คำต่อคำ! เศรษฐา ทวีสิน : เขาไม่ให้อยู่แล้ว

“เศรษฐา” แถลงน้อมรับคำวินิจฉัยศาล รธน. แต่เสียใจถูกชี้ว่าเป็นนายกฯไม่มีจริยธรรม มั่นใจ “ผมไม่ใช่คนแบบนั้น” ไม่คิดถูกวางยา เชื่อศาลตัดสินบนข้อมูล ยันตลอดการทำหน้าที่นายกฯทำเต็มที่-ด้วยความบริสุทธ์ใจ เชื่อแคนดิเดตนายกฯทุกคนมีความพร้อม ขอให้เป็นกระบวนการสภา บอกความผิดหวังทุกเรื่องโหดร้ายหมด เผยหลังจากนี้เตรียมลอยอังคารกระดูกแม่เร็วขึ้น ย้ำจุดสูงสุดเป็นลูกที่ดี ยอมรับห่วงทุกอย่างแต่ฉากนี้มันจบลงแล้ว

14 ส.ค.2567 - ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศทำเนียบรัฐบาล ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากนายกรัฐมนตรี เสร็จสิ้น สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ที่มาดักรอฟังการเปิดใจของ นายเศรษฐา โดยเมื่อเวลา 15.55 น. นายเศรษฐา ได้เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า มาแถลงที่บริเวณประตูด้านหน้าตึกไทยฯ มี นายจักรพงษ์ แสงมณี รักษาการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะทำงาน ได้เดินลงมาพร้อมกัน

นายเศรษฐา แถลงเปิดใจโดยใช้เวลาทั้งสิ้น 19 นาที ว่า “คำพิพากษาออกมาแล้วนะครับ ต้องขอขอบคุณตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทุกท่านที่ให้โอกาสทุกๆฝ่ายได้มีโอกาสชี้แจงประเด็นทั้งหลาย และมีการหยิบยกกันมาพูดในวงกว้างและเป็นธรรม ผมเคารพในการตัดสินใจคำพิพากษาของทางศาลรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันตลอดระยะเวลาปีหนึ่งหรือเกือบปีหนึ่งที่ดำรงตำแหน่งมา พยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้อง มีความตั้งใจจริงในการทำงาน ยึดมั่นในอุดมการณ์ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รับฟังความคิดเห็นของทุกๆฝ่าย ยืนยันไม่เป็นที่ขัดแย้งของทุกๆคน และขอยืนยันอีกทีเคารพคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ“

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าการต่อสู้คดีไปพาดตรงไหน นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบเลย เมื่อกี้ไม่ได้ฟังแต่ไปฟังตอนจบอย่างเดียวเพราะติดประชุมอยู่ เมื่อถามว่าคิดหรือไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในขณะที่ผ่านมายังทำงานไปตามปกติ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอยืนยันว่าจากการที่ส่งคำแถลงปิดคดีไปเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาผลมันออกทั้งซ้ายและขวาได้ทั้งสองอัน แต่เรามีหน้าที่ที่จะต้องทำต่อไป ซึ่งต้องวางแผนระยะยาว ระยะสั้น ว่าต้องเดินทางไปไหน ไม่ได้บ่งบอกว่าจะก้าวล่วงหรือไปคาดเดาว่าผลการตัดสินจะออกมาอย่างไร

เมื่อถามว่าศาลชี้ว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งทำให้ต้องยุติบทบาททางการเมืองตลอดชีวิต นายเศรษฐา กล่าวว่า ”ผมไม่ได้ดูตรงคำว่าจะตัดสิทธิ์หรือไม่ตัดสิทธิ์มากกว่า แต่ผมเสียใจตรงที่ว่าถูกออกไปเพราะเป็นนายกฯที่ไม่มีจริยธรรม ซึ่งผมยืนยันในตัวตนของผม คิดว่าผมไม่ใช่คนอย่างนั้น แต่อย่างที่บอกท่านตัดสินมาแล้วซึ่งเป็นตุลาการที่มีความรู้ความสามารถ ท่านตัดสินมาผมก็น้อมรับ“

เมื่อถามว่า มีสิ่งไหนที่ยังไม่ได้เดินหน้าในสิ่งที่อยากทำ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นธรรมดายังมีภารกิจอีกเยอะ ปัญหาของพี่น้องประชาชนก็อีกเยอะ อย่างที่ตนเคยเรียนบ้านเมืองมีคนเก่งอีกหลายท่าน สามารถเข้ามายืนตรงนี้และทำงานต่อไปได้ เมื่อถามว่าจะฝากอะไรกับคนที่มาทำหน้าที่ต่อ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ต้องฝากเพราะทีมงานก็อยู่ ทางรัฐมนตรีก็ยังเป็นรัฐมนตรีรักษาการอยู่ ตามความเข้าใจของตน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กำลังหาไฟล์ทบินกลับจากคาซัคสถาน ถ้ากลับมาไม่ทัน ก็มีรองนายกฯคนที่ 2 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ซึ่งอยู่มาหลายรัฐบาลแล้ว และมีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดินดีอยู่แล้ว และตนก็มั่นใจในทีมงาน ซึ่งขบวนการสรรหานายกฯต่อไปก็ต้องผ่านทางสภา ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย

เมื่อถามว่าคิดว่ามีใครวางยาหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่เคยคิดอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าผลออกมาไม่ใช่เป็นที่เราคาดหวังแล้วจะไปกล่าวโทษคนนั้นคนนี้หรือวางยาตนไม่เชื่ออย่างนั้น และตนไม่อยากกลับไปอีกแล้วซึ่งได้แถลงชี้แจงไปเรียบร้อยแล้ว และแถลงปิดคดีไปแล้ว เป็นเรื่องที่ตนอยากจะพูดไป และตุลาการทุกท่านก็มีข้อมูลพร้อมอยู่แล้ว ท่านตัดสินบนข้อมูลและยืนยันตนน้อมรับคำตัดสิน

เมื่อถามว่า เข็ดหรือไม่ในทางการเมือง นายเศรษฐา กล่าวว่า มันไม่เกี่ยวว่าเข็ดหรือไม่เข็ด เพราะที่จริงแล้วปัญหาบ้านเมืองยังมีอยู่มาก แต่ละคนก็สามารถทำหน้าที่ช่วยเหลือบ้านเมืองได้ในหลายๆหน้าที่ เมื่อถามว่า การที่ได้มาเป็นนายกฯเกือบปี การก้าวมาสู่การเมืองตรงนี้คิดว่าได้บทเรียนอะไร ที่เรียกว่าเป็นบทเรียนราคาแพง นายเศรษฐากล่าวว่า คำถามนี้มันยาก เรื่องบทเรียนราคาแพงมันออกได้ทั้งเป็นบวกและเป็นลบ ซึ่งตนไม่อยากมองในแง่ลบมากกว่า การที่มาบอกว่าเป็นบทเรียนราคาแพงหรือใครวางยาอะไร อย่าไปก้าวล่วงตรงนั้นดีกว่า เดินข้างหน้าต่อไป วันนี้เราน้อมรับคำตัดสินและเดินไปข้างหน้าดีกว่า ให้กระบวนการทางนิติบัญญัติ สภา ดำเนินเรื่องในการสรรหานายกฯคนต่อไป

เมื่อถามว่า ได้ดูข้อกฎหมายหรือไม่ว่านายกฯคนต่อไปจะต้องมาจากพรรคเพื่อไทย หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบจริงๆ ก็อย่างที่ตนบอก เป็นเรื่องของข้อกฎหมายฝ่ายพรรคเพื่อไทย ก็ไปดูตรงนั้นต่อไป เมื่อถามว่า สมมุติว่าเขาไม่ได้ห้ามให้นายกฯเป็นแคนดิเดตได้อีก นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าไปไกลถึงขนาดนั้นไปทีละสเต็ปดีกว่า ไปเป็นขั้นเป็นตอนดีกว่า

เมื่อถามว่า นายกฯไม่ได้ถูกหลอกให้ไว้ใจใครบางคนหรือบางกลุ่มใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า หากจะบอกว่าที่ผลออกมาเป็นอย่างนี้ เพราะตนไว้ใจคนนั้นคนนี้ไม่ใช่หรอก เพราะทุกคนก็มีความหวังดีด้วยกัน ตนมองว่าทุกคนมีความหวังดีกับประเทศชาติดีกว่าแต่จะดำเนินการกันอย่างไรมีแผนงานบริหารจัดการประเทศอย่างไรก็เป็นเรื่องของแต่ละคนไป ด้วยวิธีการทำงาน

“แต่ผมขอยืนยันตรงนี้ ยืนตรงนี้ และก็ขอบอกว่าน้อมรับคำตัดสิน ยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ทำงานมาในตึกไทยคู่ฟ้าในตำแหน่งหน้าที่นี้ ผมก็ทำอย่างเต็มที่และทำด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ได้มีปัญหากับใครเป็นการส่วนตัว ไม่ได้มีความขัดแย้งกับใครเป็นการส่วนตัว ลองไปดูคำสัมภาษณ์ของผมดู”นายเศรษฐา กล่าว

เมื่อถามว่า นโยบายที่ประกาศไปแล้วคนที่จะมาสืบทอดจะทำต่อหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเรียนตรงๆว่าตนตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบว่าใครจะมาเป็นนายกฯ ตนไม่ทราบว่าเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ตรงนี้ให้เกียรติรักษาการนายกฯ และคนที่จะมาเป็นนายกฯคนต่อไป

เมื่อถามว่า เรื่องโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต จะดำเนินการต่อหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่างที่ตนเรียนจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทย ถ้าเปลี่ยนผู้นำแล้วเขาก็มีสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ตามที่เห็นสมควร อย่างที่ตนบอกทุกคนก็อยากเห็นประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้ อยากให้ประชาชนอยู่ดีกินดี แต่วิธีการที่จะทำให้ถึงจุดๆนั้น ก็มีอีกหลายวิธีที่ทุกคนจะทำได้ บางท่านก็อาจจะเห็นด้วย บางท่านอาจจะไม่เห็นด้วย หรือเป็นเรื่องอื่นๆก็แล้วแต่ วันนี้ต้องยอมรับว่าเราหมดหน้าที่ไปแล้วเมื่อตอนบ่ายสามโมงครึ่งวันนี้

เมื่อถามว่า ดิจิทัลวอลเล็ตที่เดินมาถึง ขนาดนี้อาจจะพลิกได้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า ตนไม่ทราบตนเรียนตรงๆได้ว่าตนไม่มีอำนาจแล้ว ต้องเป็นหน้าที่รักษาการนายกฯ หรือนายกฯคนใหม่ที่ต้องกลับเข้ามา เมื่อถามว่า ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเสร็จสิ้น มีฝ่ายการเมืองโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่มีใครโทรศัพท์เข้ามา แต่มีการส่งข้อความมาหา บางคนก็บอกว่าจะเข้ามาหา ตนก็บอกว่าอย่าเลย เพราะตนจะไปแล้ว มันอยู่ตรงนี้ไม่ได้ เพราะเขาไม่ให้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า มีนัยหรือไม่ว่านายกฯคนต่อไปไม่ใช่มาจากพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐากล่าวว่า ตนเรียนตรงๆว่าไม่มีนัยใดๆทั้งสิ้น ตนยืนยันว่าไม่ว่านายกฯคนต่อไปจะมาจากพรรคอะไรก็ตามที่ ตนยอมรับตามกระบวนการรัฐสภา

เมื่อถามว่า วันนี้รู้สึกปลอดโปร่งหรือไม่ ที่หมดสถานะตรงนี้หรือปล่อยให้การเมืองดำเนินต่อไปตามวิถีของมัน นายเศรษฐา ตอบว่า ตนว่าปล่อยให้การเมืองเดินไปตามวิถีของมันมากกว่าจะปลอดโปร่งหรือเปล่า หรือว่าอะไรหรือเปล่า ก็ขอให้เป็นความรู้สึกส่วนตัวแล้วกันดีกว่า เพราะความกังวล อย่างที่บอกกังวลเรื่องของบ้านเมืองในหลายๆเรื่อง

เมื่อถามว่า ส่วนตัวมองว่านายกฯคนต่อไปควรจะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่
นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ขอคอมเมนต์เรื่องการเมืองดีกว่า เพราะตรงนี้ไม่มีแล้วแม้ตนจะไม่ได้เป็นสส.แต่ตนเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็ต้องปล่อยให้เขาไปพูดคุยกัน ตนไม่อยากไปกดดันใครทั้งสิ้น เดี๋ยวจะหาว่าหลุดจากตำแหน่งแล้วจะมาบอกว่าใครควรได้เป็นนายกฯ ไม่เป็นนายกฯ ตนก็คิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าเกิดผลออกมาทางด้านใดด้านหนึ่ง ถ้าเกิดผลให้ตนอยู่ต่อ ตนก็ทำงานต่อ ถ้าออกมาไม่ให้ตนทำงานต่อ ก็แสดงว่าตนไม่ควรที่จะต้องมากดดันว่าที่นายกฯคนต่อไปเป็นใคร มาจากพรรคไหน มันเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกันมากกว่า อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว

เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะช่วยงานพรรคเพื่อไทยต่อไปหรือไม่ ในฐานะสมาชิกพรรค นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ทราบจริงๆ แต่ตนก็อยากจะช่วยเหลือบ้านเมืองต่อไปในบทบาทอื่นๆไม่จำเป็นต้องเป็นสส.หรือนายกฯ

เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯมีความพร้อมที่จะสานต่อหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ตนว่าทุกท่านที่อยู่ในรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ เขามีความพร้อมตรงนี้ต้องเคารพกระบวนการรัฐสภาที่จะเลือกนายกฯคนใหม่เข้ามา เมื่อถามว่า จะฝากอะไรกับนายกฯคนใหม่หรือไม่ กับในสิ่งที่ทำมาเสียดายไม่ได้สานต่อ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนฝากไม่ได้ เพราะจะเป็นการกดดันมากกว่า แต่ละคนก็มีวิถีที่จะเดินไปถึงจุดๆหนึ่ง จุดที่พวกเราอยากเห็นเดินอย่างนี้ รัฐมนตรีบางคนอาจจะเดินอย่างนี้ก็ได้ ตนว่าไม่เป็นการยุติธรรมกับนายกฯคนต่อไป ว่าจะต้องทำตามนายเศรษฐาหรือว่าอะไร อย่างไร ตนว่าให้เกียรติท่านดีกว่า ให้เวลาระบบรัฐสภา ระบบตุลาการตัดสินดีกว่าว่าจะมาอย่างไร ไปอย่างไร

เมื่อถามว่า เจอแบบนี้จะสร้างกำลังใจให้ตัวเองอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี เพราะก้าวเข้ามาวันแรกก็รู้อยู่แล้วว่าจะออกอย่างไรได้หลายๆหน้า จะครบ 4 ปีหรือไปตั้งแต่ปีที่หนึ่ง มันก็ต้องพร้อมทั้งหมด ในทุกๆฉากทัศน์ เมื่อถามว่า การเป็นนักการเมืองกับการเป็นนักธุรกิจอะไรโหดร้ายกว่ากันเมื่อเจอความผิดหวัง นายเศรษฐา กล่าวว่า ความผิดหวังทุกเรื่องโหดร้ายหมด แต่เราก็ต้องดีกับมันไป

เมื่อถามว่าในวันที่ 15 ส.ค. สิ่งแรกที่อยากจะทำหลังตื่นนอนคืออะไร นายเศรษฐา นิ่งคิดสักครู่ก่อนกล่าวว่า ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คิดว่าคงจะได้ไปลอยอังคารคุณแม่เร็วขึ้น ครั้งแรกว่าจะไปลอยในวันที่ 24 ส.ค. แต่อาจจะเป็นอาทิตย์นี้หรือเปล่ายังไม่แน่ใจ เดี๋ยวขอถามญาติๆดูก่อน ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไร แต่ถ้าหากทางทีมงานอยากจะพูดคุย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรหรือเรื่องส่งต่องาน ตนก็พร้อมแต่ไม่ได้วางแผนอะไร เดิมทีในวันที่ 15 ส.ค.จะต้องบินไปจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงเย็นเพื่อเตรียมกล่าวสุนทรพจน์ ในการประชุมแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 9 ที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่สปีดที่เตรียมไว้ก็สามารถส่งต่อ ไปยังรักษาการนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นนายภูมิธรรมหรือนายสุริยะ ซึ่งทั้ง 2 ก็จะตัดสินใจเองว่าจะไปเองหรือไม่

เมื่อถามอีกว่าอยากจะกล่าวอะไรถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี เพราะ รู้จักกันอยู่แล้ว เดี๋ยวว่างๆก็จะหาเวลาไปกินกาแฟกันเป็นธรรมดา ไม่ได้มีอะไร เมื่อถามย้ำว่าอยากจะฝากอะไรไปถึงประชาชนหรือไม่ ในฐานะที่เป็นนายกฯมา 1 ปีแล้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี ตนเป็นคนพูดไม่เก่ง และวันนี้ก็ไม่มีตำแหน่งอะไรที่จะไปพูด ตนคิดว่ามันไม่แฟร์และเป็นการกดดันคนที่จะมานั่งตรงนี้ต่อไปด้วย แต่ละคนก็มีวิธีการทำงานของแต่ละคนต่างกันไป ตนก็เคารพจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ตนก็คงไม่พูด เพราะเป็นวิถีที่ตนคิดมาเองอยู่แล้ว

“ผมเชื่อว่าการที่ผมทำงานมาโดยตลอด และอยากจะบอกว่าที่ผ่านมาผมตั้งใจทำงานจริง และไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร พยายามทำงานให้สุจริตดีที่สุดสำหรับประชาชนเท่านั้นเอง ส่วนใครจะเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต หรือไม่เอาดิจิทัลวอลเล็ต หรือทำแลนด์บริดจ์ และซอฟพาวเวอร์จะทำต่อหรือไม่ทำต่อ ก็เป็นหน้าที่ของคนที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไป รวมทั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ด้วย ซึ่งผมก็ขออำนวยพรให้ทุกๆท่าน ที่จะมาทำงานตรงนี้“ นายเศรษฐา กล่าว

เมื่อถามว่าครอบครัวได้ให้กำลังใจอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกับใครเลย ทั้งลูกๆก็ยังไม่ได้โทรศัพท์มา เพราะศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งจะตัดสิน เมื่อเวลา 15.30 น. และตนก็ลงมาให้สัมภาษณ์ ตอนนี้ยังไม่ได้มีการเช็คอะไร และคิดว่าคงไม่มีอะไร เพราะตอนที่รับตำแหน่งนายกฯ ลูกก็ไม่ได้ส่งข้อความอะไรมา ครอบครัวของตนไม่ได้เป็นแบบนั้น

เมื่อถามว่าประชาชนที่ลงทะเบียน ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต มีความกังวลว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นอย่างไรต่อไป นายเศรษฐา กล่าวยอมรับว่า ก็เข้าใจถึงความกังวล แต่ก็เป็นหน้าที่ของรักษาการนายกฯ หรือนายกฯ คนใหม่ และขึ้นอยู่กับสภาผู้แทนราษฎรว่าจะเลือกนายกฯได้เร็วขนาดไหน

เมื่อถามว่าที่นายกฯบอกว่าเสียใจ ต่อคำตัดสินที่ระบุว่าขาดจริยธรรม นายเศรษฐา กล่าวว่า ” เพราะผมมั่นใจว่า ผมเป็นคนมีจริยธรรม และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการที่ถูกร้องทำให้คำตัดสินออกมาเป็นอย่างนั้น ผมเสียใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นด้วย ผมน้อมรับคำตัดสิน และบอกมาตลอดเวลา ไม่ได้มีการวิ่งเต้นอะไร และไม่เคยโทรศัพท์หาใคร เมื่อส่งเอกสารปิดคดีไปแล้วก็ถือว่าจบแล้ว“

เมื่อถามว่าหลายคนสงสัยว่าทำไมนายกฯจึงกล้าเสี่ยงที่ส่งชื่อนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา กล่าวว่า “ ผมไม่แน่ใจ คำว่ากล้าเสี่ยงหรือเปล่า แต่ผมได้ดูข้อกฎหมายแล้วและได้สอบถามไปแล้ว แต่วันนี้ผมคิดว่าเรื่องมันจบไปแล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกมาแล้วว่าผมผิด ก็ต้องออกจากหน้าที่ไป ก็อย่าไปถามว่าทำไมเป็นอย่างไร เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมไม่เห็นด้วย เพราะข้อเท็จจริงแล้วผมเห็นด้วย และน้อมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ และวันนี้ก็ไม่มีอะไรที่จะบอกกับประชาชน เพราะจากการทำงานที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นผลงาน หรือเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จทุกคนก็เห็นอยู่แล้ว บางเรื่องมีคนเห็นด้วย ไม่พอใจและไม่สบายใจ แต่เดี๋ยวเราจะมีรักษาการนายกฯ มีนายกฯคนใหม่เข้ามาก็ให้เป็นเรื่องของบุคคลต่อไปที่จะมายืนอยู่ตรงนี้ดีกว่า“

เมื่อถามว่าในช่วงการแก้ต่างนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกฯ ได้บอกหรือไม่ว่า อาจจะสู้ทางข้อกฎหมายได้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกคนก็มั่นใจ แต่ก็เป็นเรื่องของกฎหมายและอำนาจอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่าผ่านมาเกือบ 1 ปีอะไรคือสิ่งที่ประทับใจในการทำหน้าที่นายกฯ และจะเก็บไว้ในความทรงจำ นายเศรษฐา กล่าวว่า คนเราอายุถึงขนาดนี้แล้วการที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การที่ได้ไปแก้ปัญหาให้กับประชาชน ลงพื้นที่ได้รับความรู้ และข้อมูลใหม่ๆในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้เมื่อก้าวออกไปแล้ว สิ่งที่จะผิดหวังหรือออกไปแล้วคือเรื่องที่เราจะไม่มีโอกาส การเป็นเอกชนหรือเป็นแค่นายเศรษฐา ทวีสิน เรื่องการเข้าถึงข้อมูล แหล่งความรู้ ปัญหาหรือทางออก ถ้าไม่นั่งอยู่ตรงนี้ก็จะมองไม่เห็น อย่างไรก็ตามเราก็ต้องไว้ใจระบบของสภาที่จะสรรหานายกฯคนใหม่ ซึ่งมีความรู้ความสามารถจะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญได้

”ผมไม่มีอะไรจะพูด ยกเว้นแต่มีความปรารถนาดีกับนายกฯคนต่อไป หรือแม้ในช่วงรองนายกฯ จะทำหน้าที่รักษาการนายกฯ ก็เชื่อว่าจะพยายามสืบสานเจตนารมณ์ โดยไม่ต้องพูดถึงนโยบายอะไร แต่นำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า นี่คือความตั้งใจสูงสุดที่อยากจะให้เป็น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม” นายเศรษฐา กล่าว

เมื่อถามว่า ในวันที่ 15 ส.ค.และหลังจากนี้จะทำอะไร อดีตนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ และยังไม่ได้คิดว่าจะทำอะไร เพราะไม่เคยคิดว่าจะหลุดหรือจะต้องทำอะไรต่อ การจะไปต่อมันง่าย เพราะแผนงานออกไปแล้วแต่ ถ้าหลุดก็ต้องไปคิดดู ก็อย่างที่บอกว่าอาจจะไปลอยอังคารคุณแม่เร็วขึ้น เมื่อถามว่าอนาคตทางการเมืองจะใช้ความรู้ความสามารถช่วยพรรคเพื่อไทยต่อหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ถนนมีสองทาง ขึ้นอยู่กับว่าเขาอยากจะให้ตนช่วยต่อหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าเราอยากจะช่วยแต่เขาอยากจะได้คนรุ่นใหม่เข้ามาเปลี่ยนผ่าน ตนน้อมรับตรงนี้ไม่ได้คิดอะไร

เมื่อถามว่าเป็นห่วงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจหรือไม่ เพราะเคยเป็นนักธุรกิจมาก่อน นายเศรษฐา กล่าวยอมรับว่า ก็เป็นห่วงอยู่ เข้าใจถึงความซับซ้อนที่มีอยู่ในการบริหารจัดการของประเทศ เป็นห่วงตลอด รวมทั้งปัญหายาเสพติด และปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ ปัญหาพืชผลทางการเกษตร ก็เป็นห่วงอยู่ ยอมรับว่าเป็นห่วงทุกเรื่อง แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันจบสิ้นไปแล้ว ฉากนี้มันจบไปแล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินแล้ว

เมื่อถามว่า ได้มาถึงจุดสูงสุดของชีวิตในการเป็นนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เคยคิดว่ามาถึงจุดสูงสุด หรือสูงสุด เพราะจุดสูงสุดของแต่ละคนแตกต่างกันไป ตนไม่ได้คิดตรงนี้ เรามีโอกาสได้มาดูแลบ้านเมืองและมีส่วนในการผลักดันชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นก็ถือว่าเป็นเกียรติอันสูงสุดของตน แต่การที่เราจะเดินต่อไปก็เพิ่งอายุ 62 ปีก็คงจะทำอะไรได้อีกเยอะ เมื่อถามย้ำว่าจุดสูงสุดของนายกฯคืออะไร นายเศรษฐา นิ่งไปสักครู่ก่อนกล่าวว่า “ เป็นลูกที่ดีครับ”

ทั้งนี้ภายหลังการแถลงเสร็จสิ้น นายเศรษฐา ยกมือไหว้ขอบคุณสื่อมวลชนถือเป็นการจบการเปิดใจของอดีตนายกฯ จากนั้นได้เดินไปขึ้นรถยนต์ส่วนตัว ทะเบียน ศฐ 30 กรุงเทพมหานคร โดยมีบุคคลใกล้ชิดทั้ง นายจักรพงษ์ นายสมคิด นายชัย น.ส.นัทรียา เดินไปส่งที่รถยนต์ พร้อมยกมือไหว้ก่อนที่นายเศรษฐา จะปิดประตูรถยนต์ และเดินทางออกไปจากทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 16.13 น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฉับไว! เคาะ 16 สิงหา เลือกนายกฯ สะพัด เพื่อไทยส่งชื่อ 'ชัยเกษม นิติสิริ'

ว่าที่ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงสส.ทุกคน ที่ สผ 0014/ผ 49 ลงวันที่ 14ส.ค.2567 ระบุว่า ด้วยประธานสภาผู้แทนราษฎรได้มีคำสั่งให้ยกเลิกการนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 16 สิงหาคม 2567

'อนุทิน' ลั่นขออยู่ช่วยรัฐนาวาพ้นพายุไปให้ได้ ดีกว่าอยู่แล้วได้ประโยชน์คนเดียว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีมติ 5:4 ถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ตกใจ และขอส่งกำลังใจ จากกระทรวงมหาดไทยให้กับ

'พรรคประชาชน' พล่ามไม่หยุด รัฐธรรมนูญ 60 ให้อำนาจศาลฯ-องค์กรอิสระ ผูกขาดตีความจริยธรรม

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงจุดยืนของพรรคประชาชนจากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า ขอแสดงความกังวลและไม่เห็นด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้

'สมชาย' ขอบคุณศาลรธน. ยกระดับมาตรฐานจริยธรรมรัฐมนตรีต้องซื่อสัตย์สุจริต

นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ในฐานะหนึ่งในผู้ร้องคดีถอดถอนนายกรัฐมนตรี ระบุหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 4 ให้นายเศรษฐา ทวีสินพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและครม. สิ้นสภาพทั้งคณะว่า ต้องขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญ

ละเอียดยิบ! มติศาลรธน. 5 ต่อ 4 'เศรษฐา' พ้นนายกฯ เซ่นฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคดีถอดถอน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายจิระนิติ หะวานนท์ เริ่มอ่านคำวินิจฉัย