นักร้องขย่มซ้ำ ยื่น กกต. สอบ ‘นายกฯอิ๊งค์-ภูมิธรรม-สุริยะ’ ทำมินิฮาร์ทฝ่าฝืนจริยธรรมหรือไม่

16 ก.ย.2567-นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เปิดเผยว่า หลังจากยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. สอบนายกรัฐมนตรีชูมือทำมินิฮาร์ทขณะใส่เครื่องแบบปกติขาวถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลไปแล้วนั้น กรณีดังกล่าว นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไปยืนยันในรายการคนดังนั่งเคลียร์ของช่อง 8 เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2567 ว่า การทำมินิฮาร์ทขณะใส่เครื่องแบบราชการ ทำไม่ได้

นายเรืองไกร กล่าวว่า เรื่องฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ป.ป.ช. สามารถชี้มูลเพื่อส่งให้ศาลฎีกาพิพากษาได้ และ กกต. ก็สามารถส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้อีกทางหนึ่งด้วย ดังนั้น ในวันนี้ ตนจึงส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ กกต. ตรวจสอบอีกทางหนึ่งว่า นายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (นายภูมิธรรม เวชยชัย) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทวงคมนาคม (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ว่ากรณีชูนิ้วมือทำมินิฮาร์ท ขณะใส่เครื่องแบบราชการชุดปกติขาวถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล เข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 17 ประกอบข้อ 27 วรรคสอง หรือไม่ และเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่ โดยมีข้อความในหนังสือดังนี้

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 เว็บไซต์ประชาชาติ หัวข้อ แพทองธาร นำ ครม. ถ่ายรูปหมู่ ชวนรัฐมนตรีทำท่า “มินิฮาร์ท”… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/politics/news-1647380 ซึ่งข่าวดังกล่าวมีรูปภาพคณะรัฐมนตรีประกอบด้วย เช่น รูปของนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) รูปของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (นายภูมิธรรม เวชยชัย) รูปของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทวงคมนาคม (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ซึ่งทำมือชูท่ามินิฮาร์ท พร้อมทั้งยิ้มแบบขาดความสำรวม เป็นต้น

ข้อ 2. การที่นายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (นายภูมิธรรม เวชยชัย) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทวงคมนาคม (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ร่วมกันทำท่ามินิฮาร์ทถ่ายรูปในขณะใส่ชุดปกติขาวดังกล่าว จึงมีเหตุอันควรตรวจสอบว่า การกระทำดังกล่าวของทั้งสามคน เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 17 ข้อ 21 หรือไม่

ข้อ 3. มาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 17 ข้อ 21 กำหนดไว้ดังนี้  “ข้อ 17 ไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง”  “ข้อ 21 ปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มกําลังความสามารถ และยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม โปร่งใสและตรวจสอบได้ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ โดยคำนึงถึง ผลประโยชน์ของชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม”

ข้อ 4. เฉพาะกรณีของนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ดังกล่าว ได้ถูกข้าฯ ร้องเรียนไปที่ ป.ป.ช. แล้วสองครั้ง ตามหนังสือลงวันที่ 10 ก.ย. 2567 และวันที่ 11 ก.ย. 2567 ซึ่ง กกต. สามารถสอบถามความคืบหน้าได้จาก ป.ป.ช. โดยตรงได้

ข้อ 5. ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2567 กรณีดังกล่าว ช่อง 8 รายการคนดังนั่งเคลียร์ พิธีกรในรายการได้มีการสอบถามนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่าการทำมินิฮาร์ทดังกล่าวมันน่าเกลียดตรงไหน นายพีระพันธุ์ ตอบคำถามโดยสรุปได้ว่า “มันไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดไม่น่าเกลียดครับ มันเป็นเครื่องแบบราชการ ผมแค่บอกว่าทำไม่ได้” (จึงขอให้เรียกคลิป https://www.youtube.com/watch?v=1Nt32qq7Do4 จากช่อง 8 มาประกอบการตรวจสอบ) ดังนั้น กรณี จึงมีเหตุอันควรขอให้ กกต. ตรวจสอบอีกทางหนึ่งด้วย

ข้อ 6. กรณีการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ในคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขแดงที่ คมจ. 1/2567 วันที่ 10 มกราคม 2567 หน้า 42 ได้ระบุไว้ส่วนหนึ่งดังนี้ “… นอกจากนี้การกระทำของผู้คัดค้านทั้งสามดังกล่าวยังเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฐานกระทำการที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง และฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มกำลังความสามารถ และยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม โปร่งใสและตรวจสอบได้ และไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม ตามมาตรฐานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 17 และข้อ 21 อีกด้วย …”

ข้อ 7. กรณีเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรม ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 21/2567 วันที่ 14 สิงหาคม 2567 หน้า 27 ได้ระบุไว้ส่วนหนึ่งดังนี้ “เห็นว่า การวินิจฉัยว่ารัฐมนตรีผู้ใดมีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) เป็นหน้าที่และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อการวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของรัฐมนตรีผู้นั้นจะต้องสิ้นสุดลงหรือไม่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 เป็นคดีรัฐธรรมนูญโดยแท้ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญต้องดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ส่วนหน้าที่และอำนาจของศาลฎีกาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 235 วรรคหนึ่ง (1) กำหนดให้มีอำนาจวินิจฉัยคดีฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงด้วย ศาลฎีกาดำเนินการพิจารณาตามระเบียบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 226 วรรคเจ็ด หากศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์หรือกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ เห็นได้ว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1 เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง สภาพบังคับเป็นไปตามมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 หากศาลฎีกาพิพากษาตามมาตรา 235 วรรคหนึ่ง (1) สภาพบังคับเป็นไปตามมาตรา 235 วรรคสามและวรรคสี่ แม้การพิจารณาจากข้อเท็จจริงในมูลเหตุเดียวกัน แต่เป็นคดีคนละประเภท เพราะเหตุจากวิธีพิจารณาคดี วัตถุประสงค์ของการดำเนินคดี และสภาพบังคับแตกต่างกัน”  

ข้อ 8. กรณีดังกล่าวยังทียบเคียงได้จากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขแดงที่ อม. 1/2550 วันที่ 17 กันยายน 2551 (คดีที่ดินรัชดา) ซึ่งในหน้า 27 – 28 มีการระบุไว้ว่า “… ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้รับมอบหมายไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและประชาชน แต่จำเลยที่ 1 กลับฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย ทั้งที่จำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้ารัฐบาล ต้องกระทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ประพฤติตนในสิ่งที่ดีงามตามจริยธรรมของนักการเมือง ให้เหมาะสมกับที่ได้รับความไว้วางใจในตำแหน่งหน้าที่อันสำคัญยิ่งนี้ จึงไม่สมควรรอการลงโทษ”

ข้อ 9. ดังนั้น การที่นายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) เป็นผู้เริ่มชักชวนให้คณะรัฐมนตรีที่ถ่ายรูปร่วมกัน ทำท่ามินิฮาร์ทขณะใส่เครื่องแบบราชการชุดปกติขาว และมีรัฐมนตรีหลายคนทำตาม เช่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (นายภูมิธรรม เวชยชัย) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทวงคมนาคม (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ทั้งที่รู้หรือควรรู้ว่า ทำไม่ได้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) กล่าวยืนยันไว้ในทางสาธารณะผ่านรายการคนดังนั่งเคลียร์ ช่อง 8 กรณี จึงมีเหตุอันควรขอให้ กกต. เข้ามาทำการตรวจสอบอีกทางหนึ่งว่า การชูนิ้วมือทั้งสองข้างทำมินิฮาร์ทถ่ายรูปในขณะใส่ชุดปกติขาวที่ทำเนียบรัฐบาลดังกล่าว ของนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (นายภูมิธรรม เวชยชัย) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทวงคมนาคม (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) จะเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ส่งผลภาพลักษณ์และกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือความศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ในการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี และเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 17 ข้อ 21 ประกอบข้อ 27 วรรคสอง หรือไม่

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'โรม' กล่อม 'ทักษิณ' เข้าแจง กมธ.ความมั่นคง ปมชั้น 14 เชื่อเป็นผลดีต่อรัฐบาล-นายกฯอิ๊งค์

นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเชิญนายทักษิณ ชินวัตร

คปท.บุกทำเนียบฯ ยื่น นายกฯ-ครม. ค้าน ‘กิตติรัตน์’ นั่งปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ

คปท. ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี คัดค้านการเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ บอร์ดแบงก์ชาติ

‘ภูมิธรรม’ มั่นใจนายกฯกลับมาประชุมตั้ง ‘เจทีซี’ เสร็จ ชงเข้าครม.19 พ.ย.ทันที

‘ภูมิธรรม’ ระบุ หากนายกฯกลับมา เรียกถก ตั้ง เจทีซี วันนี้ก็ เข้าครม.ทันพรุ่งนี้ โยน กต.เคาะรายชื่อ ลั่น เกาะกูดไม่จบซํ้ารอยเขาพระวิหารแน่ ยัน ไม่มีเหตุผลต้องยกเลิกเอ็มโอยู 44

เปิดหนังสือ ‘หมอวรงค์’ ร้อง กกต. สอบ 4 ประเด็นใหญ่ ฟัน ‘ทักษิณ’ ปราศรัยอุดรฯเข้าข่ายผิดกม.

ในการปราศรัยที่อุดรที่ผ่านมา จริงอยู่คุณมีสิทธิ์เสรีภาพที่จะพูด อยากจะปราศรัย เป็นเรื่องของคุณ แต่คุณต้องรับรู้นะครับว่า บ้านเมืองมีขื่อมีแป ถ้าคุณทำให้สงสัยได้ว่า มีความเสี่ยงที่ทำผิดกฏหมาย