ขนลุก 'จตุพร' แฉเกมลาก 'ตระกูลชินวัตร' เข้าเขตคิลลิ่งโซน ก่อนกวาดล้างให้เรียบ!


17 ส.ค. 2567 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า การตั้งรัฐบาลภายใต้เสียงเห็นชอบ 319 เสียงให้ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกฯ เปรียบเหมือนกับน้ำกรดแช่เย็น เพราะเริ่มก้าวไปสู่เป้าหมายเกมปัดกวาดล้างตระกูล“ชินวัตร” จากอำนาจทางการเมือง

อีกทั้งกล่าวว่า 6 เสียงของ สส.พรรคไทยสร้างไทย ฝ่ายค้าน ร่วมลงมติเห็นชอบให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ เป็นเพียงปรากฎการณ์ที่ทักษิณ ต้องการจะฉีกหน้าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และพรรคไทยสร้างไทยทั้งหมด ดังนั้น การแหกโผของ สส.ไทยสร้างไทยจึงไม่ใช่เรื่องเสียง เพราะเสียงพรรคร่วมมีมากเกินความต้องการให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ อยู่แล้ว

“แม้พรรคไทยสร้างไทยไม่มี สส.สักคนก็ยังมีความยิ่งใหญ่ เพราะความยิ่งใหญ่ไม่ได้อยู่ที่จำนวนคน แต่อยู่ที่จุดยืนทางการเมือง” นายจตุพร ระบุ

พร้อมทั้งกล่าวว่า วันนี้สภาเห็นชอบให้อุ๊งอิ๊ง เป็นนายกฯ (และรอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง) ดูเหมือนเป็นชัยชนะเบ็ดเสร็จของทักษิณ ผู้เป็นพ่อและเจ้าของพรรคเพื่อไทย แต่แกนนำพรรคร่วมกลับมีสีหน้ากังวลกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม อะไรจะเกิดขึ้นตามมา ขออย่าทำให้ประชาชนเดือดร้อน

นายจตุพร เชื่อว่า สิ่งที่น่าจับตาอนาคตการเมืองมากที่สุด ไม่ใช่อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ ที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง แต่ควรใส่ใจกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ทำหนังสือขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดชั้น 14 รพ.ตำรวจ ในช่วงที่ทักษิณ ได้อภิสิทธิ์ชนพักรักษาตัวถึง 6 เดือน

อย่างไรก็ตาม การขอตรวจสอบของ ปปช. เพราะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบการรักษาที่ รพ.ตำรวจ เป็นการเอื้อประโยชน์ช่วยเหลือนักโทษไม่ต้องติดคุก ดังนั้น หากการตรวจสอบพบว่า มีความผิดจริงย่อมทำให้ตัวการรับโทษ ม.157 ส่วนคนร่วมทำผิดเจอคดี ม.149 จากปรากฎการณ์นี้สะท้อนว่า เป้าหมายสำคัญอยู่ที่จัดการทักษิณ และต้องการกวาดชินวัตรให้เรียบราบจากการเมืองไทย

"ถ้าพิสูจน์ว่า ทักษิณไม่ได้ป่วยวิกฤตและไม่ได้ติดคุกจริง ถือเป็นการกระทำขัดพระบรมราชโองการ การถวายฎีกาขออภัยโทษเป็นการกราบบังคมทูลเท็จ สิ่งนี้เท่ากับบีบคั้นให้ทักษิณ เข้าเป้าหมายหมากตัวสุดท้าย ลากอุ๊งอิ๊งมาอยู่ในเขตคิลลิ่งโซน (killing zone) เพราะต้องการอำนาจนายกฯ มาช่วยตัวเอง”

นายจตุพร กล่าวว่า ครอบครัวชินวัตร คงมีความกังขาและผิดสังเกตการเดินหมากทางการเมืองของบางฝ่ายอำนาจมาก่อนหน้านั้นแล้ว จึงไม่ยอมให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดแรงบีบคั้นจ้องเล่นงานป่วยทิพย์ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ทักษิณ จำเป็นหาตัวช่วยที่ไว้ใจได้ จึงมาถึงคิวอุ๊งอิ๊ง เป็นนายกฯ แต่กลับมาเข้าหมากเกมคิลลิ่งโซน เพื่อกวาดชินวัตรให้เรียบ ดังนั้น ทักษิณมีทางเลือกแค่พาครอบครัวหนีไปต่างประเทศ หรือยอมติดคุก จึงเป็นสิ่งต้องตัดสินใจ

"การเอาลูกมาเป็นนายกฯ ย่อมผ่านการคิดที่ไม่ธรรมดามาแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องการเสี่ยงให้เป็นนายกฯ ในเขตแดนที่ควบคุมไม่ได้ แล้วส่อจะจบลงเหมือนตัวเองและน้องสาว (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ดังนั้น การเป็นนายกฯ ของอุ๊งอิ๊งจึงไม่ใช่ชัยชนะของทักษิณและชินวัตรเลย แต่เป็นความเสี่ยงที่จำเป็นต้องเลือก"

นายจตุพร ย้ำว่า การถูกลากไปอยู่ในคิลลิ่งโซน ด้วยเหตุจากการละโมบ โลภมาก คิดแต่ว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นตลอดเวลา ซึ่งเป็นจุดอ่อนของทักษิณ ดังนั้น คนมีพฤติกรรมเหิมเกริมตลอดเวลา คิดว่าตัวเองขี่ใครได้ตลอดเวลา เหนือกว่าทุกคนแล้ว คนนั้นจะถูกจัดการอย่างง่ายดายที่สุด สิ่งนี้เป็นความโชคดีของประชาชนขอให้อดทนไว้

“เรายังไม่รีบลงถนน แต่ควรรออย่างอดทนและใจเย็น เพราะตอนจบเรื่องนี้คือ โศกนาฎกรรม" นายจตุพร เชื่อ

พร้อมทั้งย้ำว่า อุ๊งอิ๊ง มาเป็นนายกฯ เป็นผู้นำประเทศคงไม่ได้อยู่ที่อายุ แต่ขึ้นกับศักยภาพและวุฒิภาวะพร้อมฉายแววการเป็นผู้ปกครองที่ดีได้หรือไม่ และสามารถนำพาประเทศผ่านวิกฤตเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความมั่นคงได้หรือไม่ ส่วนอุ๊งอิ๊งแทบไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมเลย นอกจากคุณสมบัติลูกของทักษิณเท่านั้น

“การสืบทอดประชาธิปไตยไม่ใช่การสืบทอดทางสายเลือด แต่ต้องมีศักยภาพโดยผ่านการเตรียมการ เรียนรู้เพราะประเทศเป็นของคนทุกคน ตัวอย่างประเทศกัมพูชา ฮุนเซนเตรียมลูกขึ้นมาสืบต่ออำนาจ ด้วยการผ่านประสบการณ์บริหาร จัดการอำนาจมากมาย แต่อุ๊งอิ๊งไม่มีเลย”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ชี้ทัศนศึกษาไม่ได้ทำร้ายเด็ก แต่รถที่ไม่ได้ถูกดูแลตรวจสอบเป็นต้นเหตุ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมร่วมกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิ

นายกฯอิ๊งค์ ร่ำไห้หลังทราบเหตุ ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษานักเรียน

ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินออกจากตึกบัญชาการ 1 ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึง

ความเป็นมาของรัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 (ตอนที่ 30)

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490

'เสี่ยอ้วน' ปัดวิจารณ์ 'เฮียเท้ง' ไม่เป็นที่รู้จัก หลังโพลหล่นเป็นรอง 'มาดามแพ'

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีผลสำรวจนิด้าโพลคนส่วนใหญ่โหวต

'อิ๊งค์' ขอบคุณปชช. โพลดันขึ้นเบอร์ 1 เป็นกำลังใจทำงาน ตั้งเป้าพาไทยไต่ขึ้นชั้นนำโลก

นายกฯ ขอบคุณประชาชนหลังโพลขึ้นที่ 1 ถือเป็นกำลังใจในการทำงาน แต่ยืนยันนับจากนี้รัฐบาลจะต้องทำงานหนักกว่าเดิมนำพาประเทศหลุดพ้นความยากจน ขึ้นเป็นชั้นนำของโลก