"ลุงชาญ" ซดแห้ว ศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้อง ปมยื่นฟ้องเพิกถอนคำสั่งอบจ. ปทุมธานีให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 2.3 ล้านบาท การจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายของ อบจ.ปทุมธานี ราคาสูงเกินจริง ชี้คำสั่งชอบด้วยกฎหมาย
25 ก.ย.2567 - คดีหมายเลขดำที่ 1015/2565 คดีหมายเลขแดงที่ 2245/2567 คดีที่นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ฟ้องเพิกถอนคำสั่งที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กรณีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีที่ 1
โดยคดีนี้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอันเนื่องจากการที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ได้มีคำสั่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ที่ 02390/2564 ลงวันที่ 8 ธ.ค.2564 ให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กรณีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ในราคาที่สูงกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ทางราชการได้รับความเสียหาย ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวจึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ ผู้ฟ้องคดีที่ 1 เห็นว่า คำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ข้างต้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล
ศาลปกครองกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติแล้วว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ได้อนุมัติสั่งซื้อเครื่องออกกำลังกายตามรายงานขออนุมัติจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามโครงการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชนจังหวัดปทุมธานี จำนวน 7 ครั้ง โดยมิได้มีการสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำการสืบราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดจากเอกชนที่เป็นผู้ประกอบการหรือผู้มีอาชีพจำหน่ายเครื่องออกกำลังกายนั้นมาวิเคราะห์และกำหนดเป็นราคาอ้างอิง แล้วนำผลการสืบราคาดังกล่าวมาประกอบการพิจารณากำหนดประมาณการราคาในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี
เป็นเหตุให้ประมาณการราคาในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามโครงการดังกล่าว สูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด ซึ่งหากผู้ฟ้องคดีที่ 1 ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีและเป็นผู้มีอำนาจสั่งซื้อตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 ประกอบกับข้อ 5 ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ซึ่งมีผลใช้บังคับอยู่ในขณะเกิดเหตุพิพาท ได้ควบคุมตรวจสอบกระบวนการและขั้นตอนในการจัดซื้อ ตลอดจนพิจารณารายงานขออนุมัติจัดซื้อในแต่ละโครงการที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอมาด้วยความละเอียดรอบคอบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระเบียบข้างต้นแล้ว
ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ย่อมจะตรวจพบได้ว่า การจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามรายงานขออนุมัติจัดซื้อตามโครงการดังกล่าวยังมิได้ทำการสืบราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด เนื่องจากในรายงานขออนุมัติจัดซื้อนั้น ระบุเพียงว่า เป็นครุภัณฑ์ที่ไม่มีกำหนดไว้ในบัญชีราคามาตรฐานครุภัณฑ์ ตั้งงบประมาณตามราคาท้องถิ่น โดยไม่ปรากฏรายละเอียดของการสืบราคาหรือที่มาของประมาณการราคาในรายงานขออนุมัติจัดซื้อหรือเอกสารหลักฐานประกอบรายงานขออนุมัติจัดซื้อ อันถือเป็นสาระสำคัญในการจัดซื้อพัสดุตามระเบียบดังกล่าวแต่อย่างใด
การที่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ลงนามอนุมัติในรายงานขออนุมัติจัดซื้อที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอมาโดยมิได้ทักท้วงใด ๆ เป็นเหตุให้ประมาณการราคาในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายสูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด การกระทำของผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยปราศจากความรอบคอบระมัดระวังที่เบี่ยงเบนไปจากวิสัยของผู้มีอำนาจอนุญาตสั่งซื้ออย่างมาก และเป็นการไม่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของทางราชการตามตำแหน่งที่ตนดำรงอยู่อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อ 20 วรรคหนึ่ง (3) ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ซึ่งมีผลใช้บังคับอยู่ในขณะเกิดเหตุพิพาท พฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีได้รับความเสียหายที่ต้องจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามโครงการดังกล่าวในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด อันเป็นการกระทำละเมิดต่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ฟ้องคดีที่ 1
จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง ประกอบกับมาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และเมื่อรวมความเสียหายที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีได้รับจากการประมาณการราคาในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามโครงการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชนจังหวัดปทุมธานีในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2556
คำนวณเฉพาะรายการเครื่องออกกำลังกาย จำนวน 8 อุปกรณ์ ในส่วนที่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 เป็นผู้ลงนามอนุมัติจัดซื้อ จำนวน 7 สัญญาสูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด คิดเป็นเงินจำนวน 33,657,049.92 บาท
แต่อย่างไรก็ดี เมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีได้ใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในความเสียหายกรณีดังกล่าวจากผู้ฟ้องคดีที่ 1 เป็นเงินจำนวน 31,071,732 บาท
ศาลจึงไม่อาจวินิจฉัยเกินกว่าความเสียหายที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีใช้สิทธิเรียกร้องได้ และเมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่า ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีได้รับความเสียหายที่ต้องจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามโครงการข้างต้นในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด อันเป็นการกระทำละเมิดต่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าว
แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามโครงการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชนจังหวัดปทุมธานีขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีนั้น เป็นโครงการที่สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีได้เสนอต่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและปรับปรุงคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ อันเป็นโครงการที่มาจากความต้องการของประชาชนในพื้นที่
อีกทั้งในขณะที่มีการตรวจสอบสืบสวนกรณีดังกล่าวอุปกรณ์เครื่องออกกำลังกายก็ยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้เป็นอย่างดีเมื่อเทียบกับระยะเวลานับตั้งแต่วันที่มีการติดตั้งเครื่องออกกำลังกายจนถึงวันที่มีการตรวจสอบ
เมื่อพิจารณาถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทำและความเป็นธรรมในกรณีดังกล่าวแล้วเห็นว่า การที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีในอัตราร้อยละ 50 ของความเสียหายในส่วนที่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 เป็นผู้ลงนามอนุมัติจัดซื้อ จำนวน 7 สัญญา คิดเป็นเงินจำนวน 15,575,966 บาท และให้ผู้ฟ้องคดี 1 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในอัตราร้อยละ 15 ของความเสียหายดังกล่าว คิดเป็นเงินจำนวน 2,330,394.90 บาท จึงเป็นการกำหนดความเสียหายและสัดส่วนความรับผิดที่เหมาะสมและเป็นคุณแก่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 มากแล้ว
ดังนั้น คำสั่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ที่ 02390/2564 ลงวันที่ 8 ธ.ค. 2564 ที่ให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นเงินจำนวน 2,330,394.87 บาท จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
และเมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่า คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีที่ 1 โดยอาศัยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเดียวกัน ซึ่งได้แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ทราบตามหนังสือ ลับมาก ที่ ปท 51001/013 ลงวันที่ 24 ก.พ. 2565 จึงชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน พิพากษายกฟ้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ศรีสุวรรณ’ นำชาวระยอง ฟ้องระงับถมทะเลพัฒนาท่าเรือเฟส 3 กว่า 1,000 ไร่
พี่ศรีฯ นำชาวระยองฟ้องระงับถมทะเลระยองพัฒนาท่าเรือเฟส 3 กว่า 1000 ไร่ ชี้ทำธรรมชาติพัง -กระทบเส้นอาณาเขตทางทะเล
'จุลพงศ์' อัด 'กรมที่ดิน-รฟท.' ยื้อปม 'เขากระโดง' ให้วนเวียนเอื้อประโยชน์นักการเมือง
'จุลพงศ์' ยันคำพิพากษา 'เขากระโดง' เป็นกรรมสิทธิ์รฟท.สามารถใช้ยันกับบุคคลภายนอกได้ อัด'กรมที่ดิน' ใหญ่กว่าศาลเลือกปฏิบัติเพิกถอนสิทธิ์บางแปลงแต่บางแปลงตั้งกก.สอบสวน เอื้อนักการเมือง ข้องใจ 'รฟท.' ไม่เลือกวิธีฟ้องกรมที่ดินให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ทำให้วนเวียนล่าช้า
'อนุทิน' เป็นประธานพิธีส่งมอบประตูระบายน้ำคุ้งบางกระเจ้า
'อนุทิน' เป็นประธานพิธีส่งมอบประตูระบายน้ำคุ้งบางกระเจ้า เฉลิมพระเกียรติฯ เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการน้ำ ดูแลพื้นที่เกษตรและการท่องเที่ยว
จำคุก‘ชาญ’กับพวก6ปี18ด. ทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพปี54
ศาลอาญาคดีทุจริตจำคุก “ชาญ พวงเพ็ชร์” 6 ปี 18 เดือน กับพวก 7 ราย ทุจริต
บ่ายสองลุ้น! คำตัดสินคดีชาวบ้านฟ้อง กกพ.ปมไฟเขียวสร้างโรงไฟฟ้าความร้อน 150 MW
ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ ส.32/2562
'ศรีสุวรรณ' นำชาวลาดพร้าวฟ้องโยธากทม.-คชก.อนุมัติสร้างคอนโด 6 แท่งเลียบทางด่วนฯ
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อฟ้อง ผอ.สำนักการโยธา ผอ.เขตลาดพร้าว และคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณา EIA (คชก.) ของ กทม.