาให้เป็นรูปบ้าน โดย

(1) มีพื้นบ้านที่กว้างใหญ่และแข็งแรง คือการพัฒนาพื้นที่อย่างบูรณาการ 8 มิติ อันได้แก่ เศรษฐกิจ จิตใจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม สุขภาพ การศึกษา และประชาธิปไตย ถ้ามีการพัฒนาพื้นที่ประเทศไทยอย่างมีบูรณาการในทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอ และทุกจังหวัด เราก็จะมีฐานของประเทศหรือพื้นบ้านที่แข็งแรง

(2) ระบบที่เหลืออีก 8 ระบบ ต้องบูรณาการกับตัวพื้นบ้าน และเชื่อมโยงกันเองเป็นผนัง 8 ด้าน มีหลังคาคลุมกันฝนกันแดด คือมีระบบภูมิคุ้มกัน ให้อยู่สบาย พ้นภยันตรายทั้งหลาย

  1. บูรณาการฐานแผ่นดินไทย

การจะออกจากวิกฤตการณ์เรื้อรังได้ “บูรณาการฐานแผ่นดินไทย” คือคำตอบ นั่นคือการพัฒนาอย่างบูรณาการสู่ความเป็นองค์รวมประเทศไทย เมื่อมีความเป็นองค์รวม ก็จะเกิดคุณสมบัติใหม่อันมหัศจรรย์ เช่นการประกอบชิ้นส่วนตามระบบและโครงสร้างของเครื่องบิน เมื่อประกอบกันสมบูรณ์เป็นองค์รวม คือเครื่องบินทั้งลำ ก็มีคุณสมบัติใหม่คือบินได้ ทั้งที่ไม่มีชิ้นส่วนใดบินได้เลย

การพัฒนาประเทศไทยก็เหมือนการผลิตแต่ชิ้นส่วน แต่ไม่เคยประกอบกันเป็นองค์รวมประเทศไทย คนไทยจึงไม่เคยได้เสพคุณสมบัติใหม่อันมหัศจรรย์ของประเทศไทยที่เป็นองค์รวม ถ้าการพัฒนาทุกส่วนของประเทศบูรณาการกันเป็นองค์รวมประเทศไทย ประเทศไทยที่มีบูรณภาพสมบูรณ์ก็จะเกิดดุลยภาพ เมื่อมีดุลยภาพก็มีความเป็นปกติสุขและยั่งยืน
เพราะฉะนั้นกุญแจสำหรับนายกรัฐมนตรีที่ควรทำให้สำเร็จภายในอายุของรัฐบาลนี้คือ การพลิกความคิดในการพัฒนา จากการพัฒนาแบบแยกส่วน มาเป็นการพัฒนาอย่างบูรณาการ

  1. คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 เป็นตัวอย่างการพลิกความคิดที่ทำให้ประเทศพ้นวิกฤต

เรื่องมีอยู่ว่า หลังการปราบปรามนักศึกษาเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 นักศึกษาและปัญญาชนหลายพันคนเข้าป่าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย จับอาวุธขึ้นต่อต้านอำนาจรัฐ เป็นสงครามกลางเมืองที่คนไทยลุกขึ้นมาฆ่ากันเองอย่างน่าสลดสังเวช แต่เมื่อคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 ออกมาใน พ.ศ. 2523 การสู้รบระหว่างคนไทยด้วยกันยุติลงทันที

คำสั่ง 66/2523 เป็นตัวอย่างที่ดีของการพลิกความคิดออกจากวิกฤต นักศึกษาและปัญญาชนที่เข้าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ในป่าก็คืนเมือง มาผสมกลมกลืนกับสังคมอย่างไร้รอยตะเข็บ มาเป็นนักวิชาการบ้าง นักการเมืองบ้าง ศิลปินบ้าง นักธุรกิจบ้าง จนแยกไม่ออก แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของสังคมไทย จนลีกวนยูกล่าวว่า มีแต่คนไทยเท่านั้นที่ทำอย่างนี้ได้

บัดนี้ถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรีจะต้องออกคำสั่งที่ …/2567 เพื่อพลิกความคิดออกจากวิกฤตของประเทศไทย โดยพลิกจากการคิดแบบแยกส่วนและทำแบบแยกส่วน มาเป็นการคิดแบบบูรณาการและทำอย่างบูรณาการ

  1. วิธีปฏิบัติ

นายกรัฐมนตรีต้องลงไปดูงานและร่วมในการพัฒนาชุมชน ดังที่ผมเขียนไว้ในบทความชื่อ “ชุมชนเข้มแข็ง ประเทศไทยเข้มแข็ง” ชุมชนเข้มแข็ง คือชุมชนที่สามารถพัฒนาอย่างบูรณาการด้วยกระบวนการชุมชนเข้มแข็ง 7 ขั้นตอน ตามบทความดังกล่าว

นายกรัฐมนตรีต้องเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ถ้านายกรัฐมนตรีลงไปเรียนรู้และทำงานร่วมกับชุมชนจะรู้ความจริงของแผ่นดินไทย

แต่ระบบการศึกษาของเรา ทำให้คนไทยทั้งประเทศไม่รู้ความจริงของแผ่นดินไทย เพราะเป็นการเอาวิชาเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เอาความจริงของชีวิตเป็นตัวตั้ง เมื่อไม่รู้ความจริงก็ทำให้ถูกต้องไม่ได้ ถ้าไม่รู้ความจริงของแผ่นดิน รบร้อยครั้งก็จะแพ้ทั้งร้อยครั้ง ดังตัวอย่างเช่น 

(1) เมื่อครั้งกองกำลังคอมมิวนิสต์จีนต่อสู้กับกองทัพอันเกรียงไกรของเจียงไคเช็ก บัญชาการสู้รบโดยปัญญาชนจีนที่จบจากมอสโก ปรากฏว่าแพ้หลุดลุ่ยทุกครั้ง ต่อเมื่อเหมาเจ๋อตงเข้ามาบัญชาการรบ เหมาไม่เคยเป็นนักเรียนนอก แต่เป็นผู้รู้ความจริงของแผ่นดินจีนทุกตรอกซอกซอย จึงชนะเรื่อยมา จนชนะทั้งประเทศ ตั้งประเทศจีนใหม่เมื่อ 1 ตุลาคม ค.ศ.1949 ประเทศจีนสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว เพราะพรรคคอมมิวนิสต์รู้ความจริงของแผ่นดินจีน 

(2) ในสงครามเวียดนาม อเมริกายกกองทัพมีกำลังพลถึง 5 แสนคนเข้าไปในเวียดนาม พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์และงบประมาณมหาศาล คนเวียดนามเปรียบเสมือนคนล่อนจ้อน สู้ด้วยมือเปล่า ปรากฏว่ากองทัพอเมริกันพ่ายแพ้ออกมาจากเวียดนาม เพราะไม่รู้ความจริงของแผ่นดินเวียดนาม

การที่นายกรัฐมนตรีจะมีบทบาทนำให้คนไทยรู้ความจริงของแผ่นดินไทยจึงมีความสำคัญยิ่งนัก และเมื่อรู้ความจริงก็ทำให้ถูกต้องได้

นายกรัฐมนตรีควรตั้ง ทีมบูรณาการประเทศไทยของนายกรัฐมนตรี (PMTIT: Prime Minister Thailand Integration Team) ซึ่งประกอบด้วยผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาอย่างบูรณาการ โดยหาได้จากเช่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งทำงานพื้นที่อย่างบูรณาการมานาน

ทีมพัฒนาประเทศไทยอย่างบูรณาการของนายกรัฐมนตรี ควรยกร่างคำสั่งนายกรัฐมนตรีเสมือนคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 ที่เป็นการพลิกความคิด บอกวิธีทำ รวมทั้งทรัพยากรที่จะใช้ทำงานนี้ ประเทศไทยก็จะพลิกโฉมออกจากการพัฒนาแบบแยกส่วน มาเป็นพัฒนาอย่างบูรณาการ สร้างประเทศไทยที่เป็นองค์รวมและมีคุณสมบัติใหม่อันมหัศจรรย์ ที่อาจเรียกว่า “แผ่นดินไทยศานติสุข” หรือ “แผ่นดินไทยยุคศรีอารยะ” หรือเรียกเล่นๆว่า “ประเทศไทย สวรรค์บนดิน” ก็ได้

ถ้านายกรัฐมนตรีได้ทำอย่างนี้ จะมีหัวใจเพื่อเพื่อนมนุษย์ มีความมั่นใจ และความสง่างามในตัวเอง ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกกล่าวหาว่าถูกครอบงำโดยคุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งที่จริงก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ พ่อย่อมอยากช่วยลูก ลูกก็อยากเรียนรู้จากพ่อ ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจแต่ประการใด เพียงแต่ทั้งพ่อทั้งลูกต้องพากันไปในทิศทางที่เกี่ยวข้อง
และไม่ต้องกังวลใจเรื่องจะไปร่วมประชุมซัมมิตที่ UN สำนักงานใหญ่ ที่นิวยอร์กในเดือนกันยายนปีหน้า เพราะหัวใจเพื่อเพื่อนมนุษย์ และการรู้ความจริงของแผ่นดิน จะทำให้เกิดความมั่นใจและสง่างาม

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.ประเวศ วะสี
30 กันยายน 2567

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คนจะไปกาตาร์ดูบอลโลกต้องเซฟ! สถานทูตไทยสรุปรวมข้อสงสัยไว้หมด

สถานทูตไทยกรุงโดฮาสรุปคำถาม-คำตอบละเอียดยิบเรื่องบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ แฟนบอลที่จะไปควรอ่านและศึกษาให้ดี โดยเฉพาะข้อมูลยามเกิดเหตุหรือฉุกเฉิน

'ราษฎรอาวุโส' ทุบโต๊ะ โศกนาฏกรรมหนองบัวลำภู ฟางเส้นสุดท้ายต้องปฏิรูประบบพิทักษ์สันติราษฎร์

ตำรวจเครียดจัดฆ่าตัวตายสูง และฆ่าผู้อื่นตาย ตำรวจเป็นข้าราชการที่มีการฆ่าตัวตายสูงสุดและฆ่าผู้อื่นตาย เกิดกรณีกราดยิงที่หนองบัวลำภู ที่มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวนมาก

เสนอ 3 เป้าหมายการพัฒนา รับมือสูงวัยครองเมืองปี 65

ปัญหาผู้สูงอายุไทยเป็นปัญหาเรื้อรังที่ต้องมีการแก้ไขอย่างจริงจัง ปัจจุบันสังคมไทยมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลสถิติในปี 2563 ประเทศไทยมีสัดส่วนผู้สูงอายุมากถึงร้อยละ 18 ของประชากรทั้งประเทศ หรือราว 12 ล้านคน และคาดว่า ปี 2565  ไทยจะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ มีสัดส่วนผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ