'ทักษิณ' มั่นใจ 100% 'นายกฯอิ๊งค์' ไม่โดนรัฐประหาร ตั้งตัวเป็น 'สทร.' ลั่นสบายมากสู้คดี 112

‘ทักษิณ’ มั่นใจไม่เกิดรัฐประหาร ‘นายกฯ อิ๊งค์’ 100% พร้อมตั้งตำแหน่ง ‘สทร.’ ช่วยลูก เชื่อเลือกตั้งครั้งหน้า ‘เพื่อไทย’ กลับมาชนะ ให้สิทธิ์พรรคมิตรเก่าร่วมรัฐบาลก่อน ลั่นสบายมากสู้คดี 112

23 ส.ค. 2567 – ที่พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน เนชั่นทีวี จัดดินเนอร์ทอล์ก หัวข้อ Vision For Thailand 2024 โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ด้วย ซึ่งเป็นงานแรกที่นายทักษิณขึ้นพูดหลังจากเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2566 ทั้งนี้ มีบรรดานักการเมืองและภาคธุรกิจ ภาคเอกชน เข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก

โดยภายหลังนายทักษิณเสร็จสิ้นการแสดงวิสัยทัศน์ พิธีกรได้ถามถึงกรณีประชาชนตั้งคำถามว่า 17 ปีที่ออกจากประเทศไทยไป และเมื่อปี 2566 ได้กลับมาประเทศไทยในรอบนี้มีเงื่อนไขต้องเป็นตัวประกันหรือดีลหรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า ไม่มีใครมาดีล ไม่มีใครกล้าดีล เพราะไม่มีอะไรจะให้มาดีลกับตนเพราะเสียเวลา แต่ต้องยอมรับว่าตนรักบ้านเมือง และคิดถึงหลานเวลาที่ไปหา เขากลับ เราก็น้ำตาตกทุกที ซึ่งมีความทุกข์ ที่อยากกลับประเทศตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า และสุดท้ายก็ประสานกับทางรัฐบาล ซึ่งเป็นในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ตนจะเดินทางกลับ เพราะไม่มีพาสปอร์ต เขายึดพาสปอร์ตตนไปแล้ว ซึ่งเมื่อมีการประสานมา เขาก็เตรียมการให้ ถือว่าได้รับพระกรุณาธิคุณ

เมื่อพูดถึงท่อนนี้นายทักษิณยกมือไหว้เหนือหัว ก่อนจะกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งตนสำนึกว่าสิ่งที่เราได้รับ เรามีหน้าที่ต้องตอบแทนทุกอย่างให้บ้านเมือง และมีหน้าที่ที่จะต้องจงรักภักดีต่อไป เป็นสิ่งที่ทำให้ตนได้กลับมาเป็นคนไทยอีกครั้ง

เมื่อถามว่า หลังกลับมาเป็นประชาชนคนไทย และได้รับใบบริสุทธิ์แล้ว คิดว่าอยากจะทำที่สุดสำหรับประเทศไทยหรืออยากจะช่วยนายกรัฐมนตรีขับเคลื่อนอยู่ข้างหลัง หรืออยากผลักดันให้รัฐบาลนี้มีเอกภาพที่สุด นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ ตนเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พี่น้องคนไทยหลายคนยังมีความผูกพันอยู่กับตนบ้าง ตนถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องตอบแทนบ้านเมืองอย่างสุดฝีมือ

“ในขณะที่สมองเรายังดี มีความจำดี และผ่านประสบการณ์เห็นประเทศต่างๆ ในโลกเยอะจึงอยากเป็นพระเอกโลกทั้งใบให้นายคนเดียว“ นายทักษิณ ระบุ

ทำให้พิธีกรสอบถามว่าหมายถึงนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายทักษิณ ตอบกลับว่า “นายประเทศไทย”

เมื่อถามว่า การเมืองของเมืองไทยเปลี่ยนไปเยอะหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เปลี่ยนไปเยอะ ตั้งแต่การปฏิวัติประเทศไทยในครั้งที่สอง การร่างรัฐธรรมนูญมีเจตจำนงอย่างชัดเจนเพื่อให้การเมืองอ่อนแอ เพราะกลัวการเมืองแข็งแรงเหมือนสมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะไม่เคยมีประวัติศาสตร์ว่าการเลือกตั้งชนะรอบสอง และได้มาถึง 377 เสียง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากเห็น อีกทั้งตอนนั้นก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา แต่ต้องถือว่าเป็นประชาชน เผด็จการเพราะประชาชนเป็นคนเลือกมา ถึงตอนนี้ก็ยังมองว่ารัฐธรรมนูญยังเป็นปัญหาที่จะต้องแก้เยอะ วันนี้ฝ่ายประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งแข็งแรงและสามัคคีกันมากพอสมควรถึงเวลาที่จะต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ประชาธิปไตยกลับคืนสู่คนไทย

เมื่อถามว่า วันนี้เหมือนประชาธิปไตยมีเสาที่ 4 เกิดขึ้น เช่น ศาลรัฐธรรมนูญราชธรรม มาขี้ชะตาการเมือง นายทักษิณ กล่าวว่า คงต้องแก้ รัฐบาลมาจากสภาฯ ต้องไปด้วยสภาฯ เพราะหลักการของประชาธิปไตย 3 เสาหลัก ตอนนี้มีอะไรก็ไม่รู้และยังมีนักร้องเยอะ ร้องจนสร้างอาชีพอาชีพใหม่ วันนี้ตนมองว่าผู้ที่เสียหายและองค์กรที่เกี่ยวข้องเขามีสิทธิ์กับเรื่องนี้

นายทักษิณ กล่าวว่า อดีตพรรคก้าวไกลเคยถามตนว่าพรรคจะถูกยุบหรือไม่ ตนบอกว่าตนแค่โดนหมั่นไส้อยู่เมืองนอก 17 ปี โดนยุบไป 3 พรรค แล้วของคุณจะเหลือหรือ

ส่วนรัฐบาลสภาวะปัจจุบันที่วันนี้เปลี่ยนจากนายเศรษฐา ทวีสิน มาเป็นน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ส่งผลให้ป่าสะเทือนเลื่อนลั่น จะทำให้รัฐบาลเดินไปอย่างมีเสถียรภาพอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า เรื่องเสถียรภาพไม่มีปัญหาเลย แต่เรื่องข้ามขั้วไม่ข้ามขั้ว บ้านเราชอบบัญญัติศัพท์ และพูดติดปากกันเลย บ้านเราเป็นระบบรัฐสภาใครรวมเสียงได้ก่อนก็จะตั้งรัฐบาล แต่ตามมารยาทให้สิทธิ์คนที่ได้ที่หนึ่งก่อน แต่ถ้าคนที่หนึ่งเขาจัดตั้งไม่ได้ ก็เป็นพรรคอันดับสองที่จะเป็นคนรวบรวมเสียง จึงไม่ใช่การข้ามขั้วแต่เป็นระบบรัฐสภา

“ที่เขาตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะเขาไม่ยอมยกเลิกการแตะต้องมาตรา 112 เรื่องเดียว เพราะทุกพรรคเขาไม่เอาด้วยกับเรื่องนี้ ถ้าไม่มีมาตรา 112 ในวันนั้น การตั้งรัฐบาลของอดีตพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจบไปแล้ว” นายทักษิณ ระบุ

เมื่อถามถึง ความมั่นใจว่ารัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมีความมั่นคงใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า มั่นใจ เพราะ สส.ในฝั่งรัฐบาลมี 300 กว่าเสียง ไม่มีอะไรที่เสี่ยง และการที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตั้งใจทำ และทีมงานที่รองรับด้านหลังน่าจะผลักดันได้ดี

เมื่อถามถึง คำแนะนำต่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในการจะเป็นพรรคอันดับหนึ่งชนะพรรคประชาชนได้ นายทักษิณ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้ามีโอกาสสูงพรรคเพื่อไทยจะเป็นที่ 1 การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา หากหัวหน้าพรรคไม่ลาคลอดแล้วเดินหน้าหาเสียงไปเรื่อยๆ ตอนนั้นลาคลอดไป 10 กว่าวัน ทำให้คะแนนนิยมตก หากหาเสียงจนจบ ตนว่าไม่แพ้มั่นใจ เพราะเราสำรวจตลอด

เมื่อถามว่า อะไรที่ทำให้มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยจะชนะพรรคประชาชน นายทักษิณ กล่าวว่า ของมันเคยชนะมาแล้ว ซึ่งหลักของพรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชนเขาต้องการความเท่าเทียม ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ในบริบทของสังคมไทย ดังนั้น เขาจึงจะอยู่ในบริบทของการเมือง ส่วนของพรรคเพื่อไทยอยู่ในบริบทของการปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียมของประชาชน เราเน้นโอกาส เขาเน้นสถานะ ไม่เหมือนกัน ซึ่งตนใช้แบบนี้มาตั้งแต่ปี 2541 ตนชนะด้วยคำเดียวคือโอกาส วันนี้ไม่ใช่คนไทยงอมืองอเท้าหรือไม่ฉลาด แต่เป็นเรื่องของโอกาส

เมื่อถามว่า หากไม่มีเรื่อง 112 การเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนสามารถจับมือกันตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ในฐานะผู้เคยก่อตั้งพรรค เรามีพันธมิตรที่เคยทำงานในรัฐบาลร่วมกัน เขาต้องมีสิทธิ์ก่อน นี่คือมิตรทางการเมือง หลักการทางการเมืองเป็นเช่นนี้

เมื่อถามว่า คนที่อยู่ด้วยกันมีประชาธิปัตย์หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ประชาธิปัตย์ก็มาร่วม เห็นหรือไม่มางานนี้ด้วย ตอนมองว่าวันนี้ประเทศไทยต้องสามัคคีกัน เราแบ่งหน้าที่ แต่เราไม่ได้เป็นศัตรูกัน

เมื่อถามว่า ตั้งแต่กลับประเทศไทยมา 1 ปี ได้คุยกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐบ้างหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ก่อนมาเคยโทรคุยผ่านคนอื่น เป็นเรื่องที่จะร่วมรัฐบาลกัน ถามสารทุกข์สุขดิบ แต่ไม่เคยพูดคุยกัน ไม่ได้เจอกัน เขาไม่รู้จักตนแล้ว รู้จักกันตั้งแต่เป็นแม่ทัพภาคที่หนึ่งจนเป็น ผบ.ทบ.

เมื่อถามว่า จุดไหนที่ทำให้มีระยะห่าง นายทักษิณ กล่าวว่า ตอนนั้น พล.อ.ประวิตรเกษียณ เขาอยากไปเป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้วตนก็บ่นว่าทหารจะไปเป็นประธาน ป.ป.ช. ไม่รู้กฎหมายหรือ ตนพูดแค่นี้ ก็มีเพื่อนเขาชื่อนายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา ไปบอกเขา เขาเลยโกรธตน จนถึงวันนี้ก็ไม่ได้คุยกัน แล้วทำไมตนต้องไปคุยกับเขา แล้วหลังจากนั้นตนก็โดนแทง

เมื่อถามว่า คิดว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นตัวแปรสำคัญหรืออุปสรรคสำหรับรัฐบาลแพทองธารหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่เป็น เพราะมีเสียงพอ

เมื่อถามว่า มีอะไรอยากบอก พล.อ.ประวิตร หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เราก็อายุมากกันแล้ว ก็เข้าฟังธรรมะสักหน่อย จิตใจจะได้สงบ ตนอยู่เมืองนอกมา 17 ปี มีเรื่องราวมีคดีมากมาย ทีแรกตนก็โกรธ ทีหลังก็เฉยๆ ตอนหลังก็ขำมีอีกหนึ่งคดี

เมื่อถามว่า ในฐานะพ่อคิดว่าจะสนับสนุนช่วยเหลือ ลูกสาวที่เป็นนายกรัฐมนตรี คนแรกที่อายุน้อยที่สุด อย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า “ผมต้องทำหน้าที่ ช่วยคิดช่วยเสนอแต่การตัดสินใจเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี ผมไปพบว่าสิ่งไหนที่ต้องปรับปรุงแก้ไข หรือแนวทางประเทศควรไปทางไหนก็จะบอกเขา แต่การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่เรื่องของผม แต่ผมคงจะอยู่เฉยมองปัญหาบ้านเมืองแบบไม่สนใจไม่ได้ หากจะตั้งตำแหน่งให้ตัวเองก็จะเป็น สทร. ได้หรือไม่ เห็นอะไรไม่ดีก็ต้องบอก เพื่อให้เขาได้แก้ไข เราก็ห่วงใย รักบ้านเมืองอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็ต้องบอกในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี”

ส่วนจะวางระยะห่างกรณีที่มีนักการเมืองหรือนักธุรกิจเข้าหาอย่างไรนั้น นายทักษิณ กล่าวว่า ตนมีนิสัยเป็นอาจารย์เก่า ชอบสอนหนังสือชอบให้ความรู้ ใครมาปรึกษาก็ยินดี แต่ถ้ามาวิ่งเต้นไม่เกี่ยวกับตน ไม่ต้องมา บ้านตนเจอแต่เพื่อนฝูง

เมื่อถามว่า มองว่าหลังจากนี้มีโอกาสจะเกิดรัฐประหารขึ้นอีกหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มี วงจรนั้นหายไปแล้ว เชื่อว่านายกฯ แพทองธารจะปลอดภัยจากรัฐประหาร 100 เปอร์เซ็นต์

เมื่อถามถึง การถูกกล่าวหาในคดี 112 นายทักษิณว่า นักข่าวเกาหลีมาสัมภาษณ์ตน แต่ตนไม่รู้ว่าจะอัดวิดีโอด้วย ก็พูดคุยกันไป ยืนยันว่าตนไม่เคยแตะเรื่องเจ้านาย เพราะคำว่า Cycle หรือวงจร ตนคิดว่าตำรวจตกภาษาอังกฤษ แต่คำว่าเซ็นเตอร์คือตรงใจกลาง ตนไม่ได้พูดถึงเซ็นเตอร์แต่พูดถึงเซอร์เคิล ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงของการกระชับอำนาจปฏิวัติพอดี ตนได้ข่าวมาว่าคนที่ทำคดีแทบเป็นบ้า เพราะถูกกดดันและตนรู้ว่าใครกดดัน ซึ่งคนกดดันก็ยังอยู่ เดี๋ยวตนจะไปซักในศาล รวมทั้งมั่นใจว่าเรื่องนี้จะจัดการได้สบายมาก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เดือด! 'ติ๊งต่าง' ยืนข้าง 'ชวน' ตะเพิดใครอยากอยู่กับ 'ทักษิณ' ออกไปเลย อย่าเอาพรรคไปเกี่ยว

นางกาญจนี วัลยะเสวี หรือ ติ๊งต่าง เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับและแกนนำกลุ่ม ชาวไทยหัวใจรักสงบ อดีตแม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพกับนายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมข้อความ ระบุว่า

‘นิพิฏฐ์’ ยกนิ้ว ‘ทักษิณ’ นายแน่มาก

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส. พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กว่า การดึงพลังประชารัฐไปครึ่งซีก และ ดึงหางประชาธิปัตย์แต่ตัดหัวทิ้ง ก็เหมือนฆ่าพปชร.และ ปชป.อย่างเลือดเย็นที่สุด ทักษิณ นายแน่มาก 👍

จับตามติพรรค! 'บิ๊กป้อม' เรียกประชุม กก.บห.พลังประชารัฐ พรุ่งนี้เช้า

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารพรรค ได้มีได้หนังสือเชิญประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ในเวลา 10.00 น. ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ

'ชัยชนะ' ยังไม่รู้ ปชป.ร่วมรัฐบาล ถามทำไมต้องเสื่อมศรัทธา จมอยู่กับอดีตก็ไม่เดินหน้า

นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะเข้าร่วมรัฐบาลว่า ตนยังไม่ทราบ ซึ่งทราบทุกอย่างตามข่าวเหมือนกัน