ศาลนัดสืบพยานปีหน้าคดี 'ทักษิณ' ผิด 112 ทนายอ้างมีพยานสำคัญขึ้นเบิกความ

ศาลนัดสืบพยานโจทก์ "ทักษิณ" คดี 112 นัด 1 ก.ค.ปีหน้า สืบ 7 นัดจบรวดเดียวภายในเดือน ลุ้นตัดสินภายในปี 68 "วิญญัติ" เตรียมพยานสำคัญ ล่ามเกาหลี-นักกฎหมายใหญ่ขึ้นเบิกความ

19 ส.ค.2567 - ที่ศาลอาญา เวลา 11.50 น.ภายหลังตรวจพยานหลักฐาน นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณชินวัตร เปิดเผยว่า ในการตรวจพยานหลักฐานคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พศ.2550 กรณีเมื่อปี 2558 นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้โดยมีเนื้อหาพาดพิงสถาบันว่า วันนี้ได้มีการสอบคำให้การของจำเลย โดยนายทักษิณให้การปฏิเสธพร้อมกับนำเสนอพยานหลักฐาน ประกอบไปด้วยพยานฝ่ายบุคคลฝ่ายโจทก์ 10ปากใช้เวลา 3นัด ฝ่ายจำเลยจำนวน 14 ปาก ใช้เวลา 4 นัด โดยฝ่ายโจทก์ไม่อ้างประจักษ์พยานเลยเเม้เเต่ปากเดียว ฝ่ายจำเลยเราอ้างล่ามเเปลภาษา ชาวเกาหลีที่พูดภาษาไทยได้ เเต่จะนำมาเบิกความจริงหรือไม่ต้องดูทางโจทก์ว่าติดใจสืบพยานปากนี้เเค่ไหน ภาระการพิสูขน์คดีอาญาอยู่ที่ฝ่ายโจทก์ ส่วนจะต้องนำมาหรืออาจจะใช้วิธีทางไกลผ่านจอภาพก็สามารถทำได้เเล้วในปัจจุบัน โดยทางฝ่ายจำเลยจะมีพยานปากที่เป็นบุคคลสำคัญเป็นนักกฎหมายมาเบิกความ นายทักษิณไม่ได้หนักใจตนก็ไม่หนักใจ การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานอยู่ที่ศาลเราก็ทำหน้าที่ให้ดีทั้งโจทก์เเละจำเลย

นอกจากนี้ ยังมีพยานผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ตามคลิปที่ปรากฏในระบบคอมพิวเตอร์ โดยนายวิญญัติยืนยันว่า คลิปที่มีการส่งตรวจตั้งแต่แรก เป็นการรวบรวมจากระบบอินเทอร์เน็ตลงในแผ่นซีดี ไม่ใช่หลักฐานจากสถานที่จริง เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบคลิปที่เป็นประเด็นยืนยันว่าคลิปดังกล่าวไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้ถึงความเป็นต้นฉบับ การตัดต่อและการแปลความเป็นภาษาไทยก็ไม่สมบูรณ์ ในเรื่องนี้มีภาษาอังกฤษเพียงคำเดียวที่เป็นปัญหาและนำไปสู่การกล่าวหานายทักษิณ ซึ่งสอดคล้องกับที่ตนได้เคยแถลงก่อนหน้านี้ว่าหลักฐานของฝ่ายโจทก์เป็นเพียงเพียงการรวบรวมคลิป

สำหรับเรื่องคลิปที่ไม่ได้มาจากต้นฉบับจะนำมาเป็นข้อต่อสู้ของจำเลยได้อย่างไรนั้นยังไม่สามารถลงรายละเอียดในเวลานี้ได้ หลังจากนี้จะเป็นการพิสูจน์ความจริงต่อศาล ขึ้นอยู่กับศาลจะรับฟังพยานหลักฐานและมีคำวินิจฉัยอย่างไร อย่างไรก็ตามมองว่าเรื่องนี้ นายทักษิณถูกกระทำจากระบบการกล่าวหา ซึ่งตนเองมองว่าระบบการกล่าวหาของประเทศไทยยังมีปัญหา หากมีโอกาสก็ควรมีการแก้ไข

สำหรับการสืบพยานหลังจากนี้มีทั้งหมด 7 นัด โดยฝ่ายโจทก์นัดในวันที่ 1, 2,และ 3 ก.ค. 2568 นัดสืบพยานฝ่ายจำเลยจะสืบพยานในวันที่ 15, 16, 22 และ 23 ก.ค. 2568 หลังจากนั้นศาลจะจัดทำคำพิพากษาต่อไป ซึ่งคดีเริ่มต้นเดือน ก.ค.ปีหน้าเเละเชื่อว่าศาลชั้นต้นตัดสินภายในปีนั้นอยู่เเล้ว เเต่จะมีการอุทธรณ์ ฎีกาต่อหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ซึ่งที่มีการนัดสืบพยานในปีหน้านั้นเนื่องจากศาลอาญาเป็นศาลใหญ่ รับคดีทั่วราชอาณาจักร มีคดีจำนวนมาก ต้องนัดสืบพยานไปตามลำดับของคดี เเต่คดีนี้เป็นการนัดคดีต่อเนื่อง ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่นั้น ตนเองไม่มีความเห็น

เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายจำเลยจะขอยื่นสืบพยานลับหลังหรือไม่ นายวิญญัติกล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่มี ซึ่งได้รับการยืนยันจากทักษิณว่าท่านพร้อมที่จะมาสืบพยานทุกนัด เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วยตัวเองและพิสูจน์ว่าที่ผ่านมาไม่มีเจตนาที่จะก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ และพร้อมที่จะได้แสดงความจงรักภักดีเพื่อให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งประชาชนคนไทยก็เห็นได้อยู่แล้ว แต่ทั้งนี้หากศาลอนุญาตให้มีการสืบพยานลับหลัง ท่านอาจจะไม่ได้เดินทางมาด้วยตนเอง

ส่วนนายทักษิณจะมีกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศอีกหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา และในการต่อสู้คดีนี้ นายทักษิณมีความมั่นใจ ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจ กรณีที่เอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณในการรักษาตัวที่ชั้น 14 นั้นนายวิญญัติกล่าวว่า นายทักษิณ ไม่ได้กังวล ซึ่งตนเองขอยืนยันว่า นายทักษิณป่วยจริง และตนก็เป็นทนายเพียงคนเดียวที่ไปเยี่ยมนายทักษิณ และตัวนายทักษิณก็อยู่ชั้น 14 จริง

ผู้สื่อข่าวถามว่าหาก ป.ป.ช. เรียกนายทักษิณ ไปให้ปากคำ เจ้าตัวจะพร้อมเข้าให้ข้อมูลหรือไม่ นายวิญญัติ ระบุว่า อยู่ที่ว่านายทักษิณเกี่ยวอะไร เพราะท่านไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่ก็ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช. จะพิจารณาว่าคดีมีมูลหรือไม่มีมูล และจะไต่สวนนายทักษิณหรือไม่ แต่หากมีการไต่สวนนายทักษิณก็ยินดี เพราะท่านกลับเข้ามาในประเทศ ท่านบอกว่าพร้อมที่จะปฏิบัติตามกติกาของสังคม โดยเฉพาะกฎหมาย ไม่เช่นนั้นนายทักษิณคงไม่เข้าสู่กระบวนการ ส่วนกระบวนการจะเป็นอย่างไรนั้น ก็เป็นเรื่องในหลายๆ ส่วนที่เกี่ยวข้อง

ในส่วนคดีที่ยื่นฟ้อง นายแพทย์วรงค์ เดชนุกรม ประธานพรรคไทยภักดี เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และดูหมิ่นด้วยการโฆษณา รวม 2 ข้อหา กรณีพาดพิงเรื่องถุงขนม2 พันล้านศาลนัดไต่สวน 30 ก.ย.เป็นนัดเเรก ยังไม่มีการไกล่เกลี่ยซึ่งนายทักษิณประสงค์จะดำเนินคดีถึงที่สุด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เท้ง' โวย 'อนุทิน' สร้างวาทกรรม ปชน. แก้ ม.112 ทั้งที่พูดเรื่องนิรโทษกรรมคดีหมิ่นสถาบัน

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวตอบโต้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า ต้องบอกว่าการยกมือในวันนั้น ไม่ใช่การเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 แต่เป็นการผลักดันเรื่องนิรโทษกรรมของนักโทษที่โดนคดีทางการเมือง

กังขา 'ปชน.' ไม่จับมือ 'กธ.' แต่จับมือ 'พท.' แม้ 'ทักษิณ-ประเสริฐ' แนบแน่น 'เบน สมิธ'

นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊กระบุว่า พรรคประชาชนไม่จับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม เพราะ ธรรมนัส สนิทกับ เบนสมิธ

’อนุทิน‘ ชัด ไม่ร่วมรัฐบาลพรรคประชาชน ปมยังเดินหน้าแก้ ม.112

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุจุดยืนชัด ไม่จับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่ยังมีนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลังดีเบตไทยรัฐทีวี ย้ำต่างอุดมการณ์ แต่ยังทำงานร่วมกันได้ หากเป็นเรื่องแก้ปัญหาประชาชน

ป.ป.ช. เลื่อนชี้ขาดคดี 44 อดีต สส.ก้าวไกล หลังยื่นขอความเป็นธรรม

นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) รักษาราชการแทนเลขาธิการป.ป.ช. กล่าวถึงกระแสข่าวคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่จะนัดลงมติคดีอดีต 44 สส.พรรคก้าวไกล ผิดจริยธรรมร้ายแรง กรณีการเข้าชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ไต่สวนเสร็จแล้ว! คดี 44 อดีตสส.ก้าวไกล รอลุ้น ประธาน ป.ป.ช. ชงชี้ชะตา 25 ธ.ค.นี้

ป.ป.ช. บรรจุวาระประชุมพิจารณา คดี 44 อดีต สส.ก้าวไกล กรณีถูกกล่าวหาว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯอย่างร้ายแรง ในการร่วมลงชื่อ และยื่นเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเดิมคาดว่าจะมีการบรรจุวาระในวันที่ 25 ธ.ค.นั้น

'โอ๊ค' เข้าเยี่ยม 'ทักษิณ' คุยเรื่องหลานๆ พร้อมฝากให้กำลังใจ 'ยศชนัน'

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพมหานคร ระหว่างการเดินทางเข้าเยี่ยม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการเข้าเยี่ยมครั้งที่ 27 ภายหลังถูกคุมขังครบ 3 เดือน เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา การเข้าเยี่ยมครั้งนี้มี นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร