12 ก.ย.2567 - เมื่อเวลา 17.05 น. นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน อภิปรายว่านี่จะเป็นครั้งที่สามที่ตนจะขอเสนอแนวคิดเพื่อทำให้คำแถลงนโยบายนี้เป็นเหมือน GPS ที่จะคอยบอกเราว่า รัฐบาลจะพานาวาแห่งนี้แล่นไปทางไหน เป้าหมายอยู่ที่ใด ด้วยวิธีการใด เดินทางในเส้นทางไหน เหมือนหรือต่างกับที่เคยสัญญากับผู้ร่วมเดินทาง หรือโปสเตอร์ของพวกเขาว่าอย่างไร และจะเดินทางไปถึงเป้าหมายเมื่อไหร่
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลแพทองธารมีเรื่องยุ่งยากซับซ้อนเพราะต้องผิดสัญญาไปแล้วหนึ่งรอบ จึงเห็นว่าโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีควรใช้การแถลงนโยบายเป็นกลไกช่วยกู้ความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชนต่อรัฐบาลใหม่ ควรต้องเป็นสัญญาที่หนักแน่นว่า 3 ปีข้างหน้าจะทำอะไร เพราะคำสัญญาที่เป็นรูปธรรมเท่านั้นจึงจะแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนได้
นางสาวศิริกัญญา ชี้ว่า นโยบายของรัฐบาลแพทองธาร เมื่อตรวจแล้วไม่ค่อยต่างอะไรกับรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ยังคงเป็น GPS ที่พาเราหลงทาง ใช้คำกว้างๆ พูดลอยๆ พูดอีกก็ถูกอีก ใช้คำว่าเร่งรัดแต่ไม่ได้บอกว่าจะเสร็จเมื่อใด อย่างไรก็ตาม ให้คะแนนเพิ่มจากการอธิบายรายละเอียดนโยบายลงไปตามมาตรการ และนโยบายย่อยต่างๆ ที่เพิ่มเติมขึ้นมา
ส่วนการกำหนดเป้าหมายที่ระบุไว้ในส่วนท้าย คือ ‘การสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพื่อนำพาความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทยและประเทศไทย’ ซึ่งต้องบอกว่าเป้าหมายนี้ไม่มีความชัดเจน เพราะถ้าชัดเจน คงไม่ต้องมีผู้อภิปรายมาช่วยขยายความว่าตกลงมีกินมีใช้คืออะไร
นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า ส่วนตัวชอบมากที่คำว่า ‘เพื่อสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม’ แสดงว่าแม้คำแถลงนโยบายจะไม่ได้บรรจุคำคำว่าเหลื่อมล้ำสักเท่าไหร่ แต่ถ้านายกรัฐมนตรีบรรจุคำนี้ไว้เพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียม แสดงว่าคงจะมองเห็นประเด็นของความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส ซึ่งเป็นผลต่อความเหลื่อมล้ำด้านอื่นๆ ทั้งทางด้านรายได้ ทรัพย์สิน การเข้าถึงโอกาสการศึกษา การทำงาน ความก้าวหน้าในอาชีพโดยไม่ต้องพึ่งพาเส้นสาย เพื่อการสร้างโอกาสที่เท่าเทียม
“แต่ที่เหลือก็ยังไม่ได้ช่วยให้ประชาชนเห็นเป้าหมายเพิ่มเติมเลย หากเทียบกับนายกรัฐมนตรีท่านอื่นๆ ดิฉันขอมอบมงให้กับคำแถลงของรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในศตวรรษที่ 21 ซึ่งต้องปัดตกไป เพราะนั่นเป็นประเทศไทยที่พัฒนาแล้วในอีก 80 ปี” นางสาวศิริกัญญากล่าว
นางสาวศิริกัญญา ยังเจาะจงไปในคำแถลงนโยบายของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่มีรายละเอียดชัดเจน มีเป้าหมาย มีกรอบเวลาชัดเจน และตรงกับนโยบายที่สัญญาไว้ก่อนเลือกตั้ง ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าจะไล่คนเขียนนโยบายคำแถลงนั้นออกไปทำไม เพราะนี่เป็นตัวอย่างว่าหากจะเขียนให้ชัด ก็เขียนได้ และเคยทำมาแล้ว แต่ไม่ยอมเขียน
“ดิฉันตกใจมากที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตในการแถลงนโยบายรอบนี้ คำว่า ‘10,000 บาท’ หายไป อย่าทำให้ใจเสีย รีบตอบมาว่าตกลงได้ 10,000 บาทอยู่หรือไม่ เพราะประชาชนทวงถามมา รวมถึงการเพิ่มเติมโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทเพิ่มขึ้นมา ที่แปลงร่างเป็นค่าโดยสารราคาเดียวตลอดสาย 20 บาท ทำไมไม่ใส่เหมือนกับที่เคยหาเสียงไว้แล้ว แต่กลับเหมือนอย่างอื่นแทน คือวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีความตรงกันทั้งหมด 11 จาก 14 ประเด็น ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะหลายนโยบายเหมือนกันเป๊ะ” นางสาวศิริกัญญากล่าว
นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า ความเหมือนไม่ใช่ปัญหาเรื่องครอบงำ แต่เป็นเรื่องความรับผิดชอบ ที่ตกลงไม่รู้ว่าใครเป็นคนวางนโยบายตัวจริง ต้องถามใคร หรือเชื่อใครกันแน่ หากสุดท้ายยังเป็นแบบนี้ ต่อไปการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเป็นเพียงพิธีกรรม เรื่องใหญ่ๆ อาจไม่ถูกตัดสินจากที่ประชุม แต่ถูกตัดสินมาแล้วจากที่อื่น เช่น ห้องอาหารในโรงแรมต่างๆ หรือในเซฟเฮาส์
“เราอยากจะเห็นนายกรัฐมนตรีที่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจให้กับประชาชนได้ ว่าท่านจะเป็นคนที่ดำเนินนโยบายที่แถลงได้เองจริงๆ ยังไม่สาย เพราะการอ่านก็อ่านไปตามกฏหมาย แต่วันนี้ขอให้ท่านได้มาตอบด้วยตัวเองในรายละเอียดต่างๆ ว่าจะทำอย่างไร เพราะเราอยากเห็นนายกรัฐมนตรีที่มีแสงสว่างในตัวเอง เป็นดาวฤกษ์ ไม่ใช่ดาวเคราะห์ ไม่ใช่ดวงจันทร์ที่สองสว่างโดยใช้แสงจากพระอาทิตย์ และวันที่พระอาทิตย์สว่างจ้าเสียเหลือเกิน เราจะไม่เห็นดวงจันทร์เลย” ศิริกัญญากล่าว
นางสาวศิริกัญญา ยังยกตัวอย่างผลงานที่พรรคเพื่อไทยสรุปมาในระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี โดยตั้งคำถามว่า สิ่งเหล่านี้นับเป็นผลงานได้หรือไม่ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็จะยิ่งเริ่มจางลงไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีอะไรจะใส่ จึงต้องไปหยิบกฎหมายมาใส่ ทำให้ตนแอบคิดว่า คนทำกราฟฟิคเป็นนาตาชาหรือไม่ เพราะมีนโยบายด้านเศรษฐกิจออกมาเยอะมาก เว้นที่เหลือไว้ทำไมไม่ใส่เพิ่ม แต่หากดูดีๆ ก็มีแนวโน้มเน้นไปที่คนรายได้ปานกลางถึงสูง
นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า ใน 1 ปีมาตรการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไปให้ถึงรากหญ้า ที่กำลังซื้อตกแล้วตกอีก กลับไม่มีนโยบายอะไรออกมา ค่าครองชีพ ราคาน้ำมัน ข้าวของที่แพงขึ้น ก็ไม่มีมาตรการอะไรออกมาเลย หลังจากที่ทำครบ 3 เดือน งบกลางก็ไม่ค่อยได้เอาออกมาใช้ เพราะกั๊กไว้ใช้กับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต
นางสาวศิริกัญญา เน้นไปที่ถึงนโยบายดิจิทัลวอลเว็ต ที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายรอบ และคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก จนถึงตอนนี้เป็นรอบที่ 7 แล้ว เพราะงบกลางของ ปี 67 มีเท่าไหร่ก็เอามาแจกก่อน จ่ายเป็นเงินสด ส่วนที่เหลือก็พยายามจะเบ่งงบ ปี 68 หาทางกู้เงินเพิ่ม ตัดลดงบชำระหนี้ ก็ยังได้เงินไม่พอที่จะจ่ายให้ครบ 45 ล้านคนอยู่ดี จึงมีการแถลงของนายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกมา
นางสาวศิริกัญญา ย้ำว่า วันนี้จึงอยากฟังให้ชัดๆ ว่าตกลงแล้วโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะไปสุดที่ตรงไหน เพราะอีก 3 วัน คือวันที่ 15 กันยายนนี้ จะหมดเขตลงทะเบียน และหากประชาชนคนใดยังไม่ได้ลงทะเบียน ก็ช่วยมาลงทะเบียน จะได้รู้แน่ว่า สรุปแล้วกลุ่มเป้าหมายมีกี่คน และจะหาเงินมาจากไหน จะยังแจกคนละ 10,000 บาทอยู่หรือไม่ และจะแจกเป็นเงินสดหรือดิจิทัลวอลเล็ต
"วันนี้มีรัฐบาลใหม่แล้ว คงต้องหยุด และตั้งสติกันนิดหนึ่ง เพราะทำโครงการเรือธงใหญ่ขนาดนี้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เดาว่าคงมีมือที่มองไม่เห็นคอยมาสั่งอย่างเดียว จะเอาให้ได้ แต่ไม่รู้ว่าหน้างานเป็นอย่างไร กฎหมายเปลี่ยนไปขนาดไหนแล้ว 20 กว่าปีที่ผ่านมา และฐานะทางการคลังของประเทศรับได้แค่ไหน ไม่ได้คิด ไม่ได้มอง สักแต่ว่าจะทำให้ได้ เพราะเป็นโครงการเรือธงโครงการใหญ่ อยากจะทำให้ได้ เจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ สุดท้ายก็เสียไปแล้วตอนนี้ และตอนนี้เป็นเหมือนอาการเมาหมัดว่า มีเงินอยู่เท่าไหร่แจกๆ ไปก่อน พอแจกพร้อมกันไม่ได้ ที่เหลือค่อยไปตายเอาดาบหน้าสุดท้ายเครดิตจะไม่เหลือเอา"
นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการชี้นิ้วมาฝั่งนี้ ว่าเป็นเพราะฝ่ายค้านที่ทำให้ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทำให้ล่าช้าเละเทะแบบนี้ อย่าอ้างว่าฟังคนเห็นต่างแล้วก็เลยเปลี่ยนตามมาเรื่อยๆ เพราะสิ่งที่เราพูดไม่ใช่ความเห็นที่โต้เถียงกันได้ แต่เป็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ทุกครั้งเถียงกันแทบเป็นแทบตาย ดื้อตาใสบอกไม่ผิดทำได้ พอหลังชนฝาประเทศกู้ไม่ได้ ก็หายจากวิกฤตไปเป็นปลิดทิ้ง
"สุดท้าย พอเปลี่ยนนายกฯ ทีนี้ไม่มีใครกล้าเสี่ยงทำผิดกฎหมายอีกแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่แค่รัฐบาล ไม่ใช่แค่คณะรัฐมนตรีเกี่ยวข้องที่เสียเครดิต แต่ข้าราชการผู้หลักผู้ใหญ่ผู้บริหารในกระทรวงใหญ่ๆ เสียผู้เสียคนกันหมด เพราะต้องออกมาแก้ต่างแทนรัฐบาล กลายเป็น 1 ปีที่สูญเปล่า สุดท้ายเงินยังไม่ได้ เสียเวลาเสียสมาธิ เสียโอกาสที่จะใช้งบกลางไปกระตุ้นในด้านอื่นๆ พอไม่ออกมาตรการอื่นๆ ระหว่างทาง แทนที่ประชาชนจะได้รับการช่วยเหลือก็ไม่ได้
พายุหมุนทางเศรษฐกิจที่จะกระแทกๆๆ ตอนนี้อ่อนกำลังลงไปเรื่อยๆ อ่อนกำลังลงไปพร้อมกับเครดิตและความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล หากจะกู้กลับคืนมาก็คงไม่ง่าย ไหนๆ พายุหมุนจะอ่อนกำลังลงกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ก็ขอฟังชัดๆ จากรัฐบาลว่า สรุปแล้วผลต่อเศรษฐกิจสำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ว่าจะ 10,000 บาทหรือไม่ หรือ 5000 ดิจิทัลวอลเล็ต จะเป็นเท่าไหร่ จะได้คาดการณ์ไปในอนาคตได้ว่า จะสามารถกระตุ้นจีดีพีได้เท่าไหร่"
นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า แต่ขอดักคอไว้ก่อนว่า ครึ่งปีหลังของ ปี 67 เศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีตามอัตภาพ เนื่องจากฐานจีดีพีปีที่แล้วต่ำ จะบอกไว้เลยว่า ถึงจะไม่มีดิจิทัลวอลเล็ต ไตรมาสสี่ก็โตเกือบ 4% แล้ว ดังนั้น ห้ามเคลมว่าที่โตขึ้นเป็นเพราะฝีมือรัฐบาล
นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวถึงการปฏิรูปราชการว่า รัฐบาลมองเพียงว่า ต้องลดขนาด เพิ่มประสิทธิภาพ ใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่มีการพูดถึงการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่แท้จริงของความอุ้ยอ้าย ความซ้ำซ้อน และความไร้ประสิทธิภาพของระบบราชการ
“ช่วยกลับมาคิด กลับมาโฟกัส กับเรื่องการปฏิรูประบบราชการ เพราะไม่อย่างนั้น เราจะไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจโตได้อย่างที่ใจหวัง และนี่เป็นบทพิสูจน์สำคัญของรัฐบาลชุดนี้ ว่าจะสามารถเคลมเครดิตจากอะไรที่เคยสำเร็จไว้ในอดีตได้หรือไม่ เพื่อพิสูจน์ว่า น้ำยา หรือประสิทธิภาพ ที่เคยมีเมื่อ 20 ปีก่อน จะยังคงอยู่หรือไม่”
นางสาวศิริกัญญา ทิ้งท้ายว่า แต่ถ้าดูจากการวิเคราะห์นโยบายที่ออกมา เรื่องการปฏิรูประบบราชการ ตนไม่เห็นว่าจะเป็นทางออกทางรอดของการปฏิรูปผ่านถ้อยคำแถลงครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ที่ลุกขึ้นมาตอบคำถามเหล่านี้ด้วยตัวเอง3 ราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รองเลขาฯเพื่อไทย ฟาดกลับ 'ไอซ์ รักชนก' แซะแจกเงินหมื่นช่วงเลือกตั้งนายก อบจ.
น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า ใจเย็นๆ นิดนะคะ รัฐบาลตั้งใจส่งเงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ ถึงมือกลุ่มเป้าหมายให้เร็วที่สุด
'แพทองธาร' โชว์วิชั่น การเมืองมีเสถียรภาพ ประเทศไทยจะดีขึ้น!
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ไทยสงบ สันติ หวังรัฐบาลเปลี่ยน นายกฯเปลี่ยน แต่นโยบายเพื่อปชช.เดินหน้า บอกต่างชาติเจอคำถามแรกถามพ่อ-อาเป็นอย่างไร ย้ำการเมืองมั่นคง มีเสถียรภาพแน่นอน
'นิพนธ์' ซัดรัฐบาลแจกเงินหมื่น เฟส 2 หวังผลการเมือง ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย-อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตนายก อบจ. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีการแจกเงินสด 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนในระบบและยืนยันตัวตนแล้ว รวมกว่า 4 ล้านคน
ป้า 67 ป่วยหลายโรค หาบเร่ขายของเลี้ยงชีพ หวังได้เงินหมื่น เฟส 2 หวั่นตกหล่น บัตรคนจนก็ไม่มี
บุรีรัมย์ ป้า 67 ป่วยความดัน มีก้อนเนื้อที่คอ แต่ต้องหาบเร่ขายของเลี้ยงชีพและลูกพิการ หวังได้เงินหมื่น เฟสสอง มาแบ่งเบา
เตรียมรับอีกคดี! 'อดีตรมว.คลัง' ฟันธง! แจกเงินอายุเกิน 60 ปีผิดกฎหมาย
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความว่
นายกฯ มอบรางวัลประกาศเกียรติคุณเป็น 'ค่าของแผ่นดิน' ขอช่วยผลักดันนโยบาย
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณเป็น “ค่าของแผ่นดิน” ประจำปี 2566 โดยมี