กอ.รมน.ร้อน!พบหนังสือบิดเบือนกระทบภาพลักษณ์องค์กร จี้ต้นสังกัดจัดการผู้เขียน

14 ก.ย.2567 - พลตรี วินธัย สุวารี โฆษก กอ.รมน. กล่าวว่าตามที่ได้มีผู้เขียนหนังสือ “ในนามของความมั่นคงภายใน การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย” โดยมีการตีพิมพ์จำหน่ายทั้งแบบรูปเล่มหนังสือ และรูปแบบออนไลน์ เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมกับมีการจำหน่ายทั้งภายในประเทศและในต่างประเทศ ประกอบกับมีการนำข้อมูลในหนังสือที่ตนเองเขียนเองนั้น ไปบอกเล่าผ่านการเสวนา และการบรรยายในเวทีต่างๆ พร้อมกับได้มีการบันทึกนำไปเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจำนวนหลายครั้ง

กอ.รมน. ได้ทำการตรวจสอบ พบว่าผู้เขียนหนังสือเล่มดังกล่าวไม่ได้มีคุณวุฒิการศึกษาและไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านความมั่นคงโดยตรง  อีกทั้งไม่ได้รับผิดชอบให้ทำการสอนในเรื่องดังกล่าว และไม่มีผลงานทางวิชาการในด้านความมั่นคงปรากฎให้เห็นมาตามลำดับ  โดยหนังสือและผลงานทางวิชาการของผู้เขียนก็ไม่ได้ทำการศึกษาวิจัยตามระเบียบวิธีวิจัย  แต่กลับใช้วิธีการเลือกนำข้อมูลเฉพาะที่สนับสนุนแนวคิดตนเองที่ตั้งไว้แล้วนำมาเป็นข้อสรุปขึ้นเอง

ประกอบกับไม่ได้มีการรวบรวมจัดเก็บข้อมูลจากหน่วยงาน เช่น กอ.รมน. หรือ กองทัพโดยตรง รวมถึงไม่ได้ทำการศึกษากฎหมาย ระเบียบ และขั้นตอนการปฏิบัติราชการ จึงเกิดเป็นข้อสรุปย่อยที่เป็นเท็จจำนวนมาก นำมาสู่ข้อสรุปในภาพรวมถึงการแทรกซึมของกองทัพ โดยมี กอ.รมน. เป็นเครื่องมือเพื่อควบคุมสังคมไทย

โฆษก กอ.รมน. กล่าวอีกว่าการที่ผู้เขียนได้มีการนำข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อนสูงในลักษณะนี้ไปตีพิมพ์เผยแพร่จำหน่ายเพื่อผลประโยชน์ส่วนบุคคล  โดยเฉพาะไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิชาที่สอน และกิจการการศึกษา จึงอาจเป็นการละเมิดข้อบังคับจริยธรรมของมหาวิทยาลัยอย่างร้ายแรงรวมถึงอาจเข้าข่ายความผิดในทางกฎหมายด้วยเช่นกัน

“ขอเรียนว่า กอ.รมน. เป็นส่วนราชการในสำนักนายกรัฐมนตรี มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการ โดยมีบุคลากรในการปฏิบัติทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร เพื่อเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาความมั่นคง ซึ่งรัฐต่างๆ ล้วนแล้วแต่ใช้กองทัพเข้ามาสนับสนุนฝ่ายพลเรือนมานานแล้ว อีกทั้งในปัจจุบันไม่มีหน่วยงานราชการใดในประเทศที่มีอำนาจอิสระอยู่นอกเหนือจากการควบคุมของรัฐบาล ประกอบกับการกำหนดนโยบายความมั่นคงและนโยบายกระทรวงกลาโหมนั้นเป็นเรื่องในระดับรัฐที่มีสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นหน่วยงานพลเรือนที่รับผิดชอบ ไม่ใช่ระดับกองทัพหรือ กอ.รมน. จะกำหนดเองได้

ส่วนแผนงานโครงการที่กล่าวอ้างว่าเป็นเครื่องมือในการควบคุมสังคมไทยนั้น ล้วนแล้วแต่ได้รับมอบจากรัฐบาล สภาความมั่นคงแห่งชาติ และกระทรวงต่างๆ ซึ่งมีการประชุมร่วมกันเพื่อวางแผนและทบทวนทุกปีตามขั้นตอนความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี”

พลตรี วินธัย กล่าวว่ากอ.รมน. ขอเรียนว่าการนำหนังสือและบทความทางวิชาการที่มีข้อมูลในลักษณะที่เป็นเท็จ ไปเผยแพร่ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการจำหน่ายเป็นแบบรูปเล่มหนังสือ และการไปร่วมเสวนาบันทึกนำไปเผยแพร่ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ส่งผลให้เกิดความเสียหาย ทำให้สังคมเข้าใจผิด และกระทบภาพลักษณ์ขององค์กรหน่วยงาน   

“กอ.รมน.จึงขอความร่วมมือในการระงับการจำหน่ายหนังสือฯ ดังกล่าว และจะประสานทางมหาวิทยาลัยต้นสังกัดได้กรุณาพิจารณาในเรื่องของจริยธรรม รวมถึงอาจจำเป็นต้องอาศัยขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป ทั้งนี้หากนักวิชาการ สื่อมวลชนหรือสังคมมีความสงสัย ต้องการทราบรายละเอียดในประเด็นใด สามารถติดต่อมาที่หน่วยงานหรือทีมโฆษก กอ.รมน. ได้ตลอดเวลา”โฆษก กอ.รมน.ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เย้ยกฎหมาย! โพสต์ขาย 'น้ำท่อม' ฉลองวันลอยกระทง

ภายใต้การนำของ พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก. สภ.เมืองสมุทรสาคร พ.ต.ท.สุขุม เพาะไธสง รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.โสภาส ถนนทิพย์ สวป. สภ. พร้อมกำลังตำรวจ

'ภูมิธรรม' แบ่งงาน 'บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กรอย-สุรสิทธิ์-ธิติรัฐ' ลุยงานมั่นคง

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้นำนายธิติรัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองของนายภูมิธรรม พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ปรึกษารองนายกฯ

ชมภาพชุด ซ้อมพิธีสวนสนาม 'ทหารรักษาพระองค์'

พลตรีวิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยระหว่างการซักซ้อมพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ฯ ณ กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์

โฆษก มท. แจงมติครม.เร่งแก้ปัญหาคนไร้สถานะทางทะเบียน 4.8 แสนราย ไม่ใช่ให้สัญชาติคนต่างด้าว

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติหลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติ และสถานะให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามา

ครม. ไฟเขียวหลักเกณฑ์เร่งรัดแก้ปัญหาสัญชาติกว่า 4.8 แสนคน

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนออนุมัติหลักเกณฑ์ เพื่อเร่งรัดให้มีการแก้ไขปัญหาสัญชาติ, สถานะของกลุ่มบุคคลที่อพยพเข้ามาในไทยเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรไทย